ใครหวังจะได้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ จากฝ่ายค้าน ก็คงจะผิดหวัง
เท่าที่เห็น คือ ประดิษฐ์สำนวนคำด่า มากกว่าจะเอาเวลาไปสืบค้น เจาะลึก หาข้อมูลหลักฐานเด็ดๆ
ส่วนที่พอจะมีข้อมูล ก็ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากเอามาจากสื่อออนไลน์ และลอกมาจากการนำเสนอของอดีตนายกฯโซเชียล แล้วมาพูดต่อในสภา โดยไม่มีการสืบค้นเจาะลึก ต่อยอด หรือทำการบ้านเพิ่มไปอีกเลย
สาระที่พอจะได้รับ จึงมาจากคำชี้แจงของฝ่ายรัฐบาล ที่ทำให้เห็นว่า หลายๆ เรื่องที่สังคมและสื่อมวลชนติดตามมาก่อนหน้านี้ ไปถึงไหนกันแล้ว
ยกตัวอย่าง ประเด็นค่าโง่เหมืองทอง
1. ฝ่ายค้านพยายามโจมตีอย่างย้อนแย้งในตัวเอง
อ้างเอกสารลับมีการประเมินว่าคดีนี้ไทยอาจจะแพ้ได้ และต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 22,500 ล้านบาท
แต่พอรัฐบาลไปเจรจากับคู่กรณี ฝ่ายค้านคนเดิมก็โจมตีว่าไปเจรจาทำไม ไม่ควรไปยอมให้ฝ่ายเอกชน
สรุป คือ เหมือนฝ่ายค้านอยากจะให้ฝ่ายรัฐบาลเสียค่าโง่ให้ได้
2. นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชี้แจงว่า สิ่งสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดีคือ เอาเรื่องที่อยู่ในชั้นศาลเอาออกมาพูดภายนอก และฝ่ายค้านได้นำมาอภิปรายให้ข่าวกับสื่อหลายครั้ง ซึ่งปรากฏว่าเป็นการคาดการณ์เอาเองทั้งสิ้น เป็นการนำตัวเลข จากข้อมูลที่เป็นข้อเสนอ หรือคำให้การแต่ละฝ่ายที่ไม่เป็นทางการ ยังไม่ได้ข้อยุติซึ่งเป็นอันตราย ดังนั้น ยังไม่ปรากฏเป็นความจริง เรื่องยังอยู่ในกระบวนการตามกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนการเจรจาหารือของผู้พิพาท ไม่สามารถไปชี้นำได้
“การใช้อำนาจมาตรา 44 นั้น คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่ไปปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทานซึ่งมีคำสั่งทุกเหมืองในประเทศไทย ในการต่อสัมปทานอาชญาบัตร จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อสงสัยของประชาชนที่เรียกร้องมา ถึงแม้ไม่มีข้อยุติอย่างชัดเจน แต่มีหลักฐานจากโรงเรียน ครู จำเป็นต้องตรวจสอบ เราไม่ได้ปิดเหมืองแร่อัคราฯแต่เพียงเหมืองเดียว แต่การจะต่ออาชญาบัตรต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว และบริษัทไหนที่แก้ได้ตามนั้นก็เปิดเป็นปกติการที่เขาจะได้หรือไม่ได้ อยู่ที่การเจรจาพูดคุย ไม่ได้เสนอประโยชน์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ชาติและประชาชน วันนี้เรามีพ.ร.บ.แร่ ปี2560 ออกมาแล้ว เราสามารถถลุงแร่ ส่งออกแร่เองได้ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศมากขึ้น ถ้าเราสำรวจแร่พบอาจเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตแร่ทองคำ เพราะที่ผ่านมาเรานำไปถลุงแร่ที่ต่างประเทศทั้งสิ้น....
...เรื่องนี้รับผิดชอบในฐานะนายกฯ ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยอำนาจ ด้วยคำสั่ง มีการหารือปรึกษาทั้งฝ่ายกฎหมาย ราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยราชการ เพื่อทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะสุขภาพประชาชน มันต้องมีคนเดือดร้อน แต่ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น แต่ต้องจำเป็นในบางอย่าง หลายอย่างเกิดก่อนหน้าผม ทำไมรัฐบาลนี้ต้องมาแก้ ทำไมไม่แก้ให้เสร็จเรียบร้อย ทำไมมาถึงตอนนี้ ถ้าสนใจสักหน่อย ประชาชนต้องการปัญหาอะไรก็แก้ปัญหาให้เขา พร้อมทำอะไรใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยบ้างโดยเฉพาะทำอย่างไรจะมีรายได้ให้มากยิ่งขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
3. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า
“...ที่ระบุว่าบริษัทคิงส์เกตได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 22,500 ล้านบาท และบอกว่ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอบอกว่าถ้ารัฐบาลไทยแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทางคิงส์เกต เขาคงไม่มาเจรจา เขาได้เงิน22,500 ล้านบาท ก็เก็บใส่กระเป๋าทันที ทำไมจะเอามาแลกกับการขออาชญาบัตร เพราะกว่าจะลงทุนทำกำไรได้ ที่ผ่านมาระยะเวลา 15-20 ปี บริษัทอัคราฯมาลงทุนในเมืองไทยกำไรคิดว่าไม่เกิน 5 พันล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าเอาจำนวนครบต้องอีก 25 ปี ถึงจะได้มา 22,500 ล้านบาท ดังนั้น ขอยืนยันว่าการที่คิงส์เกตกลับมาเจรจานั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทางรัฐบาลจะไปเอื้อประโยชน์ให้เขา แต่การที่เขาจะกลับมาดำเนินกิจการต่อ เพราะคิดว่าราคาทองคำเป็นราคาที่ขึ้นมาพอสมควร”
ส่วนกรณีฝ่ายค้านกล่าวหาว่ามีการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ 44 แปลง จำนวน 2 แสน-4 แสนไร่ รมต.สุริยะปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นการดำเนินการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการถอนฟ้องของอนุญาโตตุลาการกับบริษัทแต่อย่างใด แต่เอกชนได้มีการยื่นมาตั้งแต่ปี 2546 และ 2548 แค่คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น มีมติให้ชะลอการพิจารณาการอนุญาตสำรวจแร่ทองคำไว้ก่อน ผ่านมาจนกระทั่งยุคปัจจุบัน ได้มีการวางระบบใหม่ และล่าสุด เมื่อคณะกรรมการนโยบายแร่แห่งชาติได้มีมติให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขออนุญาตและกลับมาประกอบการภายใต้นโยบายทองคำได้ ดังนั้นบริษัทอัคราฯจึงได้กลับมาเดินเรื่องขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจจำนวน 44 แปลง ที่เคยขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2546 และ2548 ดังนั้น การมาเดินเรื่องคำขออนุญาตดังกล่าว และทางกระทรวงอุตฯได้อนุญาตไปนั้น จึงเป็นไปตามมติของคณะกรรมการแร่แห่งชาติ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเพื่อการถอนฟ้องแต่อย่างใด
4. นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาระที่รัฐบาลต้องจ่ายจากผลขาดทุนและความเสียหายในโครงการจำนำข้าว ระบุว่า
โครงการจำนำข้าวนี้ได้ชดเชยไปแล้ว 7.05 แสนล้านบาท
วันนี้ เหลือหนี้จำนำข้าว ณ ปี 2563 ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ยอีก 800 ล้านบาท
ยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยแบบไม่ได้อะไรเลย ปีละ 20,000ล้านบาท และต้องตั้งไปอีก 12 ปี
นอกจากนี้ ยังมีภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทร ทิ้งหนี้ให้กับการเคหะฯกว่า 20,000 ล้านบาท มีบ้านที่สร้างเสร็จแล้วขายไม่ได้อีกหลายหมื่นยูนิต สิบปีที่ผ่านมาการเคหะฯแบกรับโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ล้มเหลวยอดความเสียหาย 10 ล้านบาท ไม่รวมหนี้เน่า และภาระดอกเบี้ยที่กู้มา
5. จะเห็นได้ว่า ปมค่าโง่เหมือง ฝ่ายค้านก็ยังไม่มีหลักฐานเด็ดอะไรที่จะมาเล่นงานรัฐบาลปัจจุบัน
ตรงกันข้าม ฝ่ายรัฐบาลกลับได้ตอกย้ำว่า ที่มีการใช้มาตรา 44 นั้น ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ ความปลอดภัยด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของชาวบ้าน จากปัญหาที่ถูกหมักหมมและหมางเมินมายาวนาน
ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องที่ถูกเอกชนคู่กรณีฟ้องร้อง ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะไปกล่าวหาว่ารัฐบาลปัจจุบันได้ผลประโยชน์ส่วนตัวอะไรจากเรื่องดังกล่าว รัฐบาลปัจจุบันมีแต่พยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องมิให้ประเทศชาติต้องเสียเงินเสียทองซ้ำไปกับภาระค่าเสียหายในเรื่องอื่นๆ ที่รับมาจากรัฐบาลในอดีตอีกมหาศาล
ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายค้านไม่สนใจแม้แต่จะเอ่ยถึงคดีเหมืองทองบุกรุกแผ้วถางป่า และรุกล้ำเขตทางหลวง ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ สรุปสำนวนส่งอัยการ
ไม่กล่าวถึงคดีสินบนข้ามชาติเหมือง กรณีนี้ ป.ป.ช.กำลังไต่สวน ล่าสุด เผยว่าพบหลักฐานอีเมล ส่งเงินพักที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ระบุชื่อบุคคล อยู่ระหว่างการประสานขอหลักฐานยืนยันเพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
คดีที่ข้าราชการระดับอดีตอธิบดีและพวก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เอื้อประโยชน์แก่เอกชนเหมืองทอง โดยกรณีนี้ เอกชนถูกชี้มูลความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดด้วย ขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการ
ทั้งหมด ล้วนคืบหน้าเป็นรูปธรรมเอาในยุคนี้ และเป็นเรื่องสำคัญในการทวงคืนความยุติธรรมแก่ประเทศชาติส่วนรวม ในกรณีเหมืองทอง
ด้วยเหตุนี้ ท่าทีของฝ่ายค้านจึง ดูเหมือนพยายามจะผลักรัฐบาล กดดันให้แพ้คดี ราวกับว่าช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับฝ่ายเหมืองทองในมุมกลับโดยปริยาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี