ภาพผู้ประท้วงทางการเมืองจงใจใช้รั้วแผงเหล็กขว้างเข้าใส่ตำรวจเพื่อหวังทำร้ายร่างกาย และจงใจใช้คีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ตีศีรษะตำรวจ รวมถึงจงใจใช้อิฐปูทางเท้าขว้างใส่ตำรวจ สิ่งเหล่านี้คือการประท้วงโดยสงบ สันติ ปราศจากความรุนแรง เช่นนั้นหรือ
การประท้วงโดยสงบ สันติ คือการประท้วงที่ต้องพ่นสีหรือสาดสีใส่รั้วกำแพง หรือป้ายที่ทำการของหน่วยราชการ อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ทำการของกรมทหารหลายแห่ง เช่นนั้นหรือ
การประท้วงโดยสงบ สันติ ต้องทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ต้องทำลายต้นไม้ ต้องเขียนและพ่นสีลงบนพื้นผิวการจราจรด้วยข้อความต่างๆ นานา โดยเฉพาะข้อความและถ้อยคำหยาบคาย คำด่า คำประณาม และต้องทำให้บุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงไม่สามารถสัญจรคมนาคมบนพื้นผิวการจราจรได้ตามปกติ กระนั้นหรือ
มีคำถามจากสาธารณชนว่า การประท้วงทางการเมืองโดยกลุ่มราษฎรที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตามสถานที่ต่างๆ คือการประท้วงที่สงบ สันติ และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆจริงหรือ
การประท้วงที่ใช้ความรุนแรงไม่มีวันประสบชัยชนะทางการเมืองเป็นอันขาด สิ่งนี้คือความจริงที่นักประท้วงทางการเมืองทั่วโลกให้ความสำคัญมากที่สุด ส่วน Erica Chenoweth ศาสตราจารย์ด้านสิทธิมนุษยชนและความสัมพันธ์นานาชาติ (human rights and international affairs) แห่ง Harvard Kennedy School สหรัฐอเมริกา ระบุว่าการประท้วงโดยสันติไม่ใช่แค่เป็นทางเลือกที่ดีในเชิงศีลธรรม แต่ยังเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการกำหนดทิศทางทางการเมืองของโลกในระยะยาวอีกด้วย เขายังระบุอีกว่า การชุมนุมประท้วงที่มีผู้คนจำนวน 3.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของประเทศเข้าร่วมอย่างจริงจัง จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
Chenoweth ระบุจากผลการวิจัยว่าการประท้วงชุมนุมทางการเมืองที่ทำโดยสันติมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากกว่าการประท้วงด้วยความรุนแรง 2 เท่า และระบุอีกว่า 53 เปอร์เซ็นต์ของการชุมนุมประท้วงโดยสันติสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ดีกว่าการประท้วงด้วยความรุนแรง โดยพบว่าเพียง 26 เปอร์เซ็นต์ของการประท้วงที่รุนแรงเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ สาเหตุที่การประท้วงโดยสันตินำไปสู่ความสำเร็จมากกว่า เพราะผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วมการชุมนุมที่สงบ สันติ ซึ่งนำไปสู่การหยุดชะงัก ทำให้ชีวิตในสังคมเมืองไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ และพบว่าการชุมนุมเคลื่อนไหวโดยสงบ สันติ สามารถดึงดูดให้มีผู้คนเข้าร่วมการชุมนุมได้มากกว่าการชุมนุมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงถึง 4 เท่า
สำหรับการชุมนุมประท้วงทางการเมืองของกลุ่มราษฎรนั้น สาธารณชนประจักษ์ชัดเป็นอย่างดีว่าเป็นการชุมนุมที่มีเหตุมีผลเพียงพอหรือไม่ และเป็นการชุมนุมโดยสงบสันติแท้จริงหรือไม่ สาธารณชนต่างตั้งคำถามกับการชุมนุมประท้วงทางการเมืองของกลุ่มราษฎรตลอดเวลา โดยเฉพาะคำถามที่ว่า กลุ่มราษฎรชุมนุมประท้วงด้วยความสงบจริงหรือก็ในเมื่อกลุ่มราษฎรชุมนุมประท้วงด้วยความรุนแรง เหตุใดจึงบิดเบือนว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้ความรุนแรงกับกลุ่มของตน มีคำถามทิ้งท้ายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองสมควรปล่อยให้เกิดการชุนนุมทางการเมืองโดยไม่สงบ และมีการใช้ความรุนแรงตลอดเวลา ได้กระนั้นหรือ กลุ่มราษฎรแน่ใจจริงๆ หรือว่าการประท้วงของตนเองคือการประท้วงที่สงบ สันติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี