ผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีลูกจ้างโดยตรงหลายล้านคน เกี่ยวข้องกับครัวเรือนที่ค้าขายต่อเนื่องอีกหลายล้านครอบครัวกำลังเดือดร้อนสาหัส จากผลกระทบที่เกิดจากการป้องกันควบคุมโควิด-19
การออกมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ในยามที่ปลอดภัยจากโควิด-19 เป็นสิ่งที่ต้องทำ
1. ก่อนหน้านี้ มีมาตรการจูงใจทางภาษี ไปเที่ยวแล้วเอาค่าที่พักมาหักลดหย่อนภาษีได้
แต่จากผลกระทบที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จำเป็นต้องใช้ยาแรงกว่านั้นมาก
2. ล่าสุด ครม.อนุมัติไปแล้ว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวและกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงหลังโควิด-19 ประกอบด้วย
โครงการกำลังใจ - รัฐบาลสนับสนุนค่าเดินทางของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) รวม 1,200,000 คน ให้เดินทางโดยการใช้บริการกับบริษัทนำเที่ยว โดยรัฐจะสนับสนุนไม่เกินคนละ 2,000 บาท สำหรับการเดินทางไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน
โครงการเราไปเที่ยวกัน - รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พักในลักษณะร่วมจ่าย จำนวน 5,000,000 คืน ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าห้องพัก (แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน) และสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยจะต้องมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้านของประชาชนผู้จองที่พัก
โครงการเที่ยวปันสุข - รัฐบาลสนับสนุนการเดินทางของประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน โดยการจำหน่ายบัตรโดยสารของผู้ประกอบการขนส่งด้านการท่องเที่ยว 3 กลุ่ม ได้แก่ สายการบินในประเทศไทย
รถขนส่งไม่ประจำทางข้ามจังหวัด และรถเช่าในอัตราร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
โครงการเหล่านี้ ยังไม่เริ่มดำเนินการ
ขณะนี้ ททท.และกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างจัดเตรียมแพลตฟอร์มรองรับการสมัครใช้สิทธิ์ คาดว่าจะนำเสนอรายละเอียดวิธีการเข้าร่วมโครงการในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า และจะเริ่มเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งปต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป (เดือน ก.ค.-ต.ค. 2563)
3. ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบข้อมูลที่น่าสนใจมาก
กลุ่มตัวอย่าง 47.7% มองว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว
กลุ่มตัวอย่างกว่า 60.1% วางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 1-3 เดือน (หลังการคลายล็อก)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยจะได้รับผลด้านบวก ให้มีเม็ดเงินรายได้เพิ่มขึ้นราว 41,000 ล้านบาท เมื่อเทยีบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการฯ
4. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวฯ มีการออกแบบที่จะช่วยเหลือให้ครอบคลุมผู้ประกอบการในห่วงโซ่ของภาคการท่องเที่ยว ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจท้องถิ่นอย่างร้านขายของที่ระลึก หรือร้านอาหาร เป็นต้น
น่าจะมีผลทางจิตวิทยากระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว และก่อให้เกิดการใช้จ่ายในสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลทางบวกเพิ่มเติมต่อทิศทางตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
เมื่อมีมาตรการกระตุ้นฯ เพิ่มเติม ศูนยวิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า ทั้งปี 2563 จะมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย (ไทยเที่ยวไทย)89.5-91.5 ล้านคน-ครั้ง (หดตัว 46.4% ถึงหดตัว 45.2% จากปีที่ผ่านมา)
รายได้จากคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ น่าจะมีมูลค่า 5.45-5.67 แสนล้านบาท (หดตัว 49.5% ถึงหดตัว 47.5% จากปีที่ผ่านมา)
ทั้งนี้ ภายใต้สมมุติฐานว่า จะไม่มีการแพร่ระบาดรอบสอง!!!
5. ขณะนี้ เราจะเริ่มเห็นการออกโปรโมชั่น การโฆษณาขายเปิดจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ทัวร์ ตามจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มคึกคัก แข่งขันราคากันดุเดือด ลดแหลกกว่า 50%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากผลสำรวจสะท้อนว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย คนไทยเริ่มวางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ กอปรกับรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. 2563 ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และหากไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ไม่ให้กลับมาระบาดในประเทศเป็นรอบที่ 2 บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศน่าจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังอ่อนแอ ความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังทำให้ตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะยังไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวก การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวไทยจะค่อยเป็นค่อยไปในกรอบที่จำกัด ส่งผลทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจที่รุนแรง โดยเฉพาะแรงกดดันต่อการกำหนดทิศทางของราคา ขณะเดียวกันการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการภายใต้สภาวะ New Normal ยังเต็มไปด้วยข้อจำกัด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และต้นทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องปรับรูปแบบการทำตลาด โดยใช้จังหวะที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว อาทิ จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวพิเศษสำหรับผู้ที่
ไม่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์จากมาตรการ และการจูงใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาใช้บริการอีกครั้ง โดยมีการนำเสนอแพคเกจราคาพิเศษให้กับผู้ที่มาใช้บริการในครั้งต่อไป เป็นต้น
นอกจากนี้ คงต้องติดตามรายละเอียดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายใต้วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมและหนุนการท่องเที่ยวให้มีแรงขับเคลื่อนต่อไป
5. จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยข้างต้น ทำให้เห็นได้ว่า นี่ขนาดว่ามีมาตรการกระตุ้นฯ ยังติดลบขนาดนี้
ถ้าไม่มีมาตรการกระตุ้นฯ จะลบขนาดไหน
มาตรการกระตุ้นฯ นั้น จึงอาจเปรียบเทียบได้ “การปั๊มหัวใจ” เศรษฐกิจท่องเที่ยวในบ้านเรา
ที่สำคัญ จะต้องช่วยกันระมัดระวัง มิให้เกิดการแพร่ระบาดรอบสอง เพราะนั่นคือหายนะอย่างแท้จริง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี