ในบรรดาเรื่องการปฏิรูปทั้งหมด รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ได้กำหนดให้การปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เป็นอันดับที่ 1 ในบรรดาการปฏิรูปต่างๆ รวม 11 เรื่อง โดยจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้เลยว่า ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560
การให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปตำรวจนี้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการที่ตำรวจมิได้เป็นที่พึ่งของประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง จนช่วงการเลือกตั้งหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เรื่องการปฏิรูปตำรวจกลายเป็นคำมั่นสัญญาของหลายๆ พรรคการเมืองเพื่อหวังเอาชนะใจประชาชนเลยทีเดียว แต่สุดท้ายประชาชนอย่างพวกเราก็ได้แต่เฝ้ารอเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่จะมีการปฏิรูปตำรวจครั้งใหญ่เสียที ป้องกันไม่ให้มีการรีดไถประชาชนและพ่อค้าธุรกิจอีกต่อไป และจะช่วยดูแลประชาชนทุกคนไม่ว่าจะมีหรือจน ก็ควรจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมทางกฎหมายและการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ในด้านตำรวจเอง ก็ต้องได้รับความเป็นธรรม ให้ตำรวจที่ดีได้รับการเลื่อนขั้นดำรงตำแหน่งตามความสามารถ โดยไม่ต้องวิ่งเต้น ไม่ต้องทำความใกล้ชิดกับเจ้านาย หรือถึงกับต้องนำเงินทองมาซื้อตำแหน่งอย่างที่มีการกล่าวขานร่ำลือกันทั่วไป ว่าตำแหน่งของตำรวจมีราคาตั้งไว้ต่างๆ ตำแหน่งที่มีรายได้พิเศษมากก็จะมีมูลค่าสูง
รัฐบาล คสช. ที่แล้ว ก็เช่นเดียวกันที่เคยได้ให้ความหวังกับประชาชนในเรื่องการปฏิรูปตำรวจ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษ ขึ้นทำหน้าที่เป็นการเฉพาะตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ โดยมีประธานคณะกรรมการคือพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ซึ่งควรจะรู้เท่าทันและได้รับการสนับสนุนจากกองทัพมากพอ ให้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการตำรวจให้ดีขึ้นได้สำเร็จได้เสียที ซึ่งพลเอกบุญสร้าง ก็ได้ทำร่าง พ.ร.บ. ส่งต่อครม. ก่อนครบกำหนด 1 ปีตามรัฐธรรมนูญ ในเดือนมีนาคม 2561 และได้มีกระบวนการยกร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติขึ้นเสนอ ครม. เมื่อต้นปี 2563 ท่ามกลางการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาตินี้
ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริง ครม. กลับส่งร่าง พ.ร.บ. ไปให้ฝ่ายตำรวจผู้กำลังจะถูกปฏิรูป ให้ความเห็นก่อน ทีนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เลยมีการทำความเห็นกลับมาว่ามีข้อไม่เห็นด้วยถึง 14 ประเด็น จนต้องมีการจัดประชุมใหญ่ให้ทุกฝ่ายมาพบกันที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงมิถุนายน 2563 จนในที่สุดได้ออกมาเป็นฉบับที่ ครม. มีมติเห็นชอบอีกครั้งในวันที่19 มกราคม 2564 และจะนำเข้าให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีทั้ง สส. และ สว. พิจารณาในต้นเดือน ก.พ. 2564 นี้
ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่จะเข้ารัฐสภานี้ได้ถูกแก้ในเรื่องสำคัญ คือเรื่องการปฏิรูประบบวิธีการแต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการตำรวจ ที่คณะกรรมการร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ได้เคยเสนอไว้ให้มีการพิจารณาคะแนนคุณงามความดี ความสามารถ มีคะแนนความพึงพอใจของประชาชน ให้เข้ามาประกอบด้วย ส่วนที่ระบบทหารและตำรวจไทยยังถืออาวุโสเป็นเรื่องสำคัญมาก ก็ยังยอมให้น้ำหนักถึง 45%
อย่างไรก็ตาม เมื่อประชุมกันใหม่แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอยกเลิกข้อปฏิรูปสำคัญนี้ แล้วเสนอกลับมาใหม่ โดยเกือบจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนปฏิรูปทุกประการ
ในประเด็นนี้ สว.คำนูญ สิทธิสมานได้เขียนบทความชื่อ “ร่างพ.ร.บ. ตำรวจฯฉบับตัดตอน” ลงในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ตั้งคำถามถึง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติฯ ว่า “...หากรัฐสภาให้ความเห็นชอบและประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ โดยไม่มีการแก้ไขในหลักการสำคัญตามร่างที่ส่งมา จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปฏิรูปตำรวจอย่างที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้หรือไม่? ระบบการแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการตำรวจตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขนำเสนอต่อรัฐสภามันใช่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ง.(4) จริงหรือไม่ และมันตอบโจทย์การปฏิรูปเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายได้จริงหรือไม่ ถ้าเราคิดว่าระบบการแต่งตั้งโยกย้ายคือปัญหาของสิ่งไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้น แล้วเราคิดจะเปลี่ยนแปลงมันจริงๆ เราก็ต้องดู...”
ลองไปดูการปฏิรูปตำรวจในประเทศอื่นกันบ้าง อินเดียยังสามารถปฏิรูปตำรวจสำเร็จที่รัฐพิหาร (Bihar) ทำให้เศรษฐกิจที่รัฐพิหารพุ่งพรวด หลังจากแค่ทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย (Law & Order) นี่เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่ไทยควรเรียนรู้และเอาอย่าง นักการเมืองอินเดียที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือนายนิติช คูมาร์ (former Chief Minister Nitish Kumar)
ไทยจะทำได้หรือไม่ ตัวอย่างดีๆ ก็มีที่เขาทำสำเร็จ
หรือว่าของไทยนั้น การปฏิรูปตำรวจมันยากกว่าปฏิวัติ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี