นับจากโลกของเราต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ซึ่งนับเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ทำให้สังคมมนุษย์บนโลกใบนี้ต้องเผชิญพร้อมๆ กันคือ วิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงและสาหัสมาก รวมถึงยังเกิดวิกฤติด้านสุขภาพของมนุษย์ตามมาด้วย ดังจะพบว่ามีผู้ป่วยแล้ว 178 ล้านคน และตายเพราะโรคนี้เป็นจำนวนเกือบ 4 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ 208,000 คน ตายเพราะโรคนี้ 1,555 คน
หากจะคำนวณมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉพาะของไทยก็ยังไม่สามารถหาตัวเลขที่ชัดเจนมายืนยันได้แต่ทราบเพียงแค่ว่าเศรษฐกิจไทยประสบความหายนะอย่างมากมายมหาศาล ดังพบว่ามีการปรับลดตัวเลข GDPของไทยลงเหลือเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เศษเท่านั้น (แต่สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยบางแห่งคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจจะเหลือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เศษๆ เท่านั้น) แต่ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือมีคนจำนวนมากต้องกลายเป็นผู้ไร้งานทำ ทั้งแบบชนิดไร้งานทำโดยถาวร และกึ่งไร้งานทำแบบเพราะถูกลดวันจ้างทำงาน ซึ่งก็หมายถึงถูกลดเงินเดือนและเงินตอบแทนไปโดยปริยาย
สำหรับไทยนั้นถูกระบุว่าพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อต้นเดือนมกราคม 2563 ซึ่งแรกๆ การติดเชื้อโรคนี้ในไทยถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและการติดเชื้อได้ดีจนได้รับคำชมเชยจากองค์การระหว่างประเทศที่ดูแลด้านสุขภาพอนามัย แต่หลังจากนั้นเมื่อปลายปี 2563 จนถึงขณะนี้ประเทศไทยถูกมองจากนานาชาติว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงของโรคโควิด-19
หลายคนจำได้ดีว่าเมื่อ 19 ธันวาคม 2563 มีข่าวใหญ่เรื่องโควิด-19 ระบาดอย่างหนักที่ตลาดกลางกุ้ง มหาชัย สมุทรสาครซึ่งอันที่จริงก็มีข่าวการแพร่ระบาดมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยเฉพาะต้นตอการนำเชื้อเข้ามาในประเทศจากกลุ่มนักพนันและกลุ่มคนทำงานในสถานบันเทิงที่อยู่ชายแดนไทย-เมียนมา แต่ที่ก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคนี้ในไทยอย่างหนักที่สุดก็ได้แก่การแพร่ระบาดของเชื้อนี้จากสถานบันเทิงชนิดพิเศษย่านทองหล่อซึ่งมีข่าวโยงใยไปถึงรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่เรื่องนี้ก็ถูกทำให้เงียบลงท่ามกลางความคลางแคลงใจของคนไทยทั้งประเทศจนกระทั่งช่วงหลังสงกรานต์ปี 2564 ก็มีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างหนัก แล้วมาล่าสุดก็เกิดการแพร่ระบาดในเรือนจำทั่วประเทศ และจากกลุ่มแรงงานในแคมป์คนงาน และจากโรงงานอุตสาหกรรมอีกหลายแห่ง จากนั้นเราทุกคนที่ติดตามข่าวนี้ก็ได้เห็นตัวเลขการติดเชื้อในบ้านเราจำนวนเป็นหลัก 2-3 พันเรื่อยมา แล้วพบว่ามีคนตายเพราะโรคนี้วันละ 20, 30, 40 คน เรื่อยมาจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
คนไทยทุกคนเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้วประมาณ 1 ปีครึ่ง หลายคนเริ่มชาชินกับข่าวนี้ เพราะได้รับข้อมูลทั้งจริงและเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 มาเกือบทุกวัน และที่ปฏิเสธไม่ได้คือคนไทยจำนวนนับแสนได้ติดเชื้อนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนที่ติดเชื้อนี้จำนวนนับแสนเช่นกันที่ได้รับการรักษาจนหายป่วย
รัฐบาลไทยพยายามให้ข่าวมาโดยตลอดเวลาว่าคนไทยจำนวนอย่างน้อย 50 ล้านคน ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนสิ้นปี 2564 แต่ทว่าคำพูดของรัฐบาลกับความเป็นจริงนั้นแตกต่างกันอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย เพราะจนถึงขณะนี้คนไทยทั้งประเทศได้รับวัคซีนไปแล้วเพียงประมาณ 2.8 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ท่ามกลางข่าวสารพัดชนิดทั้งข่าวจริงและเท็จเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งหลายเรื่องก็ออกมาจากปากของคุณหมอ แต่ก็กลับสร้างความสับสนให้กับประชาชนจนเกิดอาการไม่แน่ใจกับวัคซีนที่ได้รับไปแล้ว หรือกำลังจะไปรับ ส่วนเรื่องข่าวเท็จของวัคซีนนั้น มีมากมายจนเกินจะพรรณนาได้ในประเทศนี้ ซึ่งก็พอๆ กับเรื่องเท็จ และข่าวไร้สาระจำนวนไม่น้อยที่ออกมาจากปากของนักการเมืองฝ่ายค้านจำพวกจงใจล้างผลาญความสุขความเจริญของประเทศไทย
ล่าสุดของล่าสุด คนไทยทุกคนได้ยินแล้วว่านายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ว่า จะเปิดประเทศไทยในอีก 120 วัน โดยจะเปิดพื้นที่ในจังหวัดที่พร้อมก่อนเพื่อรับนักท่องเที่ยงต่างชาติที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบสองเข็มแล้ว และไม่มีเชื้อโควิด-19 อยู่ในตัวขณะเข้ามาท่องเที่ยวในไทย และจะพยายามอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากที่สุด เพื่อหวังให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวให้ได้โดยเร็ว
แน่นอนว่า หากเรายังไม่เปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็หมายความว่ารายได้จากการท่องเที่ยวที่เคยเป็นพระเอกมา 2-3 ทศวรรษ จะมลายหายสูญไปโดยไม่มีวันกลับมาได้ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงกำชับว่าหากจังหวัดใดที่มีอัตราติดเชื้อโควิด-19ต่ำมากๆ คือไม่เกิน 20-30 คน ก็จะเปิดจังหวัดนั้นให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ แต่หากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากกว่านั้นก็ยังไม่เปิดให้เข้า
ขอแสดงให้เห็นวิกฤติเศรษฐกิจไทยหลังจากเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ดังนี้ เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 แล้ว รัฐบาลประกาศ lock down ประเทศ และออกมาตรการ curfew ทั้งประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการที่จำเป็นมาก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างหนักตามมา เพราะเศรษฐกิจไทยไม่ค่อยจะดีมากนักมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว การประกาศ lock down และ curfew ส่งผลให้ทุกคนในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งรัฐบาลก็พยายามออกมาตรการเยียวยาหลายรูปแบบ โดยทั้งหมดก็มาจากการใช้เงินงบประมาณปกติ และจากการกู้เงินโดยรัฐบาลวงเงินประมาณ 2 ล้านล้านบาท เพราะคาดหวังว่าจะแก้วิกฤติได้แล้วจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามหวัง เพราะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาอีกหลายระลอก ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยติดลบ โดยพบว่าอัตราการขยายตัวตลอดทั้งปีติดลบสูงถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์
ย้อนกลับไปพูดเรื่องการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นโยบายนี้เป็นการต่อลมหายใจให้เศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน เพราะไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวมาตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นรัฐบาลจึงหวังว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้บ้าง เพราะจะหวังพึ่งพาการส่งสินค้าของไทยออก หรือหวังจากอุตสาหกรรมอื่นก็คงเป็นเรื่องไกลเกินจริง
คำถามที่น่าสนใจและต้องการคำตอบชัดๆ คือ แล้วประเทศไทยพร้อมมากน้อยเพียงใดกับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วหรือยัง แล้วเมื่อไรคนไทยส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 คำถามนี้คือสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการคำตอบชัดๆ แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากเรื่องนี้เช่นกัน
คำถามต่อมาคือใครจะเป็นผู้รับรองอย่างหนักแน่นว่าจังหวัดนั้นๆ พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับรอง หรือจะให้ใครเป็นผู้รับรอง รัฐบาลต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัด เพราะถ้าในกรณีที่เกิดปัญหาวิกฤติเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมา จะได้นำตัวคนที่รับผิดชอบไปลงโทษได้ทันที โดยไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วหาตัวคนรับผิดชอบไม่ได้ เหมือนกับปัญหาที่เรื่องที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย
คำถามซ้ำซากเหมือนเดิมคือ ขณะนี้คนไทยยังไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ข้อมูลแบบนี้ถือว่าไทยพร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือไม่ส่วนที่รัฐบาลบอกว่ามีพื้นที่หลายจังหวัด เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี) กรุงเทพฯ ชะอำ(เพชรบุรี) หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) และบุรีรัมย์ ที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วเข้าไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน โดยจะเริ่มจากภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และส่วนที่เหลือเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2564มีคำถามว่าประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดและอำเภอตามที่ระบุได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วหรือ และคำถามต่อมาคือหากนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ ใครจะรับผิดชอบ ใครจะตามไปจับตัวนักท่องเที่ยว แล้วที่สำคัญคือคิดว่ามีปัญญาตามไปจับตัวนักท่องเที่ยวที่ออกนอกเขตจังหวัดหรือพื้นที่กำหนดได้หรือ
อันที่จริงยังมีอีกหลายคำถามที่จะถามรัฐบาล แต่เอาแค่เพียงคำถามข้างต้นก่อนก็พอแล้ว และต้องการทราบว่ารัฐบาลจะตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไร ส่วนประเด็นที่ว่าคนไทยต้องการให้เปิดประเทศหรือไม่นั้น คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่ว่ารัฐบาลมีปัญญาฉีดวัคซีนให้คนไทย 50 ล้านคนครบสองโดสในวันไหน รวมถึงคำถามว่า หากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงอีก ใครจะรับผิดชอบ และจะนำตัวการไปลงโทษได้หรือไม่ หรือว่ารอดูกันไป แล้วปล่อยให้ทุกคนรับผิดชอบตัวเองเหมือนเคย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี