เมื่อใดรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองประเทศมีปัญหาหรือไม่สามารถรองรับกับสถานการณ์บ้านเมืองตามสังคมเศรษฐกิจและการเมืองของแต่ละประเทศ อาจจะต้องมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนั้นหรือมาตรานั้น ดังนั้น “การยกเลิกรัฐธรรมนูญ” (Abolition Constitution) จึงหมายถึง การไม่ใช้บังคับรัฐธรรมนูญฉบับหรือมาตรานั้น จะพบว่าการยกเลิกรัฐธรรมนูญจะเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญตามวิถีทางรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือการยกเลิกรัฐธรรมนูญตามวิถีทางรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญบางส่วนบางมาตราและการยกเลิกรัฐธรรมนูญตามวิถีทางรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนฉบับเดิม แต่อย่างไรก็ตามยังมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญอีกกรณีหนึ่งเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย คือ การยกเลิกรัฐธรรมนูญนอกวิถีทางรัฐธรรมนูญ โดยการปฏิวัติหรือการรัฐประหารด้วยการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เมื่อพิจารณาศึกษา “วิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของประเทศไทยแต่ละฉบับ” จะกำหนดการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับในอดีต-ปัจจุบัน โดยวิเคราะห์ออกมาแต่ละประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 วิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของประเทศไทยแต่ละฉบับจะกำหนดการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขจะพบว่ามีคะแนนเสียงการลงมติให้ความเห็นชอบที่แตกต่างกัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2489 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 จะกำหนดให้คะแนนลงมติ 2 ใน 3 ส่วนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมนอกจากเสียงของสภากึ่งหนึ่งแล้วจะต้องมีเงื่อนไขอีก คือ ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ประเด็นที่ 2 วิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของประเทศไทยทุกฉบับจะกำหนดการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะพบว่า ในวาระที่ 2 ขั้นตอนการพิจารณาเรียงมาตราของร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขจะพบว่ามีคะแนนเสียงการลงมติให้ความเห็นชอบเหมือนกันทุกฉบับ กำหนดให้คะแนนเสียงข้างมากเป็นประมาณเหมือนกันหมดทุกฉบับ แต่จะมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดเงื่อนไขในวาระที่ 2 เพิ่มเติม คือ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนประชาชนที่เข้าชื่อกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย
ประเด็นที่ 3 วิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของประเทศไทยแต่ละฉบับ จะกำหนดการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 ขั้นลงมติให้ความเห็นร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไข จะพบว่า มีคะแนนเสียงการลงมติให้ความเห็นชอบที่แตกต่างกัน ดังนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 จะกำหนดให้คะแนนลงมติ 2 ใน 3 ส่วนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 จะกำหนดให้คะแนนเสียงมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แต่อย่างไรก็ตามในวาระที่ 3ลงมติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มขึ้น คือ โดยในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกันและมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ประเด็นที่ 4 พิจารณาถึงการพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งถือเป็นอำนาจที่รับมอบจากรัฐธรรมนูญที่มอบอำนาจให้รัฐสภาผู้พิจารณายกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จากอดีต-ปัจจุบัน ในแต่ละฉบับมักจะกำหนดให้มีวาระและคะแนนเสียงลงมติให้ความเห็นการพิจารณายกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกัน โดยส่วนมากกำหนดให้รัฐสภา ซึ่งเป็นสภาคู่เป็นผู้พิจารณายกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วย 3 วาระ แต่ละวาระจะมีคะแนนเสียงลงมติให้ความเห็นชอบที่แตกต่างกัน และรัฐธรรมนูญบางฉบับก็จะให้รัฐสภาซึ่งเป็นสภาเดียวเป็นผู้พิจารณายกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ 5 พิจารณาศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในหมวด 15 ถือว่าเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ยากมากและเป็นการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกำหนดเรื่องใดบ้างที่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีข้อพิจารณา ดังนี้
1.การยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นการกำหนดให้มีวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอย่างยาก กล่าวคือ ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้ง 2 สภา และต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ซึ่งหมายความว่าแม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่หากสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถผ่านวาระที่ 1 และ
2.เมื่อผ่านวาระที่ 2 ไปแล้ว ในวาระที่ 3 นั้นนอกจากต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้ง 2 สภาแล้ว รัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้ว่าในจำนวนผู้เห็นชอบนั้นจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกันและต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบไม่น้อยกว่า1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาเท่าที่มีอยู่
3.ในกรณีมีผู้เขียนมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดเข้าชื่อกันยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบว่า ยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่ทรงอำนาจผูกขาดให้ความหมายของข้อจำกัดในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า เรื่องใดไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้และแม้จะมีการกำหนดให้ต้องทำประชามติในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในบางกรณี แต่ประชามติดังกล่าวก็ไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของปวงชน เนื่องจากยังถูกจำกัดการยกเลิกรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ให้ความหมายอยู่นั่นเอง และที่สำคัญในระยะ 5 ปีแรก สมาชิกวุฒิสภามาจากการคัดเลือกจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะกระทำได้ยากมากขึ้น
รองศาสตราจารย์ สิทธิกร ศักดิ์แสง
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี