วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ถ้าจะมีใครสักคนถามว่า สังคมไทยได้อะไรจากกิจกรรมการชุมนุมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการชุมนุมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชื่อว่าคำตอบคงคล้ายๆ กันว่า ไม่มีประโยชน์อะไรกับสังคมไทยและประเทศไทยแม้แต่น้อย นอกจากความสะใจของกลุ่มแกนนำการชุมนุม กลุ่มอีแอบกลุ่มคนชังชาติที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม กลุ่มคนอาชีพนักการเมืองจากพรรคการเมืองบางพรรคที่คอยตักตวงผลประโยชน์จากความเสียหายหายนะของประเทศไทย
สังคมไทยทั้งหมดต้องยอมรับความจริงแรกก่อนว่า“การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)”สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจประเทศไทยในระดับหายนะและไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เกือบทั่วโลกทั่วทุกภูมิภาคได้รับผลกระทบเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจแทบทั้งสิ้น
เมื่อประเทศคู่ค้าของไทยเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ กอปรกับการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้การส่งออกของประเทศไทยเกิดปัญหาค้าขายก็ไม่ได้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของเศรษฐกิจไทยก็หายนะอย่างหนัก เพราะไม่ว่าเขาว่าเราก็กลัวว่ามหันตภัยไวรัสร้ายนี้จะกลับมาระลอกสองระลอกสามหรือไม่
จริงๆ ประเทศไทยค่อนข้างโชคดีที่ระบบการสาธารณสุขเข้มแข็งได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก เศรษฐกิจไทยจึงน่าจะเงยหน้าได้เร็วกว่าเพื่อนในอาเซียนด้วยกันจากนโยบายของรัฐบาลทหารแก่ที่พยายามสนับสนุนกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการสาธารณสุข แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยหากสังคมไทยยังเอาชนะคะคานกันอยู่เช่นนี้
ยุวชน เยาวชนก็ขาดสติ ขาดวุฒิภาวะจนลืมสามัญสำนึกที่พึงมีไปเสียสิ้น ม็อบเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องเสรีภาพ แต่ม็อบทำลายเสรีภาพการทำธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าทำลายเสรีภาพและลิดรอนสิทธิ์การใช้ถนนใช้บริการสาธารณะของประชาชนคนกทม.จนสิ้น
ถ้าไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดี ไม่ต้องสำรอกหอนเห่า แค่ไม่ทำผิดไม่ละเมิดกฎหมายก็จบแล้ว ถ้าไม่อยากถูกคุกคามก็เลิกคุกคามคนเห็นต่าง เพราะคนเห็นต่างไม่ใช่คนชังชาติ ส่วนคนชังชาติ พรรคการเมืองอีแอบเลิกตะแบงปลุกเร้าให้สังคมวุ่นวายเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้แล้ว คนทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษ เพราะเราอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ไม่มีความผิด
ไม่ว่าเป้าหมายจริงเป้าหมายลวงของม็อบจะคืออะไร แต่การต่อสู้บนถนนครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ ลองตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตั้งสติและตรองให้จงหนัก เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ในขณะนั้นนำพลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม และผู้นำมวลชน กับ พลเอกสุจินดา คราประยูร อดีตสมาชิกแกนนำคณะรัฐประหารรสช.คู่ขัดแย้งทางการเมืองเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หลังเกิดความวุ่นวายกลายเป็นจลาจลในกรุงเทพมหานคร ครั้งนั้นทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานแก่คู่ขัดแย้งความโดยสรุปว่า
จะเป็นฮ่องกงโมเดลหรือไม่ไม่รู้ แต่กิจกรรมนี้ผู้แพ้มีรายเดียวชื่อ ประเทศไทย
ถ้าม็อบยุวชน เยาวชนทำร้ายประเทศกันเยี่ยงนี้ ยังจะถามหาอนาคตข้างหน้า…เพื่อ
เศรษฐกิจชาติมันต้องหายนะจบที่รุ่นนี้แหละ

อินเดียป่วนหนัก สายการบินโลว์คอสต์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน1,200เที่ยว
อิ๊งค์ โพสต์ถึง ทักษิณ บอกสุขสันต์วันพ่อ ขอให้อดทน รอไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
ห่อของใคร ธนกฤต โพสต์ผงสีขาว ลั่นขอสืบจากศพ ตร.ขอระงับเผา ณัฐวุฒิ ปงลังกา
ต้อนรับไฮซีซั่น! ปธ.ที่ปรึกษา รมว.ทส.ลงภูเก็ต ติดตามจัดระเบียบอุทยานสิรินาถ
พสกนิกร หลั่งไหลเข้าสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี