มีรายงานข่าวว่า ศาลปกครองกลาง นัดอ่าน คำพิพากษาคดีค่าสินไหมทดแทน กรณีข้าวจีทูเจี๊ยะ (บุญทรงและพวก) รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในวันจันทร์ที่ 29 มี.ค. เวลา 10.00 น.
นอกจากนี้ ในคดีค่าสินไหมทดแทนกรณีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น 3.5 หมื่นล้านบาท ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษา 2 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
1. ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังหนีโทษจำคุกในคดีอาญาอยู่ต่างประเทศ
ล่าสุด ยังโพสต์ข้อความอ้างว่าเดินทางไปสวีเดน อ้างว่า ไม่เคยปิดประเทศ หรือ lockdown ร้านค้าตั้งแต่มีการระบาด เศรษฐกิจยังเดินหน้าไปได้ รัฐบาลให้ผู้คนใช้ชีวิตตามปกติ เพื่อให้เกิดการกระทบกระเทียบกับรัฐบาลไทย
แต่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กลับไม่บอกว่า ประเทศสวีเดน มีประชากร 10 ล้านคน แต่มีผู้ติดเชื้อโควิดมากถึง 780,018 คน และมีผู้เสียชีวิตถึง 13,402 คน
สถานการณ์ของประเทศไทยจึงดีกว่าสวีเดนมาก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนคนตาย
ทั้งๆ ที่ ประเทศไทยต้องดูแลประชากรจำนวนมากกว่าสวีเดน 6 เท่าตัว
น่าคิดว่า ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศอยู่พร้อมจะยอมรับได้หากมีคนไทยติดโควิด-19 ตายถึงหนึ่งหมื่นกว่าคน อย่างนั้นหรือ?
2. ก่อนหน้านี้ อดีต นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เคยยื่นต่อศาลปกครอง ขอคุ้มครองชั่วคราว
มิมีการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดหลายครั้ง แต่เมื่อศาลปกครองพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ก็ยกคำร้อง โดยให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ต่อไป
โดยกระทรวงการคลังมีคำสั่งที่ 1351/2559 ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028 บาท
จากนั้น เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 กระทรวงการคลังได้ขอให้กรมบังคับคดี ดำเนินการบังคับกับทรัพย์สินของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยขออายัดเงินฝากในบัญชีธนาคาร หน่วยลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์และกองทุนต่างๆ ซึ่งมีการ ส่งเงินตามคำสั่งอายัดมาเพียง 7,937,174 บาท และได้มีการจ่ายเงินให้กระทรวงการคลังไปแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ขอให้กรมบังคับคดี ยึดที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดรวมราคาประเมินทรัพย์สินเป็นเงิน 199,230,779 บาท
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่า มีทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดไปแล้วกี่รายการ
ได้เงินกลับมาชดใช้คืนแผ่นดินกี่บาทแล้ว จากยอดที่จะต้องชดใช้ 3.57 หมื่นล้านบาท
และบ้านพักหรู ที่ซอยโยธินพัฒนา 3 มูลค่าเท่าใด ได้ถูกยึดอายัด ตลอดจนขายทอดตลาดด้วยหรือไม่ เพราะอะไร
3. สาเหตุศาลปกครองกลางเคยมีคำสั่งยกคำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ที่สั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 35,717 ล้านบาท จากคดีรับจำนำข้าว เพราะอะไร?
ศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณาคำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้ยื่นไว้เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 และข้อเท็จจริงจากการชี้แจงของคู่กรณี รวมถึงกรมบังคับคดีแล้วเห็นว่าแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอ้างเหตุความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งเรียกให้ชดใช้เงินหลายประการ แต่เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อพิพากษาคดีต่อไป
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าได้มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครองในการยึดอายัดทรัพย์สินบางรายการไปแล้ว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ยากแก่การเยียวยาภายหลังนั้น เห็นว่านอกจากกระทรวงการคลังจะมีศักยภาพในการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลังหากศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพิพาทแล้ว ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่าบัญชีเงินฝากทั้ง 16 บัญชี ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นต่อ ป.ป.ช.เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี จำนวนกว่า 24 ล้านบาท แต่เมื่อเจ้าหน้าที่อายัด พบว่ามีเงินเหลือในบัญชีประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ชี้แจงประเด็นนี้ต่อศาล จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจริง
ประกอบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้อุทธรณ์การบังคับทางปกครอง จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าหากศาลไม่มีคำสั่งทุเลาจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนยากแก่การเยียวยาภายหลัง ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษาตามคำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
4. อันที่จริง ตัวเลขค่าเสียหายที่เรียกให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้นั้น ยังน้อยกว่ามูลค่าความเสียหายโดยรวมของโครงการจำนำข้าวมาก
ปัจจุบัน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ยังต้องตามชดใช้หนี้โครงการจำนำข้าวอยู่เกือบ 3 แสนล้านบาท
แต่การคำนวณค่าเสียหายที่ให้นางสาว ยิ่งลักษณ์ชดใช้นั้น เลือกพิจารณาเฉพาะความเสียหายแค่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการรับ จำนำข้าว ฤดูกาลผลิต 2555/56 และ 2556/57 จากทั้งหมด 4 โครงการ โดยอ้างว่าช่วงที่มีการดำเนินโครงการนั้น ได้มีหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือเตือน ถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ในลักษณะชี้แนะให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและหาแนวทางป้องกันแก้ไข
และยังให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ชดใช้เพียง 20% ของมูลค่าความเสียหาย
เป็นที่มาของตัวเลขที่ให้ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาทนั่นเอง
และสุดท้าย จะต้องชดใช้เท่าใด หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลปกครอง เราไม่อาจก้าวล่วง
5. ลองคิดดู... ถ้ารัฐบาลไทยไม่ต้องชดเชยหนี้จำนำข้าว 316,745 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะสามารถทำประโยชน์ได้มากมายมหาศาล
เอาไปซื้อวัคซีนแจกประชากรกว่า 600 ล้านคน ทั้งอาเซียนเลยก็ยังได้
หรือจะเอามาทำโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ (85,000 ล้านบาท) ที่กำลังจะประมูลเดือน พ.ค.นี้ โดยพ่วงไปกับโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่สอง อีก 7 โครงการ ระยะทาง 1,483 กม. (2.73 แสนล้านบาท) ได้แก่ ปากน้ำโพ-เด่นชัย, เด่นชัย-เชียงใหม่, ขอนแก่น-หนองคาย, ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ก็จะได้เกือบเต็มรูปแบบ
หรือจะเอาไปลงทุนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา 179,412 ล้านบาท พ่วงขยายช่วงนครราชสีมา - หนองคาย 252,347 ล้านบาท ก็แค่กู้มาเติมอีกเล็กน้อย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์สงสารประเทศไทย ยอมจ่ายเงินชดใช้ตามคำสั่งเรียกค่าสินไหม 3.5 หมื่นล้านบาท ก็จะทำให้รัฐบาลสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปช่วยเหลือพี่น้องชาวนา เกษตรกร และคนไทยทั่วประเทศได้อีกมากมาย
จะทำเป็นโครงการคล้ายๆ “เราชนะ” นำเงินที่ได้จากยิ่งลักษณ์ไปแจกประชาชนคนไทย ก็ยังได้
6. จำนำข้าว ทักษิณคิด เพื่อไทยทำบุญทรงและพวกติดคุก ยิ่งลักษณ์หนี
เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2555 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ทำนองว่า เป็นคนคิดนโยบายนี้ขึ้นเอง สะท้อนว่าเป็นนโยบายหาเสียงหวังชนะเลือกตั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายต่อประเทศชาติ
นี่เป็นโครงการโคตรโกง ที่สังคมไทยควรสรุปบทเรียน
อย่าลืมเลือน อย่าปล่อยให้คนโกงลอยนวล
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี