อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ อสญฺญโต ปพฺพชิโต น สาธุ ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ
บางครั้งความโลภหลงในอำนาจทางการเมืองก็สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องสำเหนียก-สำนึกถึงมารยาทใดๆทั้งสิ้น อย่างกรณีของ 2 พรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ดำเนินการอยู่จริงๆ แง่มุมหนึ่งถือเป็นความถูกต้องชัดเจนที่ผู้บริหารทั้งสองพรรคกระโดดขย้ำก้อนเนื้อที่หล่นจากปากสุนัข
จริงอยู่หนังสือที่ ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภานำเรียนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญรัฐสภา เพื่อเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่อาจจะทรงพลังยังคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง หรืออาจจะกลายเป็นเรื่องไร้สาระที่นักการเมืองบางกลุ่มบางพวกใช้เป็นเวทีตีรวนหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องเสมือนการเตะหมูเข้าปากสุนัขเสียมากกว่า คนอาชีพนักการเมืองเหล่านี้อาจฉวยโอกาสใช้เวทีนี้หลอกด่าผู้นำรัฐบาล และปลุกเร้าให้คนเห็นต่างออกมาสร้างพลังต่อรองมากขึ้น
ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จึงไม่ใช่ ประเด็นที่สมควรนำมาพิจารณา โดยเฉพาะประเด็นให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก พร้อมยุยงปลุกปั่นให้พรรคร่วมรัฐบาลสลายร่าง แล้วคัดสรรนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อบริหารราชการแผ่นดินแทน ซึ่งคงอ้างความต้องการของประชาชนเป็นประเด็น ทั้งที่แคนดิเดตในซีกฝ่ายค้านนั้น แทบไม่มีผู้ใดเป็นตัวแทนประชาชนเลย ไม่สอบตกยกชั้นก็ถูกตัดสิทธิ์ด้วยข้อหาเงินกู้ที่กำลังจะถูกดำเนินคดีอาญาในขั้นตอนต่อไปของกฎหมาย
แน่นอนหากพรรคร่วมรัฐบาลยังมีอุดมการณ์ถือวาจาสัตย์เรื่องการเมืองเปลี่ยนขั้วคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อต้องการประชาธิปไตยในประเทศไทยและเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ทหารแก่ควรประกาศยุบสภา เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ พิสูจน์ความต้องการของประชาชนโดยแท้บนพื้นฐานแห่งระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการแข่งขันกันในกติกาเดิมที่พรรคการเมืองทั้งหลายเข้าใจและเรียนรู้มาแล้ว
ผุดวาทกรรมใหม่ในการเลือกตั้ง จากฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจกับฝ่ายประชาธิปไตย เป็นฝ่ายที่ต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์แก้ไขรัฐธรรมนูญและเดือดร้อนจากการบริหารประเทศของทหารแก่แอนด์เดอะแก๊ง กับฝ่ายปกป้องสถาบัน แก้ไขรัฐธรรมนูญและบริหารประเทศในยุควิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) นี่คือการแสดงเจตจำนงของประชาชนชาวไทย เพื่อยุติการแอบอ้างประชาชนในการบ่อนทำลายและทำร้ายประเทศชาติ
เมื่อจัดการเลือกตั้งได้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วก็ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปได้ตามข้อมูลการศึกษาของ “คณะกรรมาธิการศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”ที่รัฐสภาแต่งตั้งไปแล้ว โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะกรรมาธิการก็ยังไม่สาย ประเด็นที่ล่อแหลมอย่างกรณีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 โดยเฉพาะประเด็นการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อ้างว่าต้องการให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น จะได้หมดปัญหาคลางแคลงใจว่าเป็นความต้องการของประชาชนเสียงส่วนใหญ่จริงหรือ
ในเมื่อพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลกับคณะก้าวหน้า ให้การสนับสนุนม็อบคณะราษฎร 2563 มาโดยตลอด อ้างความต้องการความใฝ่ฝันของเยาวชนในการสานต่ออุดมการณ์คณะราษฎร 2475 กระทั่งมีการออกแถลงการณ์สนับสนุนด้วยซ้ำ
ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไรก็ตามที แต่เราเชื่อว่าทางออกของเรื่องนี้คือการฟังเสียงประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่ข้อเรียกร้องหรือแถลงการณ์เห็นแก่ได้ของกลุ่มผลประโยชน์หรือพรรคการเมืองใดๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี