สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เปรียบประดุจต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมให้ความร่มเย็นไปทั่วทุกตารางนิ้วบนพระราชอาณาจักรไทย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกสถาปนาขึ้นเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์โดยแท้ พสกนิกรไทยตระหนักดีว่าพระราชอาณาจักรไทยจะไม่สามารถขาดพระเจ้าแผ่นดินหรือพระมหากษัตริย์ได้เพียงแต่แม้วินาทีเดียว เพราะพสกนิกรไทยซาบซึ้งดีว่าพระเจ้าแผ่นดินคือพระผู้ทรงปกเกล้าปกกระหม่อมของคนไทยเสมอมา
เป็นความจริงที่ได้ผ่านการพิสูจน์มาเนิ่นนานอย่างน้อยสองศตวรรษแล้วว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยคือสถาบันที่มีไว้เพื่อประโยชน์สุขของปวงประชาชนทุกคนดังนั้นมวลมหาประชาชนจึงมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสมอมา และช่วยกันพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ตลอดไป คนไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าแผ่นดินต่างบอกตรงกันว่า สถาบันฯนี้มีความสำคัญต่อความอยู่รอดของแผ่นดินไทย และมีบุญคุณอันยิ่งใหญ่เกินจะกล่าวพรรณนาได้หมดสิ้น สถาบันฯนี้อยู่คู่ราชอาณาจักรสยาม และประเทศไทยมาแล้วอย่างน้อยประมาณ 1,000 ปี ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของปวงประชาชนที่ต้องร่วมกันทำนุบำรุงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้อยู่คู่ประเทศไทยสืบต่อไปชั่วกาลนาน
ทุกครั้งที่ประเทศชาติตกอยู่ในสภาวะแห่งความทุกข์เข็ญ ประชาชนตกอยู่ในห่วงแห่งความทุกข์ พระเจ้าแผ่นดินไทยจะทรงปัดเป่าความทุกข์อย่างทั้งปวงให้
เบาบางและมลายหายไปเสมอมา และที่สำคัญยิ่งคือคนไทยรู้ดีว่าพระเจ้าแผ่นดินของเขาทรงอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนไทยตลอดเวลาและเสมอมา ยามใดที่คนไทยประสบทุกข์ภัย ยามนั้นจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณหลั่งชโลมลงมาเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยากให้มลายไปโดยพลัน ด้วยเหตุนี้เอง คนไทยจึงเคารพ เทิดทูน และบูชาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมเสมอมา และยืนยันจะพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย
คนไทยโชคดีมหาศาลที่มีพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงคุณอันประเสริฐ ทรงเป็นทั้งพ่อของแผ่นดิน และทรงเป็นทั้งกัลยาณมิตรของคนไทย เพราะทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชนตลอดเวลา ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อยังให้เกิดความผาสุกร่มเย็นกับพสกนิกร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก จนยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณได้ ทรงให้สติคนไทยในทุกยามที่ประเทศชาติตกอยู่ในยามทุกข์เข็ญ และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อนำมาซึ่งความสุขของผู้คนบนแผ่นดินไทย
เมื่อใดก็ตามที่คนไทยนึกถึงพระเจ้าแผ่นดินของเขา ก็จะบังเกิดขวัญและกำลังใจขึ้นมาโดยทันที แล้วยังสามารถระลึกถึงโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ นานาหลายพันโครงการที่พระราชทานไว้ ซึ่งโครงการตามแนวพระราชดำริเหล่านั้นล้วนช่วยสร้างความเจริญ ความอยู่ดีกินดีให้กับมวลประชาชนในทุกภาคส่วนของแผ่นดินไทย
แผ่นดินไทยมีปัญหานานัปการ แต่ปัญหาเหล่านั้นก็ได้ถูกขจัดปัดเป่าไปได้ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เช่น แผ่นดินไทยมีปัญหาเรื่องน้ำแล้ง พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงแก้ปัญหาน้ำให้ แผ่นดินไทยมีปัญหาเรื่องข้าว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงแก้ปัญหาเรื่องข้าวให้ ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องป่าไม้ถูกทำลาย พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงช่วยพลิกฟื้นผืนป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เขียวขจี จึงกล่าวได้ว่า ยามใดเมื่อประเทศไทยประสบปัญหาใดก็ตาม พระเจ้าแผ่นดินจะทรงช่วยขจัดปัญหาให้คนไทยเสมอมา
พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงมีความปรารถนาดีต่อประเทศไทยและคนไทย ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อแผ่นดินไทยและคนไทย ทรงหวังดีต่ออาณาประชาราษฎร์อย่างที่สุด คนไทยจึงกล่าวได้อย่างเต็มปาก และด้วยความภาคภูมิใจว่า โชคดีที่ได้เกิดภายในพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงเป็นกัลยาณมิตรของคนไทยทั้งแผ่นดิน พระองค์ท่านพระราชทานคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยเสมอมา และที่สำคัญคือทรงอยู่ใกล้ชิดกับคนไทยตลอดเวลา ในยามที่คนไทยประสบภัยพิบัติใดก็ตาม พระเจ้าแผ่นดินจะพระราชทานความช่วยเหลือให้โดยพลัน
ในความเป็นจริงตามประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเมื่อช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั้น ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคนั้นอย่างแตกฉานจะประจักษ์ว่าพระเจ้าแผ่นดินในยามนั้นทรงถูกคุกคามอย่างสาหัสจากรัฐบาลในขณะนั้น อาจจะกล่าวได้ว่ารัฐบาลในยุคนั้นทำการอันเรียกได้ว่ารังแกข่มเหงพระเจ้าแผ่นดินไทยก็ว่าได้คนที่ทราบประวัติศาสตร์ไทยมาอย่างดีจะรู้ว่าพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินถูกลิดรอนโดยผู้มีอำนาจรัฐในขณะนั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่บอกตรงกันว่า พระเจ้าแผ่นดินในยุคนั้นไม่สามารถเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่เห็นใดได้ตามพระราชประสงค์ ต้องประทับอยู่เพียงเฉพาะในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนดเท่านั้น แล้วยังบังคับไม่ให้พระเจ้าแผ่นดินทรงซื้อของจำเป็นใดๆ ตามพระราชประสงค์ได้ด้วย พระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงสามารถเสด็จออกงานใดๆ ได้ แต่คนที่ออกงานเป็นประจำคือนายกรัฐมนตรีและภริยาของนายกรัฐมนตรีนี่คือความเลวร้ายอย่างสาหัสที่บังเกิดกับพระเจ้าแผ่นดินไทยแต่พระองค์ก็ทรงยึดหลักขันติธรรม และทรงอดกลั้นอย่างที่สุด เพราะทรงคำนึงถึงความสงบสุขของแผ่นดินเป็นสำคัญ คนไทยที่รู้เรื่องเลวร้ายเหล่านี้จึงเกิดความรักและเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวอย่างสุดซึ้ง และปลาบปลื้มที่พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงมีพระขันติธรรมเป็นเลิศเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปจะสามารถมีได้
คนที่รู้ซึ้งฉากการเมืองของไทยในยุคที่พระเจ้าแผ่นดินทรงถูกกระทำกระทำเช่นนั้น ต่างบอกว่านั่นคือความอดกลั้นอย่างสุดจะบรรยายได้ แต่พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงยอมเสียสละเรื่องนี้ เพื่อให้บังเกิดความสงบสุขบนแผ่นดิน ดังนั้นจึงทำให้คนไทยรักและเทิดทูนพระเจ้าแผ่นดินของเขาอย่างสูงสุด
มีผู้บันทึกไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระทัยเด็ดเดี่ยวมาก ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองและประชาชนไม่ต้องประสบสภาวะเลือดท่วมท้องช้าง เมื่อท่านต้องทรงสูญเสียพระราชอำนาจไป หลังจากถูกคณะราษฎรปล้นพระราชอำนาจ พระองค์ไม่ทรงต้องการจะให้เกิดสงครามกลางเมือง แต่ทรงเลือกที่จะเห็นบ้านเมืองไม่ต้องเกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง อันจะนำไปสู่สถานการณ์มิคสัญญีกลียุค เลือดท่วมพระราชอาณาจักร
เมื่ออ้างจากคำพูดของคนผู้หนึ่งที่คนไทยพอจะรู้จักเป็นอย่างดี คือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งเคยบอกชัดเจนว่าเขาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสมอมา สุลักษณ์เคยบอกว่าในยุครัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลพระองค์ท่านว่า หากทำในเรื่องนี้แล้ว ราษฎรจะตำหนิติฉินด่าทอพระองค์ พระองค์ทรงตอบว่า ราษฎรไทยบางคนด่าทอพระเจ้าแผ่นดินตลอดเวลา ฝนไม่ตกก็ด่าพระเจ้าแผ่นดิน แต่ถ้าคนที่ด่า ด่าด้วยเรื่องเหลวไหล คนทั่วไปก็จะไม่สนใจแล้วจะลืมไปเอง แต่หากคนเขาพูดในเรื่องที่มีสาระมีความสำคัญ พระเจ้าแผ่นดินก็ต้องทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ต้องฟังเสียประชาชน
สุลักษณ์บอกด้วยว่า ในครั้งหนึ่งหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร สมัยที่ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมใหญ่ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แล้วในที่สุดหม่อมเจ้าสิทธิพรทรงกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไปทำฟาร์มที่บางเบิด โดยครั้งหนึ่งท่านทรงเขียนในหนังสือกสิกรว่า นโยบายของรัฐบาลน่าจะดำเนินไปในทางที่ผิด เพราะคิดขายข้าวอย่างเดียว ครั้งเมื่อในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงราชย์ พระองค์ท่านทรงขอให้หม่อมเจ้าสิทธิพรทรงกลับเข้ามารับราชการ ทรงตั้งเป็นปลัดทูลฉลอง กระทรวงเกษตรฯ แต่หม่อมเจ้าสิทธิพรกราบบังคมทูลว่า หากพระองค์ท่านมีพระราชประสงค์จะให้กลับเข้ามารับราชการจริง ขอให้พระองค์ทรงตั้งกรมใหม่ขึ้นมา คือ กรมทดลองกสิกรรม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฟังคำทูลของหม่อมเจ้าสิทธิพร เพราะพระองค์ทรงเห็นจริงตามที่หม่อมเจ้าสิทธิพรกราบบังคมทูล นี่คือเรื่องสำคัญที่ทำให้คนไทยเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงยินดีฟังความเห็นของผู้อื่น โดยเฉพาะความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินโดยแท้จริง
ดังนั้นการที่ใครก็ตามที่ต้องการจะกราบบังคมทูลเรื่องใดๆ ต่อพระเจ้าแผ่นดิน ก็ขอให้กราบบังคมทูลเฉพาะเรื่องที่มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยแท้จริง แล้วก็เป็นเรื่องจริงที่คนไทยรู้ดีว่าพระเจ้าแผ่นดินไทยทรงยินดีรับฟังความคิดเห็นของคนไทยตลอดเวลา แต่หากใครก็ตามที่กระทำการอันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์เจ้าแล้ว ไม่มีวันที่คนไทยจะยินยอมให้มันผู้นั้นกระทำการอันหยาบช้าได้เป็นอันขาด ดังนั้น หากใครก็ตามที่ต้องการกราบบังคมทูลในเรื่องใดๆ แล้ว ก็ขอให้ใช้ถ้อยคำให้เหมาะสม และขอให้ทำบนฐานของความหวังดีต่อประเทศชาติโดยแท้จริง มิใช่ทำด้วยเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นการกระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผู้กระทำต้องได้รับโทษตามกฎหมายกำหนดโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
ขอย้ำอีกครั้งว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเกิดขึ้นและดำรงอยู่เพื่อประโยชน์สุขที่แท้จริงของประชาราษฎร ซึ่งคนไทยและคนทั่วโลกได้ประจักษ์ชัดในความจริงข้อนี้มานานแล้วสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้นเปรียบประดุจต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุหลายร้อยปี ให้ร่มเงา ให้ความร่มเย็นกับพสกนิกรไทยเสมอมา
น่าประหลาด น่าสังเวชใจที่คนไทยบางจำพวกใช้คำพูดที่แสนต่ำช้ากับพระเจ้าแผ่นดินไทย ซึ่งสิ่งไม่บังควรเหล่านั้นทำให้คนไทยที่จงรักภักดีไม่สามารถทนเห็นได้แต่พระเจ้าแผ่นดินไทยทรงมีพระขันติธรรมอย่างที่สุด ไม่ทรงเดือดร้อนพระทัยกับสิ่งไร้สาระ คนไทยที่มีปัญญาต่างรู้ดีว่าคนที่ใช้ถ้อยคำสามานย์กับพระเจ้าแผ่นดิน ก็เพราะคนสามานย์เหล่านั้นไม่สามารถใช้คำหยาบ คำถ้อยสถุลเช่นนั้นกับนักการเมืองชั่วช้า และเหล่ามาเฟียบนแผ่นดินนี้ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นแล้วชีวิตของคนสถุลเหล่านั้นจะหาไม่ ดังนั้นเหล่าสถุลจึงได้ใจแล้วกระทำการอันไม่บังควรต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งสุดท้ายแล้วคนสามานย์ต่างรู้ดีแก่ใจว่าจะต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษในที่สุด คนสามานย์ไม่สามารถซาบซึ้งกับของที่มีคุณค่าสูงส่งได้ฉันใด คนชั่วช้าต่ำสถุลก็ไม่มีวันเข้าใจความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ฉันนั้น แต่สำหรับคนที่มีสติปัญญาแล้วต่างประจักษ์ชัดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมีคุณูปการอย่างยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยและประชาชนไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี