ผลการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่การรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม ปี 2557 ได้บ่งบอกนัยของการเมืองระดับชาติอยู่ 3 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 บุคคลที่พรรคการเมืองเป็นผู้สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.ส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุน จาก สส. และเครือข่ายที่พรรคการเมืองรับรู้รับทราบในการสนับสนุน
1.พรรคเพื่อไทย หรือ กลุ่ม สส. และเครือข่ายพรรคเพื่อไทย (พท.)สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ. ได้นายก อบจ. จำนวน 21 จังหวัด แต่อย่างไรก็ตามผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยได้นายก อบจ. แค่ 9 จังหวัดเท่านั้น นอกนั้นสส. และเครื่อข่ายพรรคเพื่อไทยสนับสนุน เป็นส่วนใหญ่
2.พรรคพลังประชารัฐ หรือ กลุ่ม สส. และเครือข่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สนับสนุนผู้สมัคร นายก อบจ.ได้นายก อบจ. จำนวน 17 จังหวัด
3.พรรคภูมิใจไทย หรือ กลุ่มสส. และเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย (ภจท.)สนับสนุนผู้สมัครนายก อบจ.ได้นายก อบจ. จำนวน 15 จังหวัด
4.พรรคประชาธิปัตย์หรือ กลุ่มสส. และเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สนับสนุนผู้สมัคร นายก อบจ. ได้นายก อบจ. จำนวน 10 จังหวัด ส่วนใหญ่สนับสนุน จาก สส. ที่พรรคการเมืองรับรู้รับทราบ
5.พรรคชาติไทยพัฒนา หรือ กลุ่ม สส.และเครือข่ายพรรคชาติไทยพัฒนา (ชท.) สนับสนุนผู้สมัคร นายก อบจ.ได้นายก อบจ.จำนวน 3 จังหวัด
6.พรรคประชาชาติไทย หรือกลุ่ม สส. และเครือข่ายพรรคประชาติไทย (ปชช.) สนับสนุนผู้สมัคร นายก อบจ. และได้ นายก อบจ. จำนวน 3 จังหวัด
7.ผู้สมัครอิสระ (สส.และเครือข่ายพรรคการเมือง อื่นๆ) กระจายสนับสนุนในฐานะส่วนตัว สนับสนุนผู้สมัคร นายก อบจ. ได้ นายก อบจ. จำนวน 7 คน
ประเด็นที่ 2 ฐานเสียงของพรรคการเมือง
แสดงให้เห็นว่าฐานเสียงการเลือกนายก อบจ. กับฐานเสียงพรรคการเมือง เปลี่ยนแปลงหรือไม่เมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง สส. ที่ผ่านมา
1.ฐานพรรคเพื่อไทย ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เมื่อเทียบกับฐานเสียงเลือกตั้ง สส. ซึ่งพรรคการเมืองได้จำนวน สส. มากที่สุด แต่อย่างไรเมื่อวิเคราะห์ ในกรณีที่ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทยปรากฏว่า ได้นายก อบจ. 9 จังหวัดเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า ตัวบุคคลยังมีอิทธิพลมากกว่าตัวพรรคการเมืองในพรรคเพื่อไทย
2.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคการเมืองผู้นำรัฐบาล มีปัญหาในการบริหารประเทศทางเศรษฐกิจ แต่โควิดและการปกป้องสถาบัน และล่าสุดนโยบายคนละครึ่งตีโจทย์รากหญ้าทำให้แรงหนุนจากประชาชน มีฐานเสียงคะแนนเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้สมัคร นายก อบจ. ได้เป็นนายก อบจ. ถึง 17 จังหวัด
3.พรรคก้าวไกล ที่ถูกยุบพรรคเปลี่ยนเป็น พรรคก้าวหน้า ที่มีแนวคิดเสรีประชาธิปไตยต้องการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปสถาบัน เกิดแรงต้านจากประชาชนฐานเสียงจึงลดไปรวมทั้งไม่มีแรงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่น เช่น พรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบ เทไปให้พรรคก้าวหน้า จึงได้คะแนน ปาร์ตี้ลิสต์สูงและได้ สส.เขต แต่เมื่อเกิดปัญหาแรงต้านเกี่ยวการล้มล้างสถาบัน ทำให้ฐานเสียงของพรรค หดหายไป ทุกจังหวัด ทั่วประเทศโดยเฉพาะในเขตภาคใต้
4.พรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุน นายก อบจ. ที่มีฐานเสียงคะแนนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับฐานเสียงเลือกตั้ง สส. ได้นายก อบจ. จำนวน 15 จังหวัด
5.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเทียบกับคะแนนการเลือกตั้ง สส. กับการเลือกตั้ง นายก อบจ. กับสัดส่วนการได้รับเลือกนายก อบจ. จำนวน 10 จังหวัด ซึ่งมีฐานเสียงส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้
ข้อสังเกต ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายก อบจ. ก็ไม่ได้มาจากคนของพรรคประชาธิปัยต์ แต่ สส. และเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ บางส่วนสนับสนุนเท่านั้น ส่วนคนที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนและพรรคประชาธิปัตย์รับทราบ กลับไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายก อบจ.
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดเดียวที่ สส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชัยชนะยกจังหวัด จำนวน 6 คน และที่สำคัญฐานเสียงพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวหน้า กลับหายไป และอีกส่วนหนึ่งคะแนนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ไม่ส่งคนลงสมัคร เทเสียงไปให้กับคนที่ สส. พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนให้คะแนนของคนที่ ได้ นายก อบจ. สูงมาก
ประเด็นที่ 3 ผู้สมัครนายก อบจ. ที่ได้รับการสนับสนุนจาก “บ้านใหญ่” หรือ ผู้กว้างขวางในพื้นที่เกือบทุกจังหวัดที่ได้รับการสนับสนุนของบ้านใหญ่ ผู้มีอิทธิพล
ทางการเมือง สามารถเป็นนายก อบจ. เกือบทั้งหมดเช่น เชียงใหม่ เป็นศึกสายเลือดคนเพื่อไทย เครือข่ายทักษิณ โดยเพื่อไทย ส่งนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต สว.เชียงใหม่ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร สู้ศึกกับ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ที่มี ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ หลานสาว เป็น สส.พรรคเพื่อไทย และทั้งที่ซุ้มการเมือง “บูรณุปกรณ์” ผูกติดกับ “พรรคทักษิณ” มาตั้งแต่ ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย
จังหวัดบุรีรัมย์-เมืองปราสาทสายฟ้า ก็เสร็จ “บ้านใหญ่ชิดชอบ” เพราะ นายภูษิต เล็กอุดากร ผู้สมัครนายก อบจ.ซึ่งเป็นหลานชายเนวิน ชิดชอบ
จังหวัดสระแก้ว-บ้านใหญ่เทียนทอง ไม่พลิกโผ เพราะนางขวัญเรือน เทียนทอง น้องสะใภ้ “เสนาะ เทียนทอง” และ “มารดา” ฐานิสร์-ตรีนุช เทียนทอง แห่งพรรคพลังประชารัฐ
จังหวัดชัยนาท-บ้านใหญ่ “นาคาศัย” ยังคงลอยลำ เพราะ นายอนุสรณ์ นาคาศัย อดีตนายก อบจ.-น้องชาย “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ-รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าบ้านใหญ่ยังคงมีอิทธิพลในแต่ละจังหวัดนั้นๆ
รองศาสตราจารย์ สิทธิกร ศักดิ์แสง
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี