“อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle)” หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า “โดรน (Drone)” เป็นอากาศยานที่บังคับจากระยะไกล เดิมถูกพัฒนาขึ้น
เพื่อใช้ในภารกิจทางทหารเพื่อลดความเสี่ยงสูญเสียนักบินกรณีอากาศยานถูกยิงตก แต่ปัจจุบันได้แพร่หลายไปยังวงการอื่นๆ เช่น สื่อมวลชนหรือบุคคลทั่วไปที่ใช้โดรนบินถ่ายภาพมุมสูงตามงานต่างๆ หรือเกษตรกรที่ใช้โดรนบินพ่นสารเคมีในแปลงเพาะปลูก ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าการผลิต
เมื่อราคาของโดรนถูกลงจนเข้าถึงได้ง่ายส่งผลให้มีผู้หาซื้อมาใช้งานกันเป็นจำนวนมาก เพื่อลดปัญหาการใช้โดรนอย่างไม่ปลอดภัยหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญกับผู้อื่น จึงมีการออก “ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตและเงื่อนไขในการบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก พ.ศ.2558” มาเพื่อจัดระเบียบ ซึ่งกำหนดให้ผู้บินโดรนต้องขอใบอนุญาต และต้องมีความเข้าใจเรื่องกฎการบินอย่างปลอดภัยด้วย“การฝึกอบรม” สร้างทักษะอย่างมืออาชีพสำหรับนักบินโดรนจึงมีความสำคัญ
ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวเปิดตัว“DTI-UTC ศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับแห่งแรกของไทย” ที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทป. ภายในย่านเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สทป. กับ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่ง พล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการ สทป. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ DTI-UTCเล่าว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ มีแนวคิดให้ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านการบินขึ้น
จึงมีการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร สถานที่และหลักสูตร โดยใช้สนามบินโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และมี กพท. ได้มาตรวจสอบมาตรฐานหลักสูตรทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จึงเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ผ่านการรับรองจากสถาบันฝึกอบรมด้านการบิน (ATO) แห่งแรกของไทย โดยได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2563 ซึ่ง ศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ DTI-UTC ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งภาคพื้นและบนอากาศ
ทั้งนี้ มาตรฐานการบินต้องเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)ผู้เรียนจะได้รับใน 3 เรื่องคือ 1.Heart หรือหัวใจ ผู้เรียนแล้วจะต้องมีใจรักในการบินโดรน 2.Head หรือศีรษะซึ่งหมายถึงสมอง ผู้เรียนจะได้รับความรู้ตามมาตรฐานของ ICAO และ 3.Hand หรือมือ หมายถึงการฝึกทักษะการบังคับโดรน ซึ่งหลักสูตรของ DTI-UTC จะมีอยู่ 2 หลักสูตร คือ 1.นักบินโดรน 2.ครูการบินโดรน
“แม้แต่ท่านผู้สื่อข่าวเอง จะได้เห็น Bird Eye View (ภาพมุมสูง) เป็นหลักในการที่จะถ่ายภาพลงสื่อต่างๆ เราเห็นโดรนไปสำรวจภาคการเกษตร สำรวจบ่อน้ำมัน สำรวจน้ำหรืออะไรต่างๆ เกิดขึ้น ในอนาคตท่านจะเห็นโดรนทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่บิน อาจจะเป็นโดรนสำหรับส่งเวชภัณฑ์สำหรับร่นระยะเวลาสำหรับส่งเวชภัณฑ์ไปรักษาผู้ป่วย ท่านอาจจะเห็นโดรนบินสำรวจสายไฟฟ้าแรงสูงที่มีระยะทางไกลๆ” พล.อ.อ.ปรีชา กล่าว
พล.อ.อ.ปรีชา ยังกล่าวอีกว่า “โดรนนั้นไม่ใช่ของเล่นแต่นับเป็นอากาศยานชนิดหนึ่ง และอากาศยานที่ลอยอยู่บนฟ้าก็อาจทำให้บุคคลที่ 3 เกิดความสูญเสียได้” เช่น ไปตกใส่หลังคาบ้าน หรือหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ดังนั้นการฝึกอบรมการใช้โดรนจึงมีความสำคัญ โดยมีการเรียนการสอนด้านกฎหมาย กฎการบิน ความปลอดภัยทั้งภาคพื้นและบนอากาศ เพื่อให้การบินเป็นไปตามมาตรฐานของ ICAO ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมีใบรับรองสามารถนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้
ด้าน กลศ เสนาลักษณ์ ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานผู้ประจำหน้าที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า การบินโดรนต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น นักบินโดรนจึงต้องรู้จักกฎ กติกา มารยาท ดังนั้นการฝึกอบรมนักบินโดรนจะใกล้เคียงกับการฝึกอบรมนักบินเครื่องบินจริง กพท. เองก็ต้องพัฒนากฎระเบียบออกมาสนับสนุน
เช่น โดรนที่ใช้ในภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีนักบินโดรนรับจ้างบินอยู่แล้ว และโรงเรียนการบินจะทำให้ได้นักบินที่มีคุณภาพ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศไทยได้ทั้งการสร้างงานและสร้างความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือการพัฒนาโดรนของประเทศ ซึ่งผู้แทนของ สทป. ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน โดยในไตรมาส 3/2564 จะมีการออกกฎระเบียบกติกาเพิ่มให้ เช่น การออกแบบเครื่องบินการออกใบอนุญาต ห้วงอากาศการติดตาม การติดตามอากาศยาน การทำการค้า (Commercial) ของโดรน ฯลฯ
“จะเห็นว่าโดรนเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้น อยากจะเรียนเชิญชวนทุกท่าน ถ้าท่านคิดว่าโดรนเป็นอาชีพหรือสิ่งที่เราจะทำได้ ก็ขอให้มาเรียนที่โรงเรียนที่ กพท. รับรอง ตอนนี้คือโรงเรียนแห่งนี้ UTC”นายกลศ กล่าวในท้ายที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี