คนไทยมีวิกฤติศรัทธาต่อศาลหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ว่าถามใคร คนตอบเป็นใคร มีความคิดกลางๆ หรือเอียงกระเท่เร่สุดขั้ว
อย่าลืมว่าแม้นักโทษหนีคดีอาญาที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ยังพูดทำนองว่าร้ายศาลมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่สาธารณชนก็ยังคงเห็นว่านักโทษหนีคดีอาญารายนั้นยังคงฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้อื่นกับศาลตลอดเวลา ซึ่งก็ทำให้เกิดความสับสนว่า ตกลงแล้วนักโทษหนีคดีอาญากับศาลที่ถูกนักโทษหนีคดีอาญาว่าร้ายเป็นประจำ ใครคือคนที่มีปัญหากันแน่
ส่วนเรื่องที่มีคนบางจำพวกนำหรีดไปวางหน้าที่ทำการศาล นำโบขาวไปติดประตู ติดรั้วของที่ทำการศาล ไปชุมนุมประท้วงเพื่อกดดันศาลครั้งแล้วครั้งเล่าซ้ำๆ ซากๆ ก็เป็นเรื่องที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าสามารถทำพฤติกรรมดังกล่าวได้แล้วไม่มีความผิดตามข้อกำหนดของกฎหมาย ใช่หรือไม่ หากทำแล้วไม่ผิด อีกไม่ช้าไม่นาน ก็จะมีผู้กระทำพฤติกรรมเยี่ยงนั้นทั้งแผ่นดิน
ประเด็นหนึ่งที่คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยให้ความสนใจคือ ทำไมศาลไม่อนุญาตให้กันตัว หรืออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำกลุ่มชูสามนิ้วรายหนึ่ง ซึ่งพูดให้ชัดก็คือ “เพนกวิน” (ในที่นี่ขอพูดถึงเพนกวินคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่พูดถึงในวันนี้)
ล่าสุดเพนกวินถูกศาลปฏิเสธการให้ประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งเป็นการปฏิเสธ ครั้งที่ 9 โดยศาลให้เหตุผลว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า อาการป่วยของเพนกวินทรุดลงมาก หลังจากเพนกวินตั้งใจไม่รับประทานอาหารเพื่อประท้วงศาลมาระยะเวลาหนึ่ง
ในที่นี่จะยังไม่พูดถึงเรื่องผู้ต้องหาที่จงใจอดอาหารเพื่อประท้วงศาล แต่ขอให้ข้อสังเกตเบื้องต้นคือ หากผู้ต้องหาทุกคนเล่นเกมกับศาลด้วยการจงใจอดอาหารประท้วงศาล ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ฝากเรื่องนี้ให้ไปคิดก่อน แล้วสัปดาห์ต่อๆ ไป ค่อยกลับมาพูดเรื่องนี้ในมุมที่ลึกและกว้างกันต่อ
คราวนี้มาดูหลักการและกฎเกณฑ์การให้ประกันตัว หรือปล่อยตัวชั่วคราวของศาลกันก่อน คือเมื่อศาลพิจารณาคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว แล้วเห็นว่าเป็นกรณีที่สมควรให้ปล่อยชั่วคราวได้ตามประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 ให้ศาลพิจารณาว่าจะให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีประกันหรือไม่มีประกัน โดยให้ศาลพิจารณาความรุนแรงของข้อหา สาเหตุและพฤติการณ์การกระทำผิด รวมถึงบุคลิกลักษณะ นิสัย สภาพทางร่างกายและจิตใจ การศึกษา การประกอบอาชีพการงาน ประวัติการกระทำผิดทางอาญา สภาพและฐานะของครอบครัว และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคมของตัวผู้ต้องหาและจำเลย
หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรและจำเป็นให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน ก็ให้กำหนดวงเงินประกันให้เหมาะสมกับข้อกล่าวหาและสภาพแห่งคดี รวมทั้งแนวโน้มที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี หากพฤติการณ์แห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อพิจารณาจากข้อความที่ว่า หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรหรือจำเป็นให้ปล่อยชั่วคราว นั่นแสดงว่าศาลมีอำนาจสั่งให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่ก็ได้
ดังนั้นการที่มีคนกลุ่มหนึ่งจงใจกล่าวเท็จว่าศาลต้องสั่งให้ปล่อยชั่วคราวในทุกกรณีในเมื่อยังไม่ได้ตัดสินคดีนั้นจนถึงที่สุด จึงเป็นความเท็จโดยแท้
ต่อไปนี้จะไม่พูดเรื่องกระบวนการตัดสินใจปล่อยตัวชั่วคราว หรือประกันตัวผู้ต้องหา เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของศาล ซึ่งศาลจะต้องอธิบายกับสาธารณชนให้กระจ่างเพื่อให้สาธารณชนหมดข้อสงสัยใดๆ แต่จากนี้ไปผู้เขียนจะขอพูดในแง่ของพฤติกรรมที่ปรากฏชัดของผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราว
มีคำถามว่า ถ้าหากลูกของคุณ จงใจ ตั้งใจ และเต็มใจก่อเหตุใดๆ ขึ้นมา ซึ่งคนอื่นๆ จำนวนมากมองว่าลูกของคุณทำความวุ่นวาย โกลาหล สับสนให้บังเกิดกับสังคม แต่ส่วนแม่ของเด็กคนนั้นยกย่องว่าลูกทำถูกต้อง ดีงาม สร้างสรรค์สังคม ก็ถือเป็นมุมมองของแม่รายนั้น แต่ทว่าแม่รายนั้นก็ไม่สามารถบังคับให้คนอื่นมองเหมือนตัวเองได้ ขณะเดียวกัน คนอื่นในสังคมก็คงไม่สามารถบังคับให้แม่รายนั้นเชื่อเหมือนคนอื่นๆ ในสังคมได้เช่นกัน
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มุมมองของใคร แต่ปัญหาอยู่ตรงที่พฤติกรรม การกระทำอันปรากฏชัดเจน จับต้องได้ และรับรู้ได้จากการกระทำของเด็กรายหนึ่งที่ได้จงใจกระทำลงไปแล้ว
สิ่งสำคัญที่ต้องดูคือการกระทำของเด็กรายดังกล่าวก่อให้เกิดผลดี ผลเสีย ผลลบ ผลบวก อย่างไรกับสาธารณชน ส่วนข้อที่อ้างว่าเด็กรายนั้นยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะศาลยังไม่ตัดสิน เรื่องนี้ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะในเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนเสมอๆ ว่าเด็กก่อการประท้วงเป็นประจำ แล้วการประท้วงนั้นก็ตามมาด้วยความรุนแรงทั้งกายภาพ และด้วยการคำพูด และการแสดงออกอื่นๆ อันเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อพูดถึงเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็จะมีผู้อ้างว่า เอามาตรา 112 มารังแก กลั่นแกล้งผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองกันอีกแล้ว
ซึ่งก็ต้องถามกลับไปยังคนที่อ้างว่าใช้มาตรา 112 กลั่นแกล้ง รังแกกันว่า แล้วทำไม แล้วเหตุใดคนอื่นๆ อีกตั้งเป็นล้านเป็นโกฏิที่เขาจงใจก่อเหตุประท้วงโดยมีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน เขาจึงไม่ถูกกลั่นแกล้งด้วยมาตรา 112 ตามที่หลายคนชอบอ้างกันเหลือเกิน แล้วทำไมเด็กกลุ่มหนึ่งที่ชูสามนิ้วจึงจะถูกกลั่นแกล้งด้วยมาตรา 112
ถามจริงๆ เถอะคนที่อ้างเช่นนั้นเคยดูพฤติกรรมคำพูด การแสดงออกของเด็กในกลุ่มชูสามนิ้วหรือไม่ หรือจะอ้างว่าก็เขาต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถ้าจะอ้างเช่นนั้นก็อ้างต่อไปเถอะ เพราะเป็นข้ออ้างของคนที่ต้องการแสดงออกเช่นนั้น แต่อ้างแล้วคนอื่นจำเป็นต้องเชื่อตามคำอ้างหรือไม่ ขอให้คิดดูเอาเอง
ประเด็นสำคัญที่จะขมวดประเด็นในวันนี้คือ พฤติกรรมการแสดงออก คำพูดคำจา ทั้งด้วยวาจาและด้วยตัวอักษรและรูปภาพ รวมถึงการแต่งกายในโอกาสต่างๆ ในการประท้วงของเด็กรายหนึ่งที่กำลังจงใจอดอาหารเพื่อประท้วงศาลเป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่สาธารณชนรับรู้รับทราบ
ถามต่อไปว่า หากเด็กที่กำลังอดอาหารประท้วงศาลไม่จงใจแสดงออกให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่า เด็กรายนั้นตั้งใจ และจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครหน้าไหนจะเอามาตรา 112 ไปบังคับ หรือรังแกเด็กรายนั้นได้ ขอถามอีกทีว่า เป็นเพราะว่าเขาจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะความย่ามใจ หรือเพราะเจตนา
อันใดที่รุนแรงเกินกว่าจะกล่าวในที่นี้หรือไม่ ก็ต้องนำไปพิจารณากันเอาเอง
ถามอีกทีว่า เด็กรายดังกล่าวก่อเหตุประท้วงทำนองหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้วกี่สิบครั้ง แล้วต้องคดีความใดๆ บ้าง หลังจากจงใจก่อเหตุประท้วงมาจนนับครั้งไม่ถ้วน
ถ้าหากเด็กยังคงอ้างว่ากระทำไปเพราะเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องจากต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องถามเด็กกลับไปว่า แล้วคนอื่นๆ ที่เขาไม่ต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะไม่เห็นความจำเป็นใดๆ เขาต้องยอมให้เด็กรายนั้นก่อการได้โดยสะดวกโยธินหรือ หรือว่าเด็กรายดังกล่าวถือสิทธิ์ว่าความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ใครๆ ก็ต้องทำตาม ใครที่ไม่ทำตามคือพวกโง่เขลา เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี กระนั้นหรือ
ขอถามทิ้งท้ายว่า ทุกครั้งเมื่อเด็กรายดังกล่าวก่อเหตุต่างๆ ขึ้นมา เขาเคยได้รับการปล่อยตัวแล้วใช่หรือไม่ แล้วหลังจากได้รับการปล่อยตัว แล้วเด็กราย
ดังกล่าวยังจงใจกลับไปก่อเหตุซ้ำๆ ซากๆ เหมือนเดิมใช่หรือไม่ ถ้าใช่ แล้วมีความจำเป็นอันใดที่ศาลต้องปล่อยตัวให้ออกไปกระทำเหมือนเดิมอีก ทั้งนี้จะยังไม่กล่าวถึงประเด็นใครสนับสนุน หรือหนุนหลังให้เด็กรายนั้นออกไปก่อเหตุซ้ำๆ ซากๆ
ส่วนที่อ้างว่าศาลยังไม่ตัดสินเด็ดขาดว่าเด็กทำกระทำความผิด จึงไม่มีอำนาจสั่งกักขัง ก็ขอให้กลับไปศึกษาอีกทีว่าศาลมีอำนาจหรือไม่ การกล่าวร้ายว่าศาลไม่ยุติธรรม ก็ต้องดูว่าตัวผู้ก่อเหตุที่ศาลไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวมีพฤติกรรมแห่งการกระทำเช่นไร
ขอบอกชัดๆ ว่า ถ้าได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แล้วยังจงใจก่อเหตุซ้ำเดิมตลอดเวลา ก็ไม่ต้องได้รับอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวอีกต่อไป เพราะแสดงว่าเขาผู้นั้นเจตนาก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ถ้าคิดว่าตนเองไม่ผิด ก็ต้องรอให้ศาลตัดสินขั้นสุดท้ายก่อนว่าตนเองบริสุทธิ์ และสามารถกระทำการดังที่ได้กระทำไปแล้วโดยไม่มีความผิด แล้วเมื่อถึงวันนั้นจึงออกมาแสดงพฤติกรรมที่ศาลระบุว่าไร้ความผิดให้สนั่นลั่นระบือโลกไปเลยก็แล้วกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี