ปัญจวัคคีย์เมื่อตั้งความเข้าใจร่วมกันว่าการเสด็จพุทธดำเนินมาหาพวกตนในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะหลอกลวงให้พวกตนกลับไปปรนนิบัติรับใช้ดังแต่ก่อน ความคิดจิตใจที่จะต่อต้านการเสด็จมาของพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงเพิ่มความเข้มข้นรุนแรงขึ้น
พี่ใหญ่ของปัญจวัคคีย์คือ โกณฑัญญะ ซึ่งเป็น1 ใน 2 นักบวชคนสำคัญที่ได้ร่วมงานสำคัญเมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติใหม่ๆ และพระเจ้าสุทโธทนะได้เชิญยอดนักบวชและพราหมณ์ทั้งหลายไปทำพิธีเพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่พระราชโอรส
ซึ่งในครั้งนั้นอสิตดาบสซึ่งเป็นมุนีที่คนทั้งหลายเคารพนับถือมากที่สุด ได้ยกมือขึ้นแล้วชูสองนิ้วพยากรณ์ว่าพระกุมารนี้ในภายภาคหน้าถ้าเสวยสิริราชสมบัติก็จะทรงเป็นพระมหาจักรพรรดิของโลก แต่ถ้าเสด็จออกบรรพชาอุปสมบทก็จะทรงเป็นศาสดาเอกของโลก
ในลำดับนั้นโกณฑัญญะซึ่งเป็นนักบวชชื่อดังและได้รับเชิญไปร่วมงานด้วยได้ชูมือขึ้นและยกนิ้วขึ้นเพียงนิ้วเดียว แล้วพยากรณ์ว่าพระกุมารนี้ในอนาคตกาลจะทรงดำเนินไปในหนทางสายเดียวเท่านั้น คือจะเสด็จออกบรรพชาอุปสมบท และจะทรงเป็นศาสดาเอกของโลก
ดังนั้นโกณฑัญญะจึงคอยติดตามข่าวสารในกรุงกบิลพัสดุ์อยู่เนืองๆ ถึงความเป็นไปของเจ้าชายสิทธัตถะครั้นต่อมาได้ทราบว่าทรงละเสียแล้วซึ่งพระราชบัลลังก์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ เสด็จออกป่าเพื่อแสวงหาโมกขธรรมจึงด้วยความเชื่อมั่นในวิชาพยากรณ์แห่งตน ท่านโกณฑัญญะซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าปัญจวัคคีย์แล้วก็ได้เล่าความแต่หนหลังให้พี่น้องปัญจวัคคีย์ได้ทราบ
ทุกคนมีความเชื่ออย่างเดียวกัน จึงพร้อมใจกันไปตามหาเจ้าชายสิทธัตถะ ครั้นได้พบแล้วก็ได้ถวายตัวรับใช้ปรนนิบัติด้วยความหวังว่าเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว พวกตนก็จะเป็นผู้ที่มีโอกาสแรกที่จะได้รับการอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ทรงตรัสรู้นั้น
ปัญจวัคคีย์นั้นเป็นพวกนักบวชประเภทที่เดินหนทางสายตึง คือมีความเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าการปฏิบัติตนอย่างเข้มข้นด้วยความยากลำบากเป็นอเนกประการนั้นเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ไปสู่นิพพานได้
ดังนั้นเมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาสาหัส ปัญจวัคคีย์ล้วนปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งตั้งตารอคอยว่าวันเวลาที่จะทรงตรัสรู้กำลังมาถึงแล้วแต่ครั้นทรงเปลี่ยนพระทัยเห็นว่าการเดินหนทางสายตึงแบบนี้มีแต่จะเสียเวลาและตายเปล่า จึงทรงกลับมาเสวยพระกระยาหาร ทำให้ปัญจวัคคีย์อกหักผิดหวังแล้วหลีกลี้หนีไป
ปัญจวัคคีย์จำแต่ความอกหักผิดหวังนั้นอย่างรุนแรง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีความโกรธประดังเข้ามาในอกของโกณฑัญญะด้วย ดังนั้นจึงเป็นแหล่งที่ตั้งแห่งความคิดว่าการเสด็จมาในครั้งนี้ก็เพื่อจะมาหลอกลวงพวกตนให้กลับไปปรนนิบัติรับใช้ดังเดิม จึงลืมความที่โกณฑัญญะได้พยากรณ์แต่หนหลังไปสิ้น จึงตั้งการ์ดแข็งแรงและสูงเป็นพิเศษ
ปัญจวัคคีย์ตกลงกันว่าถ้าพระพุทธองค์เสด็จมาแล้วผ่านไปก็จะทำเป็นนิ่งเฉยไม่สนใจไยดีทักทายด้วย แม้พระองค์ทรงเห็นพวกตนและเสด็จเข้ามาทักทายก็จะไม่ต้อนรับ ไม่ปูอาสนะให้นั่ง ไม่ตักน้ำล้างพระบาทให้ไม่โอภาปราศรัยด้วย ถึงแม้จะตรัสประการใดก็จะทำเป็นไม่ได้ยิน และจะไม่พูดด้วยเป็นอันขาดเพราะเกรงว่าหากพูดด้วยแล้วก็จะเป็นประตูแห่งคำลวงที่จะทำให้ใจอ่อนได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จตรงเข้ามาถึงที่พวกปัญจวัคคีย์นั่งกันอยู่ และทอดพระเนตรเห็นอากัปกิริยาทั้งหลายเช่นนั้นก็ประทับยืนนิ่งอยู่ ในขณะที่ปัญจวัคคีย์เมื่อเห็นพระพุทธองค์ในระยะใกล้ก็รู้สึกแปลกใจน้อยๆว่าไฉนเจ้าชายสิทธัตถะที่ผอมซูบโซหมดราศีแห่งความเป็นมนุษย์ เมื่อครั้งที่ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาในขณะที่พวกตนหลีกลี้หนีไปนั้น กลับมีความผ่องใสราวกับว่ามีรัศมีสีทองรอบพระวรกาย แต่เพราะการตกลงกันไว้อย่างแข็งขันจึงต่างคนต่างก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมมองพระองค์ซึ่งหน้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยืนอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัสว่า ดูกรปัญจวัคคีย์ บัดนี้เราได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จึงมาพบพวกท่านเพื่อจะได้บอกกล่าวแนะนำสิ่งที่เราตรัสรู้ให้พวกท่านได้ทราบ เมื่อตรัสแล้วก็ประทับยืนนิ่งอยู่ดังเดิม
ปัญจวัคคีย์แม้ได้ยินเสียงที่ตรัสก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ต่างคนต่างก้มหน้านิ่งอยู่
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสย้ำเป็นครั้งที่สองด้วยข้อความอย่างเดียวกัน ปัญจวัคคีย์ก็ยังก้มหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม แม้ตรัสอย่างเดียวกันเป็นหนที่สามปัญจวัคคีย์ก็ยังคงก้มหน้านิ่งทำตามสัญญาที่ให้ไว้แก่กันไม่ยอมพูดไม่ยอมจาใดๆ
ณ บัดนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่าดูกรปัญจวัคคีย์ พวกเธอได้ปรนนิบัติรับใช้เรามาเป็นระยะเวลาก็ไม่น้อยด้วยความยากลำบากของเราและพวกท่าน แม้ปิ่มว่าเราเกือบจะสิ้นชีวิตไปเพราะทุกรกิริยานั้น แต่มีสักครั้งหรือไม่ที่เราเคยกล่าวแก่พวกเธอว่า เราได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ปัญจวัคคีย์ได้ยินคำตรัสนี้ก็ประดุจดังมีฟ้าผ่าลงมาที่กลางใจ ทุกคนสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมกัน รำลึกได้ว่าแม้ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาสาหัสปิ่มว่าจะสิ้นพระชนม์ชีพ และตลอดระยะเวลาที่พวกตนปรนนิบัติมายาวนานนั้นก็ไม่เคยได้ยินและพระองค์ก็ไม่เคยตรัสว่าได้ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ปัญจวัคคีย์ทราบดีว่าตั้งแต่เมื่อครั้งทรงเป็นเจ้าชายสิทธัตถะพระองค์มีปกติกล่าวแต่คำสัตย์จริงไม่เคยกล่าวคำลวงใดๆ เลย ด้วยอานุภาพแห่งสัจวาจาอันเป็นประหนึ่งสัจจะอธิษฐานนั้น ปัญจวัคคีย์ทั้งห้าจึงผุดลุกขึ้นถวายการต้อนรับพระองค์ในทันที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี