ลำดับเหตุการณ์ หลังม็อบคณะราษฎร 63 เคลื่อนไปถึงทำเนียบรัฐบาลก่อนสลายตัวไป
1. การชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 22.00 น. (14 ต.ค. 2563) แกนนำตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยหันหน้าเวทีไปทางทำเนียบรัฐบาล
แกนนำสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายอานนท์ นำภา น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์นายอรรถพล บัวพัฒน์ กลุ่มขอนแก่นพอกันที นายชูเกียรติ แสงวงศ์ และน.ส.สุพิชฌาย์ ชัยลอม เป็นต้น เนื้อหาส่วนใหญ่โจมตีรัฐบาล เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 กล่าวพาดพิงสถาบันฯ เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและแนวร่วมฯที่ถูกจับกุมเมื่อ 13 ต.ค. 2563
บางราย จาบจ้วงสถาบันรุนแรง พาดพิงไปถึงราชวงศ์ และ ร.9
ประมาณ 3-4 ทุ่ม มวลชนที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น และนักศึกษา เริ่มทยอยเดินทางกลับ
ผู้ชุมนุมบางส่วนนั่งจับกลุ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก ตรงข้ามกองทัพภาคที่ 1 และบริเวณร้านสะดวกซื้อ (7-11) สาขานางเลิ้ง ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
2. จำนวนมวลชน
ช่วงพีคสุด จำนวนประมาณ 12,000-15,000 คน
เวลา 01.30 น. มวลชนลดจำนวนเหลือประมาณ 1,300 คน แยกได้ดังนี้ 1) แยกสวนมิสกวัน-สะพานชมัยฯ 600 คน 2) สะพานชมัยฯ-แยกนางเลิ้ง 300 คน และ 3) แยกมิสกวัน-สะพานมัฆวานฯ 400 คน
นั่นเป็นเหตุผลสำคัญแท้จริง ที่ทำให้แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุม ทั้งๆ ที่ เดิมประกาศจะชุมนุมปักหลัก ตั้งเวที อย่างน้อย3 วัน 3 คืน โดยนายอานนท์ นำภา ประกาศบนเวทีเวลาราวตีหนึ่ง ระบุว่า รัฐบาลเตรียมจะสลายการชุมนุม จึงเปลี่ยนแผน โดยอ้างว่าจะเคลื่อนขบวนจากหน้าทำเนียบรัฐบาลไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเคลื่อนขบวนต่อไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ในเวลา 16.00 น.และคืนนี้ขอให้มวลชนพักค้างคืนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
3. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
เมื่อเวลา 04.00 น. เช้ามืดวันที่ 15 ต.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร โดยให้มีผลตั้งแต่ 15 ต.ค. 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป
ต่อมา จนท.ตำรวจประกาศให้ผู้ชุมนุมสลายตัว และเริ่มกระชับพื้นที่ พร้อมกับประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ยังอยู่ในพื้นที่แยกนางเลิ้งบางส่วนให้ออกจากพื้นที่
กระทั่ง เวลา 04.50 น. จนท.ตำรวจสามารถควบคุมพื้นที่ชุมนุมได้โดยไม่มีเหตุรุนแรง
ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา เพราะไม่มีความจำเป็นเลย เนื่องจากจำนวนผู้ชุมนุมเหลือน้อยนิด มีการจับกุม ตะครุบตัวผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งที่ขัดขืนขว้างปาตำรวจ
โดยยอดผู้ชุมนุมก่อนเจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่ เมื่อเวลา 03.30 น.มีมวลชนประมาณไม่ถึงพันคน แยกได้ดังนี้ 1) ที่แยกมิสกวัน-สะพานชมัยมรุเชฐ ราว 400 คน 2) สะพานชมัยมรุเชฐ-แยกนางเลิ้ง 150 คน 3) แยกมิสกวัน-สะพานมัฆวานรังสรรค์ 150 คน
เวลาประมาณ 06.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมได้ เจ้าหน้าที่ กทม.เข้าทำความสะอาด พื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติ
4. จนท.ตำรวจควบคุมตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม 3 คน ได้แก่
นายอานนท์ นำภา โดยแสดงหมายจับ ของศาล จ.เชียงใหม่ คดีการปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) และนายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ (เจมส์) แกนนำกลุ่มนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตามหมายจับของศาลธัญบุรี
และได้จับกุมแกนนำและแนวร่วมอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดได้รับสิทธิตามกฎหมาย เข้าถึงทนายความ
5. ประเด็นที่บิดเบือนอย่างเลวร้าย คือ กล่าวหาว่า การคุกคามรถขบวนเสด็จฯเป็นการสร้างสถานการณ์
นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ โพสต์ในเฟซบุ๊ค Sermsuk Kasitipradit ระบุว่า เรื่อง “หยุดบิดเบือนเส้นทางเสด็จ” เนื้อหาบางตอนน่าสนใจ
“ ...ขบวนรถพระที่นั่งของพระราชินีจะมุ่งหน้าไปปฏิบัติพระราชกรณีกิจที่วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แขวงจอมทอง เขตบางขุนเทียน ไม่ใช่จะเสด็จไปพระบรมมหาราชวัง จึงไม่ได้ใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน จากพระที่นั่งอนันตสมาคม ผ่านถนนพิษณุโลกหน้าทำเนียบ เพื่อไปขึ้นทางด่วนยมราช ไปวัดโอรสารามฯ
แต่มีขบวนตีปี๊บฉิ่งฉาบบิดเบือนขบวนเสด็จจะไปพระบรมมหาราชวัง มีเจตนาผ่านถนนพิษณุโลกแล้วไปเลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่ห้า (เส้นหน้าทำเนียบด้านคลอง) เลี้ยวขวาเข้าถนนลูกหลวงไปออกสะพานมัฆวานรังสรรค์เลี้ยวซ้าย เข้าราชดำเนินมุ่งหน้าไปแยกผ่านฟ้าไปพระบรมมหาราชวัง... เป็นเส้นที่มโนจากจินตนาการโดยแท้ทรู
ขบวนเสด็จวิ่งในเส้นทางตามแผนที่ป่วนระบุไว้ไม่ได้เลย แต่มีการป่วนให้ข่าวบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด...
แต่.. ไม่ว่าจะเสด็จผ่านเส้นทางไหน ก็ควรเสด็จได้อย่างปลอดภัยมิใช่หรือ
ลองนึกภาพว่า รถยนต์ของญาติพี่น้องใคร วิ่งผ่านม็อบแล้วโดนคุกคาม จะรับกันได้ไหม หยุุดบิดเบือน เลิกอ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าคนไม่อัปรีย์ คุกคามขบวนเสด็จ จะเป็นเรื่องใหญ่ไหม?...”
6. เรื่องนี้ แม้แต่คนที่ติดตามข่าวสารการเมืองธรรมดา ไม่ใช่นักข่าวก็ยังมีสติรู้คิด เช่น ความเห็นดังต่อไปนี้ ที่ได้รับการส่งต่อมาว่า...
“...เพื่อนลูกสาว เป็นเด็กหนุ่มที่มีความเห็นต่างจากพวกเรา
วันนี้เขาโพสต์คลิปเรื่องขบวนเสด็จ ว่าม็อบไม่ได้ไปสกัดหรือทำร้ายอะไร รัฐเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างประการพ.ร.ก.ฉุกเฉินห้ามชุมนุม
พี่สอนเขาไปว่า การที่ผู้ชายอกสามศอกไปข่มขู่คุกคามรถที่ผู้หญิงกับเด็กนั่งมา มันไม่ถูกต้อง มันไม่เป็นสุภาพบุรุษ และด้วยเป็นกลุ่มคนที่คนทั้งประเทศเขารัก เขาเทิดทูน คนไทยก็เข้ามาปกป้อง
เขาเถียงว่า ถ้าเป็นรถธนาธร รถประยุทธ์ จะเป็นแบบนี้หรือไม่
พี่บอกเขาไปว่า อภิสิทธิ์ก็เคยโดนมาแล้ว รุนแรงกว่านี้ แต่คนไม่ได้เห็นใจ สงสารเท่าสมเด็จและองค์ทีโดน เพราะทั้งสองเป็นที่รักมากของคนทั้งประเทศ
พี่บอกเขาว่า จะแก้ไขอะไรในประเทศไทย ให้ไปหาคนเก่ง คนฉลาดคนดี มานำ และข้อเรียกร้องต้องโดนใจคนส่วนใหญ่ในประเทศ
พี่เตือนสติเขาว่า พวกเขาโชคดีกว่าพี่มาก ที่รัฐบาลไม่เคยคิดจะล้อมปราบเลย ตอนที่พี่ร่วมชุมนุม เราฝ่ากระสุน ระเบิด แก๊ซน้ำตามาแล้ว เอาชีวิตแทบไม่รอด
เขาบอกว่า เขาก็ไม่ได้อยากจะก่อม๊อบ เขาอยากพูดคุยกับรัฐ
พี่ก็ให้กำลังใจเขา บอกว่า ส่งเสียงดังดังไปให้รัฐบาลได้ยิน พี่จะช่วยส่งเสียงด้วย ว่าเด็กเด็กอยากพูดคุย แต่พี่แนะเขาว่า อย่าไปยุ่งกับสถาบันที่คนรักเคารพ ไม่มีประโยชน์ พี่ชวนเขามาร่วมกับเราจัดการนักการเมืองที่โกงกินดีกว่า...”
น่าเศร้าใจ... เหตุการณ์เลวร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่เคยมีการคุกคามขบวนรถเสด็จฯอุกอาจเช่นนี้มาก่อน คนที่ยังพยายามฟอกขาวได้ มันช่างจิตใจโสมมเหลือเกิน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี