ประเทศไทยได้ผ่านระยะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาสามเดือนเศษแล้ว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563มีผู้ป่วยรวม 1,651 คน มีผู้ได้รับการรักษาหาย342 คน และมีผู้เสียชีวิต 10 คน ในขณะที่มีคนบางกลุ่มประมาณสถานการณ์ว่าในวันที่ 15 เมษายน 2563 อาจจะมีผู้ป่วยสูงสุดถึง 350,000 คน และจะมีคนตายนับหมื่นคน
สถานการณ์มาถึงวันนี้มีความชัดเจนว่าคนไทยจะป่วยและตายไม่ถึงจำนวนที่คาดหมายอย่างแน่นอน
สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการในการปิดจังหวัด ปิดหมู่บ้าน และการปิดเมือง ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการไปแล้วนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทย และเป็นผลให้สถานการณ์แพร่ระบาดเป็นดังที่ทราบกัน และประเทศไทยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการเหมือนกับประเทศอื่นที่มีสภาพแตกต่างกัน ซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายย่อยยับมากยิ่งขึ้น
ความหนักแน่นสุขุมของรัฐบาลในเรื่องนี้ แม้ว่าจะต้องฝ่าข้ามการพร่ำบ่นและความไม่พอใจในระยะหนึ่งแต่ในที่สุดความจริงและผลที่เกิดขึ้นก็เป็นดังที่เห็นและทราบกัน นั่นคืออะไรที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายเกินความจำเป็นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาแบบอย่างประเทศอื่นซึ่งแตกต่างกัน
ต้องขอย้ำว่าประเทศไทยมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนประเทศอื่นหลายประการคือ
ประการแรก ประเทศไทยตั้งอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นแนวขนานห่างไกลออกจากเส้นขนานที่ 40 ซึ่งเป็นแนวแพร่ระบาดใหญ่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สภาพอากาศของประเทศไทยและความโชคดีของประเทศไทยที่มีอากาศร้อนเร็วกว่ากำหนด จึงทำให้การแพร่ระบาดในที่แจ้งน้อยมาก การแพร่ระบาดคงเหลือในพื้นที่ปรับอากาศ และที่ติดเชื้อจากคนเท่านั้น
ประการที่สอง คนไทยมีภูมิต้านทานไวรัสทุกชนิดสูงกว่าคนเชื้อชาติอื่น เพราะคนไทยรู้จักหวัดมาตั้งแต่เกิดเป็นแล้วก็หาย หายแล้วก็เป็น เป็นแล้วก็หาย ซ้ำๆ ซากๆ จนไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ต่างกับหลายชาติที่หากติดเชื้อหวัดแล้วเป็นเรื่องร้ายแรง ต้องพักรักษาที่โรงพยาบาล 3 วัน 5 วัน 7 วัน และเสียชีวิตแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
ประการที่สาม ประเทศไทยมีสมุนไพรมากมายหลายชนิด และมีภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยที่รู้จักใช้สมุนไพรในการป้องกันรักษาโรคมากมายหลายชนิด รวมทั้งโรคหวัดด้วย แม้กระทั่งอาหารและเครื่องดื่ม คนไทยก็มีปกติกินและดื่มสมุนไพร จึงมีภูมิต้านทานและมีภูมิคุ้มกันสุขภาพดีกว่าชนชาติอื่น
ประการที่สี่ แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง ดังที่สมเด็จพระสังฆราชทรงเตือนว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นอย่าคิดว่าไม่มี เพราะไวรัสโควิด-19 มองไม่เห็นแต่ก็มีอยู่ อานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในแผ่นดินนี้แม้มองไม่เห็นก็ย่อมมีอยู่ ดังนั้นสิ่งที่คนบางกลุ่มบางพวกคาดหวังว่าคนไทยจะป่วยมาก ตายมากจึงไม่เป็นผลตามที่คาดหวังและปั่นกระแสกัน
แต่ที่น่าห่วงใยมากที่สุดก็คือยาที่ใช้รักษาโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกก็ยอมรับกันแล้วว่ายาเฉพาะที่ประเทศจีนคิดค้นขึ้นและนำมาใช้เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นั้นชั่วเวลาไม่กี่วันก็สามารถรักษาคนจีนที่ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ร่วม 80,000 คน ให้หายได้อย่างรวดเร็ว และยังได้นำไปใช้ช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่ขอรับความช่วยเหลือในหลายประเทศทั่วโลก
นอกจากยาเฉพาะของประเทศจีนดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีปรากฏว่าประเทศใดคิดค้นสูตรยาเฉพาะได้สำเร็จ ในประเทศไทยของเราไม่เคยมีการจดทะเบียนตำรับยาหรือกำหนดมาตรฐานของยารักษาไวรัสโควิด-19 เลย
ประเทศไทยได้ใช้ยาอื่นไปตามอาการของอาการไข้หวัดโควิด-19 และยาที่ใช้ก็มียาพาราเซตามอลบ้าง ยาแก้ไข้มาลาเรียบ้าง ยาอื่นบ้าง
รวมทั้งยาแก้ไข้หวัดซาร์สที่ประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นขึ้นเมื่อครั้งโรคซาร์สระบาดเกือบ 20 ปีก่อน ซึ่งยาดังกล่าวนี้เมื่อเกิดโรคซาร์สระบาด ประเทศจีนก็ได้นำไปใช้และร่วมกันผลิตกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยาดังกล่าวนี้ได้มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาและใช้ในการรักษาไข้หวัด ซาร์สมานานแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ยาเฉพาะในการรักษาไวรัสโควิด-19 โดยตรง
ในตอนต้นของการแพร่ระบาด ประเทศไทยได้เปิดการแถลงข่าวความสำเร็จในเรื่องการรักษาไวรัสโควิด-19 สองครั้ง โดยคณะแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี และบางครั้งก็มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงด้วย
ครั้งแรก คือการแถลงผลสำเร็จของการใช้ยาค็อกเทลที่เป็นยาผสมในการรักษาผู้ป่วยสำเร็จเป็นครั้งแรกและเป็นข่าวดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วโลก ซึ่งรักษาหายได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาแค่ 48 ชั่วโมง
ครั้งที่สอง คือการแถลงผลสำเร็จของการใช้พลาสม่าของคนขับสามล้อที่หายป่วยจากไวรัสโควิด-19 ฉีดให้กับผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 และได้ผลทันตา คือ หายป่วยในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ถูกโจมตีว่ายังไม่มีการวิจัย ยังไม่มีการรับรองมาตรฐาน แล้วสองเรื่องนี้ก็เงียบหายไปในขณะที่ประเทศจีนก็ได้นำวิธีการทั้งสองวิธีนี้ไปใช้เป็นอีกส่วนหนึ่งด้วย น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่ได้พัฒนาต่อยอดความสำเร็จนั้นให้เป็นมรรคเป็นผล
เพราะเหตุนี้ยิ่งนานวันเข้า จำนวนผู้หายป่วยก็ห่างไกลออกไปจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มนับพันคนแล้ว และอัตราการหายก็ห่างไกลออกไปจากอัตราผู้ป่วยใหม่ ในขณะที่มีจำนวนผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้น และอัตราการตายที่สองเดือนตายเพียง 1 คน ก็ตายเพิ่มมากขึ้นจนถึงตัวเลขสองหลักแล้ว
นี่คือข้อที่น่าห่วงใยที่สุดซึ่งผู้มีอำนาจหน้าที่บริหารงานสาธารณสุขจะได้ทบทวนเรื่องการใช้ยารักษาโรคไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว เพราะชีวิตประชาชนนั้นไม่ใช่ของเล่นหรือของทดลอง เพราะขณะนี้แม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อไวรัสก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนน่าใจหาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี