ปัจจุบัน ราคาขายทองคำในประเทศ พุ่งกระฉูด สูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่ง ราคาแพงกว่า 3 หมื่นบาทแล้ว
1.ราคาขายทองคำในประเทศ ปรับตัวตาม “ราคาทองคำ” ในตลาดโลก
ที่มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน สูงกว่า 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปแล้ว
สูงสุดในประวัติศาสตร์โลก
2.เหตุที่ราคาทองคำในตลาดโลกแพงขึ้น เพราะสถานการณ์ผลกระทบ
จากโควิด-19 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดระลอกที่สองในหลายประเทศทั่วโลก อันจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก
รวมถึงสถานการณ์ความมั่นคงบนเวทีโลก ทั้งสหรัฐอเมริกากับจีนที่มีความตึงเครียดสูง
นักลงทุนจึงเปลี่ยนมาถือทองคำที่นับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
อีกทั้งมีการลงทุนแบบเก็งกำไรว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนในโลก นั่นก็ยิ่งทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่ากันว่า “กองทุนเอสพีดีอาร์” (SPDR) ได้ซื้อทองคำมาถือครองกว่า 15 ตัน รวมแล้วมีถึง 1,258 ตัน มากกว่า “เงินสำรอง” ของธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ถึง 4 เท่า
ราคาทองคำขณะนี้ หากเทียบกับช่วงต้นปี ราคาปรับสูงขึ้นไปแล้วกว่า 35%
3.ประการสำคัญ ขณะนี้ ทั่วโลกอยู่ในสภาวะที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
การฝากเงินเก็บไว้ มีผลตอบแทนต่ำมากๆ
ในหลายประเทศ แพ้อัตราเงินเฟ้อด้วยซ้ำไป
ความหมาย คือ การฝากเงินไว้ในธนาคาร จะทำให้มูลค่าของเงินที่ฝากไว้ เมื่อเทียบกับราคาสินค้าโดยทั่วไปแล้ว จะติดลบ นั่นคือ เงินก้อนที่ฝากไว้รวมดอกเบี้ยเงินฝาก จะมีมูลค่าจริงลดลง
4. การคาดการณ์ของ “ธนาคารแห่งอเมริกา” (Bank of America) มีความเป็นไปได้ว่า ราคาทองคำอาจแตะถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงต้นปี 2565
และในปี 2568 ก็อาจขยับขึ้นไปถึง 15,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ย้ำ นั่นเป็นเพียงการคาดการณ์!!!
5.คำแนะนำ คือ ถ้าใครมีทองคำอยู่แล้ว ก็อาจพิจารณาทยอยขายได้บ้าง เพื่อดูสถานการณ์ เช่น ข่าววัคซีนโควิด-19 ข่าวความขัดแย้งในสถานการณ์โลก ฯลฯ ถ้ามีข่าวดี ราคาทองคำก็อาจจะไม่ขยับต่อไป และอาจลดลงก็เป็นได้ การขายทำกำไร (เพราะต้นทุนที่ซื้อมาต่ำกว่าราคาปัจจุบันแน่นอน) จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
แต่ถ้ามันมีข่าวลบซ้ำเติมสถานการณ์โลกมาอีก ก็อาจเก็งกำไรว่าราคาทองคำจะพุ่งกระฉูดตามคำทำนายข้างต้น ก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน ประเมินสถานการณ์ก่อน ถ้าอยากเก็งกำไรใหม่ก็ยังทัน
6.ปัจจุบัน การซื้อขายทองคำในลักษณะของการลงทุนเก็งกำไร มีมากขึ้น ได้รับความสนใจมากขึ้น
ผู้สนใจควรติดต่อกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ที่มีการซื้อขายจริงๆ ไม่ใช่เอาเงินเราไปทำแชร์ลูกโซ่
ปัจจุบัน การเก็งกำไรราคาทองคำทำได้จริง แต่มีความเสี่ยง
เพราะราคาทองคำอย่างเดียวไม่พอ ยังมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
แฟนเพจ FX Insight เข้าใจค่าเงิน เล่าข้อมูลน่าสนใจ ว่า ด้วยเรื่อง “ซื้อทองอย่างไร ให้กำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย” ระบุว่า
“นาทีนี้ มีอะไรก็ไม่เท่ามีทอง
อาทิตย์ที่ผ่านมา ทุกท่านคงจะสัมผัสได้ถึงราคาทองที่ปรับสูงขึ้นทุบสถิติไปกันหลายรอบ จนปัจจุบันราคาทะลุ 30,000 บาท โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องท่วมโลกจากนโยบายกระตุ้นต่างๆ และ
ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด
โดยหากคิดกำไรจากทองนั้น ถ้าซื้อเมื่อตั้งแต่ต้นปี 2018 ราคาขายที่ประมาณ 20,000 บาท ก็คิดเป็นกำไรกว่า 50% (2 หมื่น -> 3 หมื่น) แต่หากถือมานานกว่านั้น อาจได้กำไรมากถึง 464%
แต่รู้หรือไม่ หากเราลงทุนทองเป็น USD จะมีกำไรมากกว่าการซื้อทองในรูปเงินบาทมาก โดยกำไรอาจสูงถึง 608% ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ??
เพราะการลงทุนทองในรูปเงิน USD กำไรขาดทุนจะขึ้นกับราคาทองเพียงอย่างเดียว คือได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่การลงทุนทองคำในรูปเงินบาทนั้น กำไรขาดทุนจะขึ้นกับทั้งราคาทองและค่าเงินบาท คือต้องลุ้นทั้งทองต้องลุ้นทั้งบาท
แต่ๆๆๆ ประเด็นคือ ราคาทองกับค่าเงินบาทมักจะเคลื่อนไหวไปด้วยกันเป็นส่วนใหญ่
คือ ราคาทองขึ้น เงินบาทแข็ง เห็นได้จากการมี correlation ที่เป็น positive มาอย่างต่อเนื่อง
แปลว่า กำไรจากทอง ก็มักจะขาดทุนจากเงินบาท ทำให้การลงทุนทองนั้นไม่ได้กำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แล้วถามว่าคนไทย มีทางเลือกที่จะซื้อขายทองเป็น USD หรือไม่?
ทำได้ๆ ด้วยการซื้อขายทองคำเป็น USD ใน TFEX และแว่วๆ ว่าเร็วๆ นี้ ภาครัฐจะอนุญาตให้สามารถซื้อขายทองคำกับร้านทองแบบเป็น USD ได้ด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้การลงทุนในทองนั่นได้กำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างแท้จริง
#ทองทะลุ3หมื่น #กำไรทองขาดทุนบาท #ไม่อยากเสียโอกาสถือเป็นUSD #อิจฉากิ้งก่า #เพราะกิ้งก่าได้ทอง #ยังซื้อทันมั้ยเนี่ย #ค่าเงินบาท #THB #ทองคำ”
นอกจากนี้ ยังให้คำอธิบายขยายความอีกด้วยว่า
“...ถ้าเงินบาทแข็ง ราคาทองคำในสกุลบาทจะปรับลดลงครับ
โดยปกติแล้วการคิดราคาทองคำในไทยนั้นจะมีภาพคร่าวๆ
แบบนี้ครับ
(ราคาทองUSD + premium) x ค่าเงินบาท x 0.473 = ราคาทองไทย
สมมุติว่า ราคาทองUSD ที่ $2,000 (premium=2) และเงินบาทที่ 31
(2,000 + 2 ) x 31 x 0.473 = ราคาทองไทย 29,355
หากราคาทองUSD เป็น $2,020 หรือเพิ่มขึ้น 1% (premium
ไม่เปลี่ยน) แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็น 30.5
(2,020 + 2 ) x 30.5 x 0.473 = ราคาทองไทย 29,170
ดังนั้น ในกรณีที่ราคาทองโลกสูงขึ้น X%
ราคาทองในไทยอาจจะขึ้นน้อยกว่าหรือปรับลดลงก็ได้ครับ หากเงินบาทแข็งค่า
ที่สำคัญคือ โดยทั่วไปเงินบาทมักจะแข็งค่า ในช่วงเดียวกับที่ราคาทองโลกปรับสูงขึ้น จึงทำให้การลงทุนทองคำในสกุลเงินบาทมักจะได้กำไรน้อยกว่าการลงทุนทองคำในสกุลดอลลาร์ครับ”
7. เมื่อยามที่ราคาสินค้าชนิดหนึ่งราคาแพง เรามักหาวิธีเลี่ยงไปบริโภค หรือซื้อหาสินค้าชนิดอื่นที่ทดแทนกันได้
ในสถานการณ์ที่ราคาทองคำราคาแพงลิบลิ่วเช่นนี้ คนที่จำเป็นต้องซื้อทองคำ เช่น ใช้เป็นสินสอดทองหมั้น หรือใส่เป็นเครื่องประดับ (ซึ่งจะล่อตาโจรเป็นพิเศษ) ฯลฯ จะมีทางเลือกอื่นหรือไม่?
หากราคาทองคำยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็นงานแต่งงานที่ไม่ใช้ทองคำเป็นสินสอดทองหมั้น หรือใช้จำนวนน้อยลง แต่เปลี่ยนไปใช้ทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์อย่างอื่น เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ฯลฯ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปด้วย อีกทางหนึ่ง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี