ถ้าใครไปด่า ใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่อาฆาตมาดร้ายองค์พระประมุขของประเทศใดก็ตาม แน่นอนว่าจะต้องถูกดำเนินคดี และมีโอกาสติดคุกยาว
และถ้าม็อบไปกระทำต่อศาลยุติธรรมของประเทศใดก็ตาม แบบที่ม็อบสามนิ้วทำหน้าศาลอาญาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งขว้างปาเข้าไปในศาลตะโกนด่า ฉีดพ่นคำหยาบคาย ป้ายสี ติดป้ายข้อความให้ร้าย บิดเบือน เอาชื่อเอาภาพและข้อมูลคนในครอบครัวของผู้พิพากษาประกาศล่าแม่มด กดดัน ข่มขู่ คุกคาม หวังทำให้กลัว ยอมตามที่พวกตนต้องการ แน่นอนว่ากระทำไม่ได้ และจะต้องติดคุกติดตะรางหัวโต
ล่าสุด มีบทความน่าสนใจ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาสถานการณ์ที่ศาลไทยถูกคนบางกลุ่มคุกคามข่มขู่หวังผลในทางคดีที่เป็นประโยชน์แก่พรรคพวกตัวเองในวันนี้
บทความนี้เขียนโดย Judy Perry Maritnez อดีต President ของ America Bar Association (ABA) หรือเนติบัณฑิตยสภาของสหรัฐ
เรื่อง การปกป้องศาล : การคุกคามผู้พิพากษาอย่างไม่เป็นธรรม บ่อนทำลายความเป็นอิสระของศาลและหลักนิติธรรม (Protecting the Courts: Unfair attacks on judges undermine judicial independence, the rule of law)
แหล่งข่าวในกระบวนการยุติธรรมได้ส่งมาให้พิจารณา เห็นว่าเป็นประโยชน์ น่าสนใจมาก ดังนี้
.....
หลักความเป็นอิสระของศาล (Independent Judiciary) เป็นองค์ประกอบอันสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ฝ่ายตุลาการต้องสร้างสมดุลของอำนาจไปพร้อมๆ กับฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ภายใต้หลักที่ว่า การตัดสินคดีความนั้นจะต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลหรือถูกเบี่ยงเบนด้วยความกดดันทางการเมืองหรือกระแสสังคม
การทำหน้าที่ของผู้พิพากษาย่อมเป็นเป้านิ่งต่อการถูกคุกคามด้วยอารมณ์และความไม่มีเหตุผล โดยที่ผู้พิพากษาไม่มีเครื่องมือที่จะตอบโต้ได้ เนื่องจากถูกจำกัดด้วยหน้าที่ตามจริยธรรม (moral authority)
คดีหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนนำข้อมูลส่วนตัวและครอบครัวของผู้พิพากษาศาลสหรัฐท่านหนึ่งมาเปิดเผยออนไลน์ หลังจากที่ตัดสินคดีสำคัญ จนเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และถูกถากถางความน่าเชื่อถือในวิชาชีพผู้พิพากษาท่านนี้
ผู้พิพากษาคนนั้นต้องรับโทรศัพท์ข่มขู่มากกว่า ๔๒,๐๐๐ สาย ไม่รวมอีเมลและจดหมายมากกว่า ๑,๑๐๐ ฉบับ ที่ส่งมาด่าทอ
ทุกคนมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของผู้พิพากษา และการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติของวิชาชีพกฎหมาย อาจารย์กฎหมายในมหาวิทยาลัยก็วิจารณ์กันเป็นปกติ แม้แต่ศาลสูงก็วินิจฉัยตรวจสอบศาลล่างเป็นธรรมดาเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้กระบวนการการตัดสินคดีเป็นไปตามหลักนิติธรรม
แต่เมื่อการวิพากษ์วิจารณ์เลยเถิดมากไปกว่าการแสดงความเห็นด้วยเหตุด้วยผล กลายเป็นการเย้ยหยัน ดูถูก ถากถาง คำตัดสิน เกินเลยไปจนกระทั่งข่มขู่ คุกคาม จ้องจะแก้แค้นต่อบุคคล จากการตัดสินความที่ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของเขาเหล่านั้น
“สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาในระบบศาลยุติธรรม แต่ยังเป็นการทำลายรากฐานของความเป็นประชาธิปไตยอีกด้วย”
ABA ถือว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องทำให้สาธารณชนเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของศาลที่มีต่อความเที่ยงธรรม (fair) และความไม่ลำเอียง (impartial) ซึ่ง ABA ได้ทำคู่มือ Rapid Response to Unfair and Unjust Criticism of Judges เพื่อเป็นแนวทางให้นักกฎหมายช่วยกันปกป้องศาลด้วยการอธิบาย
ข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนทาง Social Media และข่าวออนไลน์ ซึ่งเป็นแหล่งที่กระจายข้อมูลการวิจารณ์ที่บิดเบือนและไม่เป็นธรรม อย่างรวดเร็วทันการณ์
Judy เห็นว่าเรื่องนี้เป็นบทบาทของนักกฎหมายทุกคนที่จะปกป้องระบบศาลยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นในประเทศสหรัฐเอง หรือต่างประเทศ
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐ Justice Sandra Day O’Connor ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความเที่ยงตรงและความเป็นกลาง กล่าวไว้ว่า “Judicial independence does not just happen all by itself. It is tremendously hard to create, and easier than most people imagine to destroy.” ความเป็นอิสระของศาลยุติธรรมไม่ใช่เกิดเรื่องที่เกิดขึ้นเอง แต่เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นได้ด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง และง่ายมากๆ ที่จะถูกทำลายลง อย่างที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง
เรื่องที่เกิดขึ้นต่อศาลยุติธรรมขณะนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความเป็นอิสระของศาลยุติธรรม กำลังถูกสั่นคลอนลง จาก “การคุกคามที่ไม่เป็นธรรม” ซึ่งมีผลกระทบต่อหลักนิติธรรม และแน่นอนย่อมส่งผลต่อบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตย ที่ทุก ๆ ฝ่ายอ้างว่ากำลังเรียกหาเหล่าสิ่งนี้
ไม่เฉพาะพฤติกรรมก้าวร้าว ข่มขู่ คุกคาม ตัวผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้อง ของกลุ่มทางการเมืองทั้งหลาย แม้บางคนเป็นถึงอาจารย์นิติฯ ออกมาแสดงความเห็นยืดยาว ในเสวนาหน้าศาลอาญา โดยอ้างเหตุผลของความอยุติธรรมต่างๆ นานา แต่ก็ยังมีถ้อยคำในทำนองว่า “มีผู้พิพากษา หรือใครบางคนไม่กี่คน ที่อาจได้ประโยชน์ในรูปแบบแตกต่างกัน (จากการมีคำสั่งไม่ปล่อยชั่วคราว)”
คำกล่าวเช่นนี้ เป็นการใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรมต่อตัวผู้พิพากษาโดยตรง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนเขลาในหลักนิติธรรม และย้อนแย้งต่อสิ่งที่ตนอ้างว่าต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กรศาลยุติธรรมโดยสิ้นเชิง
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของหลักการ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาเฉพาะตัวของผู้พิพากษา หรือเฉพาะองค์การศาล ยุติธรรม แต่เป็นเรื่องของนักวิชาชีพกฎหมายทุกๆ คน ที่จะต้องแสดงจุดยืนที่ถูกต้อง ต่อการกระทำที่ไม่ชอบธรรมในลักษณะเช่นนี้
สถาบันทางกฎหมายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานทางยุติธรรม ศาลพิเศษอื่นๆ เนติบัณฑิตยสภา สภาทนายความ สมาคมวิชาชีพกฎหมายต่าง ๆ มหาวิทยาลัย ต้องช่วยกันรักษาความเป็นอิสระของศาลยุติธรรมและหลักนิติธรรมไว้ มิให้ล่มสลายลงด้วยกระแสทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายที่ไม่ได้ตอบสนองความคิดเห็นที่เป็นไปในแนวทางของตน
....
ในความเป็นจริง
สรุปว่า มีการโกหกว่าเพนกวินป่วยหนัก อุจจาระมีชิ้นเนื้อปนออกมา จากการอดข้าวเอง (ไม่มีใครไปบังคับ)
ความจริง คือ กระเพาะอักเสบ
มีการโกหกว่าเคยทำแบบเดียวกับจำเลยที่ได้ประกันไปแล้ว
ความจริง คือ ไม่ยอมแถลงต่อศาลด้วยตนเองเพื่อยืนยันว่าหากได้รับการประกันตัวจะไม่ออกมากระทำซ้ำตามที่ถูกกล่าวในคดี ซึ่งมีอยู่มากกว่าสิบคดี แต่ใช้วิธีละเมิดอำนาจศาล ทั้งในห้องพิจารณาคดี และด้านนอก รวมถึงในสื่อสังคมออนไลน์ ภายใต้การสนับสนุนของสื่อ นักการเมือง และนักวิชาการที่ยุยงปลุกปั่น ทว่าไม่ออกมากระทำการด้วยตนเอง เนื่องจากรู้ทั้งรู้ว่ามันผิดกฎหมายบ้านเมือง
อ้างว่า เพนกวินและพวก จะไม่หลบหนี
ความจริง จำเลยและผู้ต้องหาหลายคนที่โดน 112 ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยที่คนเหล่านั้นมีคดีน้อยกว่าเพนกวิน และมีบทบาทน้อยกว่าเพนกวิน แถมมีสายสัมพันธ์กับต่างชาติน้อยกว่าเพนกวินด้วยซ้ำ
หยุดคุกคามศาล หยุดบิดเบือนความจริง หยุดม็อบถ่อย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี