รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เผยมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายดูแลผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจทั้งระบบด้วยการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินลดต้นทุนรวมถึงการระดมทุนและการเยียวยาภาคประชาชนทั้ง67.6 ล้านคน
การแพร่ระบาดครั้งนี้มีความรุนแรงมากในรอบศตวรรษนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2461 ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจและครัวเรือนภายในประเทศได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างมีประชาชนต้องตกงานมากกว่า 12 ล้านคน ในขณะที่ผู้ที่ไม่ตกงานก็ต้องถูกลดเงินเดือนลงตั้งแต่ร้อยละ 10 ถึงร่อยละ 50 ส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศการลงทุนและการบริโภคมีการหดตัวหนักและส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในประเทศ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างทันสถานการณ์กระทรวงการคลังจึงได้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินที่ใช้แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศซึ่งมีข้อจำกัดกับเงื่อนเวลาของการงบประมาณโดยใช้งบกลางของงบประมาณปี 2563 และเงินทุนสำรองจ่ายตาม พ.ร.บ.งบประมาณ 2561 ต้องสำรองไว้เพื่อใช้ในเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้น และวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปีงบประมาณ 2563ที่มีเหลืออยู่บ้าง
กระทรวงการคลังต้องใช้งบประมาณ 2 ปีคือปี 2563 และ 2564 ที่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติโดยการกู้เงินด้วยวิธีการออกพระราชกำหนดเป็นการเฉพาะหน้ารวม 3 กรอบวงเงิน ซึ่งมียอดรวมไม่น้อยกว่า 1.9 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย พระราชกำหนดกู้เงินจำนวน1 ล้านล้านบาท เท่ากับร้อยละ 6 ของรายได้ประชาชาติของปี 2563
เงินส่วนนี้เป็นก้อนที่บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจให้ผู้ที่มีอาชีพอิสระประมาณ 9 ล้านคน ในวงเงิน 270,000 ล้านบาท โดยรัฐจ่ายเงินให้คนละ 30,000 บาท ในเวลา 6 เดือน ส่วนต่อมาเป็นงบประมาณด้านการสาธารณสุขในการต่อสู้กับโรคไวรัสโควิด-19
อีกส่วนวงเงิน 400,000 ล้านบาท ครอบคลุมการเพิ่มศักยภาพ และยกระดับการค้า การผลิต และการบริการในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและในระดับพื้นที่ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ ตลาดจนการส่งเสริมตลาดสำหรับผลผลิต ส่วนที่เหลือเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและระบบการเงินให้แก่ธุรกิจรายย่อย จำนวน 330,000 ล้านบาท
ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น มีวงเงินต้องกู้เงินตามพระราชกำหนด 2 ฉบับ ฉบับแรกวงเงิน 500,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้ซอฟต์โลนอัตราดอกเบี้ยต่ำมากให้ผู้ประกอบการกู้ไปเสริมสภาพคล่องในทุกกลุ่มธุรกิจผ่านธนาคารของรัฐบาลทั้ง 6 ธนาคาร ฉบับที่ 2 วงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันตราสารหนี้ในตลาดทุนเพื่อรักษาภาวะความผันผวนในตลาดทุนของประเทศและนี่คือมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ 3 ของปี 2563 นี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี