ในบรรดาผู้ออกมาชุมนุมประท้วงและเรียกร้อง หากพิจารณากันให้ดีๆ ต่างก็เป็นลูกหลานของพวกเรากันทั้งนั้น ซึ่งเขาเองนั้นมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกได้ว่าเขามีความเห็นต่าง และส่วนใหญ่ก็ได้ออกมาแสดงความต้องการด้วยเจตนาที่ต้องการเห็นบ้านเมืองดีขึ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาอาจจะพูดจาแบบไร้ความสุภาพจนคนรุ่นเก่าอย่างเราๆ ท่านๆ รับกันไม่ไหว ซึ่งก็เป็นเรื่องต้องไปบอกไปกล่าว ต้องตักเตือนกันไป เพราะลูกหลานคนไทยด้วยกัน เป็นมนุษย์ด้วยกัน หากหันหน้าหากัน ก็น่าจะพอพูดจากันดีๆ ได้
แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็คือ เมื่อฝ่ายหนึ่งตะโกนด่า อีกฝ่ายหนึ่งก็ตอบโต้ด้วยการตั้งข้อหา จับกุม ส่งไปศาล หากเป็นครั้งแรก ศาลก็พอเมตตาให้ประกันตัวออกไป แต่หากเกิดขึ้นซ้ำสอง ก็จะต้องไปคุกตะรางลูกเดียว
การแก้ปัญหาความต่างทางการเมืองนั้นไม่พ้นที่จะต้องอาศัยการพูดจากันเท่านั้น จะไปแก้ด้วยการเอากฎหมายมาเป็นอาวุธ เอาพลังข้างมากเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวไม่ได้ เพราะใช้แล้ว ปัญหาไม่ได้หมดไป เพียงแค่จางไปบ้างในวันนี้ แต่เมื่อปัญหายังคงอยู่ มันก็สามารถผุดโผล่ขึ้นมาในวันหน้าได้
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงจะปล่อยให้ปัญหาเรื้อรัง?
ทำไมไม่พูดจากันด้วยความศิวิไลซ์?
หากทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง เอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง โดยไม่มัวแต่สนใจว่า ใครแพ้ชนะ ใครได้ใครเสีย แต่ยืนบนพื้นฐานที่ว่า ประชาชนไทยทุกคนจะต้องได้ในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อเราทั้งหลายทั้งปวงจะต้องหันหน้ามาพูดจาหาทางออก และหาข้อยุติร่วมกันในเรื่องเหล่านี้
1.ความเป็นราชอาณาจักรที่เป็นประชาธิปไตยแบบสากลที่ควรเป็น
2.ฝ่ายกองทัพ ต้องออกไปจากการเมืองไทยอย่างเด็ดขาด และถาวร
3.การบริหารราชการบ้านเมืองต้องเป็นระบบตัวแทน ผสมผสานกับระบบการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ไม่มีการกระจุกตัวของอำนาจ ไม่มีหน้าที่รักษาความเป็นใหญ่ของระบบข้าราชการเหนือประชาชนพลเมือง
4.มติคณะรัฐมนตรี ต้องตรวจสอบได้ ทั้งโดยฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
5.ฝ่ายตุลาการ ต้องไม่เป็นเอกเทศ คัดเลือกกันเอง แต่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อสาธารณชน และรัฐสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบต่อประธานและองค์การศาลต่างๆ เพื่อการยึดโยงและการคานอำนาจ
6.พรรคการเมือง ต้องมีสมาชิกเป็นใหญ่ โปร่งใสเรื่องการเงิน และแจงอุดมการณ์ และแผนงานต่อประเทศ
7.การแข่งขันชิงตำแหน่งต่างๆ ต้องเปิดกว้าง มิใช่จำกัดแต่ผู้มียศตำแหน่ง และปริญญา โดยมีการทดสอบความรู้ ทักษะ อุดมการณ์ เป็นต้น
8.งานการเพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจะตัดสินใจใดๆ ต้องมีสถิติตัวเลข มีเป้าหมายแน่ชัด มีการศึกษาความเป็นไปได้และผลดีผลเสีย และให้มีการลงประชามติ โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นที่เป็นเรื่องใกล้ตัว การลงประชามติในระดับชาติก็น่าจะครอบคลุม เรื่องเงินกู้ และหนี้สาธารณะ และโครงการ โครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องใช้งบประมาณรวมคาบหลายๆ ปี ไปจนถึงโครงการประชานิยมทั้งหมดต้องผ่านรัฐสภา เป็นต้น
9.สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นของปวงชนชาวไทย เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ฉะนั้น ปวงชนก็อยากรู้เห็นพระราชกรณียกิจต่างๆ เป็นธรรมดา ซึ่งพระราชกรณียกิจก็อาจแบ่งได้เป็น 3 หมวด หรือประเภทคือ
9.1 พระราชกรณียกิจตามขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทย (Customary function) เช่น การเปลี่ยนเครื่องทรงขององค์พระแก้วมรกต
9.2 พระราชกรณียกิจที่เป็นงานราชการ (Official function) เช่น การเปิด-ปิด รัฐสภา การแต่งตั้ง และพระราชทานสาส์นตราตั้งเอกอัครราชทูต
9.3 พระราชกรณียกิจที่เป็นการส่วนพระองค์ (Private function) เช่น งานมูลนิธิ เป็นต้น
ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้มีความแน่ชัด ความกระจ่างพสกนิกรก็จะเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติและความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์โดยอัตโนมัติ
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้บริหารประเทศก็ต้องรับฟังอย่างใจกว้าง แล้วทำการปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ มิใช่ปล่อยให้แวดล้อมแต่ผู้คนสอพลอ ส่งผลให้การตัดสินใจดูรวดเร็ว เฉพาะหน้า ขาดข้อมูล ข้อศึกษา ข้อวิพากษ์วิจารณ์ อย่างที่ควรจะเป็น
ความชัดเจนต่างๆ ดังกล่าวก็เป็นการปฏิรูปประเทศไปโดยปริยาย และเป็นการเปลี่ยนรูปโฉมวิถีทางหน่วยราชการที่เอาตัวประเทศและปวงชนเป็นที่ตั้ง มิใช่ให้ “อัตตา” ของชนอำนาจกลุ่มน้อยมากุมพลังอำนาจการบริหารประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี