วันนี้เป็นวันแรม 13 ค่ำ เดือน 10 ปีชวด เหลือเวลาอีก 17 วัน ก็จะเป็นวันมหาปวารณาออกพรรษาแล้ว และหลังจากนั้นอีก 30 วันคือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ก็จะเป็นวันสำคัญมากที่สุดในพระพุทธศาสนา แต่มีผู้ให้ความสนใจและให้ความสำคัญน้อยมาก
นั่นคือเป็นวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอานาปานสติแก่พระสงฆ์สาวก ซึ่งเป็นผลจากการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงวันอาสาฬหบูชา คือวันเพ็ญ เดือน 8 ว่าสี่เดือนนับจากนี้อันเป็นวันที่ดอกโกมุทบาน พระองค์จะแสดงอานาปานสติแก่ภิกษุทั้งหลาย
ดังนั้นในบรรดาพระธรรมคำสอนทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอน ทรงแสดงนั้นอานาปานสติเป็นพระธรรมคำสอนเดียวที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานถึง 4 เดือน
หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพระธรรมคำสอนเดียวที่พระผู้มีพระภาคเจ้าใช้เวลาไตร่ตรองเรียบเรียงก่อนที่จะตรัสสอนยาวนานที่สุดคือ 4 เดือน รองลงมาก็คือธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงไตร่ตรองอยู่เพียงชั่วราตรีเดียว คือในวันขึ้น 14 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8
และด้วยเหตุนี้อานาปานสติจึงเป็นพระธรรมคำสอนที่มีความเป็นระบบอย่างยิ่ง มีความเป็นระเบียบอย่างยิ่ง มีความต่อเนื่องเป็นขั้นเป็นตอนประณีตอย่างยิ่ง ไม่มีพระธรรมคำสอนใดตลอดโพธิกาลที่มีความบริบูรณ์เหมือนดังอานาปานสตินั้นเลย
อานาปานสติมีความสำคัญอย่างไร ก็ยังเป็นเรื่องที่ชาวพุทธยังมีความสนใจและมีความเข้าใจน้อยมาก ทั้งๆ ที่มีความสำคัญสูงสุดที่จะทำให้ปุถุชนสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย อย่างน้อยก็สัมผัสกับรสชาติพระธรรมและได้รับมรรคผลตามขั้นตอนของการปฏิบัติ
อานาปานสติแปลโดยความหมายสั้นๆ ได้ว่าคือการกำหนดสติไว้ที่ลมหายใจ เป็นพระธรรมคำสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานโดยตรงที่สุด แต่มีความครบถ้วนทั้งส่วนปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ที่เป็นปริยัติคือเป็นพระธรรมคำสอนที่ทรงแสดงพื้นฐานที่สุด ง่ายที่สุด มีความเป็นลำดับจากความเป็นปกติในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปจนถึงบรรลุมรรคผลนิพพาน จึงเป็นพระสูตรที่มีความง่ายและชัดเจนที่สุดในเชิงปริยัติ ภาษาและถ้อยคำทั้งหมดง่ายต่อความเข้าใจ มีภาษาเทคนิคเพียงบางคำเท่านั้น ซึ่งสามารถอธิบายได้ไม่ยากนัก
ที่เป็นปฏิบัติก็คืออานาปานสตินั้นเป็นวิธีปฏิบัติอยู่ในตัว แสดงวิธีปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นง่ายที่สุดที่มีแค่ลมหายใจอยู่กับตัวก็สามารถฝึกฝนปฏิบัติได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขอเพียงก้าวไปตามก้าวบันไดที่ทรงสอนไว้เท่านั้นก็จะรู้และปฏิบัติได้โดยง่ายไม่ขัดสน แม้มีอาการเมื่อยขบหรือมีสิ่งรบกวนในทางอารมณ์บ้าง การปฏิบัตินั้นก็จะบอกให้ทราบด้วยตนเองว่าล้วนเป็นมายาการที่สามารถก้าวผ่านไปได้ไม่ยากไม่ลำบากเลย
ที่สำคัญคือเป็นการปฏิบัติโดยตรงตั้งแต่ร่างกาย กายลม กายเนื้อ ไปจนถึงความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น และปฏิบัติลึกลงไป หยั่งลึกถึงสิ่งที่เรียกว่าจิต จากนั้นจิตที่มีความพร้อมสมบูรณ์เพราะเหตุการณ์ปฏิบัติสมบูรณ์พร้อมในการเจริญสัมมาสติก็สามารถก้าวไปสู้ขั้นปฏิบัติในการเจริญปัญญาเพื่อเข้าถึงความจริงตามความเป็นจริงได้ และเมื่อปัญญาเจริญแล้วก็จะก้าวถึงภาวะที่เป็นอิสระสูงสุด สลัดออกจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงหรือพระนิพพานนั่นเอง
จึงเป็นแบบแผนปฏิบัติทั้งในส่วนกาย ในส่วนสติ ในส่วนสมาธิ และในส่วนปัญญาที่ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมในคำสอนเดียวนี้
ที่เป็นปฏิเวธก็คือในท่ามกลางการปฏิบัตินั้นจะสามารถรับผลจากการปฏิบัติได้ทุกขั้นทุกตอน จากผลการปฏิบัติของแต่ละขั้นตอนนั้น เมื่อรับผลปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนแจ่มแจ้งชัดเจนแล้วก็จะเป็นบาทฐานให้แก่การยกระดับการปฏิบัติให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และรับผลการปฏิบัตินั้นแม้ในภาวะที่สลัดออกจากความยึดมั่นถือมั่น ถึงซึ่งความอิสระสูงสุดก็รับผลอันเป็นปฏิเวธจากการถึงภาวะเช่นนั้นได้
ดังนั้นพระสูตรเดียวนี้จึงบริบูรณ์และมีความชัดเจนเป็นระบบเท่ากับศึกษาพระไตรปิฎกทั้งหมด หรือเท่ากับการปฏิบัติตามพระไตรปิฎกทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้อานาปานสติจึงมีความสำคัญต่อการศึกษา ต่อการปฏิบัติ และต่อการเข้าถึงซึ่งมรรคผลนิพพานในพระธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้า จนอาจกล่าวได้ว่าศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนเรื่องนี้แม้เพียงเรื่องเดียวก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้
แล้วไฉนเล่าชาวพุทธจึงไม่ทุ่มเทศึกษาปฏิบัติและรับผลการปฏิบัติจากพระธรรมคำสอนในเรื่องนี้
พระตถาคตเจ้าเองทรงตรัสสรรเสริญอานาปานสติไว้เป็นอันมาก ดังที่ทรงตรัสว่าอานาปานสติที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำให้สติปัฏฐานสมบูรณ์ได้ สติปัฏฐานที่สมบูรณ์แล้วย่อมทำให้โพชฌงค์สมบูรณ์ได้ โพชฌงค์ที่สมบูรณ์แล้วย่อมทำให้สลัดออกจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับรองว่าแม้พระองค์เองก็มีปกติสถิตอยู่ในอานาปานสติวิหาร ซึ่งหมายความว่าทรงเจริญอานาปานสติเป็นปกติ ทรงตรัสว่าเมื่อครั้งตรัสรู้ก็ทรงตรัสรู้ในอานาปานสติ เมื่อทรงดำรงอยู่ในแต่ละวันก็ทรงดำรงอยู่ในอานาปานสติและแม้ที่สุดเมื่อถึงกาลเสด็จดับขันธปรินิพพานก็เสด็จดับขันธ์ในอานาปานสตินั้น
วันนี้นำเรื่องอานาปานสติมาเกริ่นให้ฟังกันก่อน เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความใคร่รู้ ใคร่ศึกษาใคร่ปฏิบัติในเรื่องอานาปานสติซึ่งจะแสดงต่อไปโดยลำดับตามกาลอันควร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี