คำถามที่อยู่ในวงสนทนาวิชาการ สื่อ และการเมืองแม้กระทั่งในแวดวงธุรกิจที่มักจะเกิดขึ้นค่อนข้างสม่ำเสมอ คือไทยจะทำตัว วางตัวอย่างไร ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หรือนัยหนึ่งไทยควรอยู่กับค่ายไหน จะโปรสหรัฐฯ หรือจีนดี?
ผมมักจะเผชิญกับคำถามดังกล่าวเป็นเนืองนิตย์ ก็เลยขอถือโอกาสนำความเห็นมาชี้แจงแถลงไขกัน ณ ที่นี้ นั่นก็คือ จำเป็นด้วยหรือที่ไทยจะต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง? และเหตุใดไทยจึงจะสร้างความสมดุลระหว่างความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา กับ ไทย-จีน (Balancing Act) ไม่ได้?
หากคำตอบคือ ไทยเราสามารถที่จะรักษาเนื้อรักษาตัวโดยเอาใจทั้งสหรัฐฯ และจีนไปพร้อมๆ กันได้ คำถามต่อไปก็คือ ไทยเราจะเดินหน้าไปอย่างไรที่ทำให้บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น?
โดยหลักการแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ไทยก็ต้องตัดสินใจโดยเอาผลประโยชน์ของไทยเป็นที่ตั้งซึ่งผลประโยชน์นั้นก็ประกอบด้วย ความเป็นตัวตนของไทย และปากท้องของไทยเป็นสำคัญ กล่าวคือ
1.ไทยเป็นราชอาณาจักรที่มีความเพียรพยายาม มีเป้าหมายเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆ โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
2.ไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด หรืออยู่กับโลกทุนนิยมที่มีเอกชนเป็นหลัก และค้าขายทั่วโลก ทั้งนี้ไทยก็ต้องรู้จักประวัติศาสตร์ของตัวเอง และบทเรียนที่ได้รับมา เป็นข้อเตือนสติเตือนใจ และข้อกำหนดพฤติกรรม
เมื่อเอาผลประโยชน์เป็นตัวตั้งแล้ว ไทยก็ต้องคิดและกำหนดว่า การคบหาสมาคมกับสหรัฐฯ และกับจีนนั้น ไทยจะได้ประโยชน์อะไร ซึ่งหมายความว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ไทยจะต้องเลือกข้างหนึ่งข้างใด ไทยคบสหรัฐฯ ในส่วนที่ไทยได้ประโยชน์ แล้วก็คบจีนในส่วนที่ไทยได้ประโยชน์ และการคบหานั้นสอดคล้องกับความเป็นตัวตนของไทย
ในเรื่องการเมือง หรือสิทธิการเมือง ไทยกับสหรัฐฯ นั้นเดินไปในทิศทางเดียวกัน คือการเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่ประสงค์การเมืองใดๆ ในระบอบเผด็จการ โดยเฉพาะการมีพรรคการเมืองเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งหมายความว่าไทยไม่เอาด้วยกับความนึกคิดและการปฏิเสธในเรื่องการเมืองแบบจีน
แต่ในเรื่องปากท้องแล้ว ระบบเศรษฐกิจไทยเองไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกับทั้งสหรัฐฯ และจีน เพราะทั้ง2 ประเทศ ก็อยู่ในระบบเศรษฐกิจการค้าแบบเปิด หรือทุนนิยม ไทยก็ค้าขายกับทั้ง 2 ประเทศไปได้พร้อมๆ กันอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันในเรื่องส่วนกลางของโลก เช่น ปัญหาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติเรื่องภัยพิบัติ เรื่องการก่อการร้ายและความสุดโต่งทางความคิดและเชื่อถือ ไทยก็ร่วมมือกับทั้ง 2 ประเทศได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
ส่วนการร่วมมือทางด้านกิจการความมั่นคง เช่น การประทุษร้ายในเรื่องการสื่อสารและสารสนเทศ (Cyber Security) ไปจนถึงการร่วมมือทางด้านการฝึกทหารและการซ้อมรบ ก็สามารถกระทำได้กับทั้ง 2 ประเทศตามความเหมาะสม โดยคำนึงว่า ไทย-สหรัฐฯ ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันมาช้านาน ส่วนกับจีนเพิ่งเริ่มได้ไม่นานปีมานี้ ซึ่งไม่ว่าไทยจะทำอะไร ก็สร้างความโปร่งใสในด้านการบอกกล่าวว่า มิได้มีจุดมุ่งหมายที่จะคุกคามกัน
ทั้งนี้ ไทยก็ต้องกล้าหาญชาญชัยในการบอกกล่าวกับทั้ง 2 ประเทศ หากมีการดำเนินการที่ไม่เอื้ออำนวยต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น ณ วันนี้ประเด็นปัญหาระหว่างไทยกับจีน คือเรื่องแม่น้ำโขงตอนบน และอาเซียนกับจีน คือเรื่องทะเลจีนตอนใต้ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามหลักการกฎเกณฑ์และกติการะหว่างประเทศที่จีนจะต้องยุติการดำเนินมาตรการแบบฝ่ายเดียว และคุกคามประเทศอื่นๆ และภูมิภาค การพูดจาด้วยหลักการและข้อเท็จจริงแทนการหวาดเกรง เกรงกลัว เป็นการเสริมสร้างศักดิ์ศรี และความน่าเชื่อถือ และรักษาผลประโยชน์ของไทยเอง
ไทยเองต้องเลิกคิดว่า ฝ่ายสหรัฐฯ หรือฝ่ายจีน เขาจะคิดอย่างโน้นอย่างนี้ในทำนองโยงผลประโยชน์เขาเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจของเรา แทนที่จะเลือกเอาผลประโยชน์ไทยเองเป็นที่ตั้ง
โดยสรุปแล้ว อะไรที่ทำได้และควรทำกับทั้งสหรัฐฯ และกับจีน ก็ควรเดินหน้าทำไปด้วยเหตุด้วยผล และด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นประเทศไทยเป็นสำคัญ
เรื่องหนึ่งที่คาใจกันในแวดวงธุรกิจและวิชาการพอสมควร ก็คือความสัมพันธ์ของไทยกับไต้หวัน ซึ่งมีศักยภาพและครอบคลุมหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะประสบการณ์การพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่ก็กระทำการกันไปได้อย่างไม่เต็มที่ ขณะที่จีนและไต้หวันก็มีการทำมาค้าขายกันอย่างมากมาย แม้ว่าจะต่างอุดมการณ์กันก็ตาม แต่การจะเสริมสร้างผลประโยชน์ของไทยกับการคบหาสมาคมกับไต้หวัน ก็มิได้มีจีนเข้ามาแทรกแซง แต่เป็นผลของการดำเนินนโยบายที่เอาใจจีน หรือเกรงใจจีนมากกว่าที่จะเอาผลประโยชน์ต่างๆ ที่ไทยพึงจะได้รับจากไต้หวัน ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้วทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม การนี้เป็นการสะท้อนความไม่เป็นตัวของตัวเองของไทย ซึ่งจำจะต้องมีการทบทวนแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ และศักดิ์ศรีของไทยเอง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี