ขณะนี้กฎหมายงบประมาณ 2565 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ 3 ล้านล้านบาทเศษ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลจะต้องหารายได้จำนวนเท่ากันคือ3 ล้านล้านบาทเศษ มาใช้จ่ายตามงบประมาณนี้ถ้าหาไม่ได้ก็จะไม่มีเงินใช้จ่ายตามงบประมาณก็จะเกิดภาวะถังแตก
การคิดแต่จะพึ่งเงินกู้นั้นกำลังจะมาถึงทางตัน เพราะผลจากการตั้งงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องมา7 ปี ด้วยจำนวนเงินขาดดุลเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จนเป็นหนี้สินสาธารณชนเพดานเงินกู้ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบวินัยการเงินการคลังแล้ว
ดังนั้นการหวังพึ่งเงินกู้นับแต่นี้ไปจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เห็นหรือตอนแรกที่จะตราพระราชกำหนดกู้เงินครั้งหลังสุดนี้ก็มีข่าวว่าต้องใช้เงินถึง 7 แสนล้านบาทแต่ถูกท้วงติงจากสำนักงานกฤษฎีกาว่าผิดกฎหมายจึงลดวงเงินลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท และล่าสุดก็ต้องรับปากรับคำว่าในทางปฏิบัติจะกู้ได้เพียง2 แสนล้านบาทเท่านั้น เพราะอีก 3 แสนล้านบาทจะล้นเพดานเงินกู้
ดังนั้นการหวังพึ่งเงินกู้จึงไม่โล่งโปร่งสะดวกเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว นี่คือข้อควรตระหนักในการหารายได้แผ่นดินมาใช้จ่ายตามงบประมาณ 2565
ทีนี้มาดูกันว่าวงเงินงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาทนั้น รัฐบาลจะต้องหารายได้จากที่ไหนบ้างเพื่อมาใช้จ่ายตามงบประมาณ แต่เพื่อความเข้าใจโดยสะดวกง่ายดายจะขอใช้ตัวเลขในเชิงประมาณให้ใกล้เคียงที่สุดดังนี้
จำนวนเงินรายได้แผ่นดิน 3.3 ล้านล้านบาทนั้นจะประกอบด้วยรายได้จากภาษีอากรประมาณ 80%นอกนั้นเป็นรายได้จากรัฐพาณิชย์และเงินกู้ซึ่งมีข้อจำกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
จำนวนเงินที่จะหวังได้จึงเป็นรายได้จากภาษีอากร ซึ่งมีจำนวนประมาณ 80% ประมาณการเป็นเงิน 2.64 ล้านล้านบาท ซึ่งหมายความว่าจะต้องจัดเก็บภาษีทุกประเภทให้ได้จำนวน 2.64 ล้านล้านบาท จึงจะมีเงินไปใช้จ่ายตามงบประมาณที่อัตคัดนั้น
แล้วมาดูกันว่ารายได้จากภาษีอากรนั้นมีภาษีประเภทใดบ้าง โดยทั่วไปก็จะเป็นรายได้จากภาษีเงินได้ถึง 80% เช่นเดียวกัน นอกนั้นเป็นภาษีศุลกากรซึ่งจัดเก็บจากมูลค่าสินค้านำเข้าและส่งออกและภาษีสรรพสามิตซึ่งเก็บจากสินค้าบางประเภทในการบริโภค ส่วนภาษีท้องถิ่นนั้นเป็นรายได้ของท้องถิ่น ไม่ใช่รายได้ของรัฐบาล จึงไม่อาจนำมาคำนวณได้
ในจำนวนภาษีเงินได้ถึง 80% ของรายได้จากภาษีอากร แบ่งเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาราวครึ่งหนึ่ง และเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครึ่งหนึ่ง ตรงนี้แหละที่จะเป็นปัญหา
ภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นจัดเก็บจากผลกำไรของนิติบุคคล ซึ่งในปีภาษี 2564 และต่อเนื่องไปถึงปีภาษี 2565 ก็เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่านิติบุคคลทั้งหลายโดยทั่วไปทั้งประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤติโคบ้า จึงแทบไม่มีกำไรและจำนวนมากก็ขาดทุน ดังนั้นจึงจะหวังเงินภาษีส่วนนี้เต็มจำนวนนั้นไม่ได้ ถ้าจะประมาณการในแง่ดีก็ต้องประมาณการว่าการจัดเก็บจะขาดรายได้ไป 30-40%
ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ปรากฏว่ามีคนตกงานจำนวนมาก ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็คือข้าราชการพนักงานของรัฐและลูกจ้างของกิจการขนาดใหญ่ที่มั่นคง นอกนั้นเดี้ยงเกือบทั้งหมด ถ้าจะประมาณการในแง่ดีก็คงจะจัดเก็บได้เพียง 70-80% ของประมาณการรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งประมาณการจัดเก็บครึ่งหนึ่งของรายได้ภาษีอากรนั้นก็ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหรืออีก 6 เดือนข้างหน้านี้ การซื้อสินค้าหรือบริการได้ลดน้อยถอยลงเพราะกำลังซื้อลดลงอย่างฮวบฮาบ แม้กระทั่งรายได้จากการผลิตรถยนต์ก็เหลือไม่ถึงครึ่ง จะหวังพึ่งได้ก็แต่พลังงานและแก๊ส
ดังนั้นจึงพอประมาณการคร่าวๆ ได้ว่ารายได้แผ่นดินจากภาษีอากรอาจจะจัดเก็บโดยรวมทั้งสิ้นแค่ 70-80% ของประมาณการรายได้จากภาษีอากรทั้งหมด และอาจประมาณการได้ณ บัดนี้ว่ารายได้แผ่นดินจากภาษีอากรจะขาดหายไปถึง 1.2 ล้านล้านบาท แล้วจะหาเงินนี้มาจากที่ไหน
ดังนั้นปัญหาความยุ่งยากที่อาจจะเป็นวิกฤติซ้ำวิกฤติก็คือปัญหารายได้แผ่นดินที่หากขาดจำนวนถึง 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว จะหารายได้จากที่ไหนมาชดเชย เพราะเงินกู้ก็ตัน จากรัฐพาณิชย์ก็ปรากฏว่ารัฐวิสาหกิจเกือบทั้งหมดขาดทุนระเนระนาด และรอการช่วยเหลือจากรัฐอยู่เป็นวงเงินหลายแสนล้านบาท แค่ค้ำจุนไม่ให้เจ๊งก็ยากแสนยากแล้ว
ทอดสายตาดูหน้าคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่รันทดใจ เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการหารายได้แผ่นดินในช่วง 17 เดือนที่ผ่านมานี้ก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร เพราะอย่าคิดถึงขั้นจะหารายได้เพิ่มเลย แค่รู้สึกตัวว่าวิกฤติใหญ่เกี่ยวกับรายได้แผ่นดินกำลังมาเยือนก็แทบไม่มีใครรู้สึกตัว
ก็ได้แต่หวังว่าเสียงนกเสียงกาของคนเดินดินกินข้าวแกงข้างถนนนี้จะได้รับการพิจารณาโดยแยบคาย และหาทางป้องกันแก้ไขเสียให้ทันท่วงที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี