ในที่สุด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ คือ ทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ก็คืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งที่สำคัญมาก

ทำให้โครงการทางรถไฟที่พูดถึงกันมาหลายสิบปี นักการเมืองใช้หาเสียงมาหลายสมัย แต่ไม่เคยลงมือทำได้จริงๆ บัดนี้ขยับใกล้ความจริงที่สุด

1. การประชุม ครม.ล่าสุด (8 ธ.ค.2563) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสองจังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด อำเภอเทิงอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 

สาระสำคัญของเรื่องนี้ คือ เป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟ และทางและสะพานข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ

นั่นหมายความว่า โครงการมีรายละเอียดชัดเจนครบถ้วนหมดแล้ว

ไม่ใช่แค่ผลการศึกษา หรืออนุมัติโครงการในกระดาษเฉยๆ

หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน โดยสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแล้ว

จากนั้น ก็ประมูลงานก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้าง และเปิดใช้งานจริงต่อไป

2. โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระจายความเจริญ กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจออกไปสู่ท้องถิ่นเช่นนี้ ยิ่งทำช้ายิ่งเสียโอกาส และยิ่งทำให้ต้นทุนของโครงการเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ครม.อนุมัติจริงๆ เมื่อเดือน ก.ค. 2561 นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

โครงการมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ ผ่านการศึกษามาหมดแล้ว ทั้งความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

คาดว่าจะต้องมีการเวนคืน 9,600 ไร่ จำนวน 7,000 แปลง

พื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ลำปาง พะเยา เชียงราย

โครงการนี้ ต้นทุนโครงการมีที่ดินเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะยิ่งเวลาเนิ่นช้าไป ราคาที่ดินยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ค่าเวนคืนที่ดินในโครงการสูงมากกว่าหมื่นล้านบาทแล้ว

เพราะฉะนั้น หากยิ่งล่าช้าออกไป ก็จะยิ่งมีต้นทุนสูงขึ้นตามราคาที่ดิน

3. จุดเด่นของรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของนอกจากขนส่งผู้โดยสารในพื้นที่ภาคเหนือที่เข้าไม่ถึงระบบรางแล้วที่สำคัญ คือ เสริมการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน โดยเชื่อมต่อผ่านทางท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ)

คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ในปีที่เปิดให้บริการ 4,811 คน/ วัน

คาดการณ์ปริมาณสินค้าในปีแรก (รวมการส่งสินค้าจากจีน) 1,603,669 ตัน/ปี

ประเมินมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ (EIRR) 13.31%

4. โครงการนี้ เป็นทางรถไฟขนาด 1 เมตร รองรับความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.

ทางคู่ (วิ่งสวน-วิ่งแซงกันได้ตลอดเส้นทาง)

จะมีการก่อสร้างสถานีรถไฟ 26 สถานี

ลานขนถ่ายสินค้า 4 แห่ง ลานกองเก็บตู้สินค้า 1 แห่ง

ก่อสร้างถนนยกข้ามทางรถไฟ 40 แห่ง และถนนลอดใต้ทางรถไฟ 102 แห่ง

ก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ 4 อุโมงค์ (ระยะทางแต่ละอุโมงค์คือ 1.1 กิโลเมตร + 6.4 กิโลเมตร + 2.8 กิโลเมตร+ 3.4 กิโลเมตร) ระยะทางอุโมงค์รวม 4 อุโมงค์ 13.4 กิโลเมตร

งบประมาณก่อสร้างงานโยธาและระบบอาณัติสัญญาณอยู่ที่ 72,921 ล้านบาท จะแบ่ง 3 สัญญา ได้แก่ 1. ช่วงเด่นชัย-งาวระยะทาง 104 กม.วงเงิน 26,704 ล้านบาท 2. ช่วงงาว-เชียงรายระยะทาง 135 กม. วงเงิน 28,735 ล้านบาท และ3. ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 17,482ล้านบาท

ค่าที่ปรึกษา 1,764 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้น 10,660 ล้านบาท

คาดว่า ปีหน้า จะสามารถคัดเลือกผู้ดำเนินการก่อสร้างได้

โครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี

คาดว่า ไม่เกินปี 2570 น่าจะได้ใช้งานจริง

5. หากโครงการนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จริง เกิดผลสำเร็จจริง ย่อมจะเป็นการตอกหมุด-ตอกย้ำ ว่ายุครัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือยุคทองของการลุงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบรางของประเทศ ให้พัฒนาก้าวหน้า ทั้งในเมืองหลวง และในภูมิภาคอย่างแท้จริง

ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้เป็นผลงานโบแดงอีกหนึ่งเรื่อง

สารส้ม