เมื่อปีที่แล้ว นักการเมืองอาวุโสของประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมาธิการของสำนักงานคณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตำแหน่งเสมือนเป็นรัฐมนตรีในคณะกรรมการบริหารของสหภาพยุโรป ได้เดินทางจากกรุงบรัสเซลส์ที่ตั้งของสำนักงานกลางของสหภาพยุโรป กลับไปที่บ้านพักส่วนตัวที่กรุงดับลินประเทศไอร์แลนด์ เพื่อพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ และโรคระบาดโควิด-19 ก็ยังคุกรุ่นอยู่ และกฎเกณฑ์บ้านเมืองโดยทั่วไปก็คือ การห้ามรวมตัวชุมนุมกันเพื่อการประชุมหารือ หรือเพื่อการสังสรรค์ แต่กรรมาธิการสหภาพยุโรปชาวไอร์แลนด์นี้ได้แวะไปพบปะสังสรรค์ที่คลับเฮ้าส์ ใกล้กับบ้านพัก ก็เป็นข่าวครึกโครม และกรรมาธิการผู้นี้ไม่ได้ต้องคิดมากไม่ทำตัวเป็นศรีธนญชัยไม่ปล่อยข่าวปลอม เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่จัดทำข้อมูลอำพรางหรือตารางนัดหมายปลอม ดังนักการเมืองชั่วๆ ที่เห็นกันทั่วไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย แต่ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งทันทีทันควัน
และแล้วเหตุการณ์การติดเชื้อโรคระบาดโควิด-19 ที่สถานเริงรมย์ ไนท์คลับย่านคนรวย ผู้รากมากดีของกรุงเทพมหานครโดยผู้อยู่ในแวดวงทางการเมือง และธุรกิจระดับสูง ก็แพร่กระจายออกมา แล้วก็เกิดกระบวนการปิดข่าวกันให้แซ่ดบิดเบือนข้อเท็จจริง ไปจนถึงช่วงวันเวลาที่ปรากฏตัวที่เผอิญมีพยาน หลักฐาน ผุดโผล่ขึ้นมาซึ่งการตบแต่งเรื่องราวความเป็นมาจะเป็นอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ดูดี เพื่อให้พ้นจากความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมไปก็สามารถกระทำได้ เมื่อไม่มีจิตสำนึก และจริยธรรมเสียอย่าง แต่นั่นก็หาหลุดพ้นจากข้อเท็จจริงไม่
แหล่งข้อเท็จจริงที่ฝ่ายสื่อ และหน่วยราชการและฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องจะพึงหาข้อมูล ข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก ก็คือ
1. คำชี้แจงจากเจ้าของกิจการ ผู้บริหารสถานเริงรมย์ พนักงานต้อนรับหญิง และพนักงานเสิร์ฟ ไปจนถึงหน่วยยามรักษาความปลอดภัย และพนักงานจอดรถ และอาจจะมีตำรวจโรงพักที่วนเวียนมาดูแลความเรียบร้อย ปลอดภัยด้วย
2. ข้อมูลจากบุคคลในครอบครัวว่า ณช่วงนั้นสามี คู่หมั้น แฟน หรือลูกหลาน ไปสถิตอยู่ที่ไหน
3. ข้อมูลจากคนขับรถประจำตำแหน่งและผู้ติดตาม ไปจนถึงลูกน้องที่รับผิดชอบเรื่องกำหนดการนัดหมาย
แต่ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องความรับผิดชอบของบุคลากรรอบๆ ตัว (เจ้าตัว)
เมื่อใดแวดวงการเมืองไทย และข้าราชการระดับสูงจะมีพฤติกรรม และจิตสำนึกที่เสมอเหมือนนักการเมืองยุโรปอเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน คือรับผิดชอบต่อการกระทำ และซื่อสัตย์สุจริต และมีความละอาย แต่ถ้าหากพวกเราภาคประชาชนร่วมกันมีสุ้มมีเสียง เป็นพลังกดดัน วันใดวันหนึ่งฟ้าก็คงจะเปิดฉะนั้น เราและสื่อก็ต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตาต่อไป และ ณ ที่นี้ก็อดจะแสดงความชื่นชมต่อ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ได้ ที่ช่วยเป็นหูเป็นตา และนำข้อมูลมาสู่สาธารณชน
ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องมีคำถามไปที่ต้นสังกัดและตัวหัวหน้า จะเป็นรัฐบาลจะเป็นพรรคการเมือง หรือจะเป็นหน่วยงานก็ดีว่า ได้มีการสืบสวน สอบสวนเรื่องราวกันหรือไม่อย่างไร หรือจะช่วยกันรักษาแนวร่วมและเสถียรภาพขององค์กร โดยไม่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลใดๆ ทั้งสิ้น และแล้วจะมาเรียกร้องให้คนทั้งชาติโดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาวรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กันได้อย่างไร เพียงแค่ติดเชื้อโควิด-19ก็อ่อนเปลี้ยในสติปัญญา และจิตสำนึกเสียแล้วก็เท่ากับว่าฝ่ายผู้นำใช้หลักอธรรมในการปกครองและนำพาบ้านเมือง จึงได้มีการขับไล่กันมากยิ่งขึ้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี