จริงๆ ตอนแรก ผมอยากตั้งชื่อบทความวันนี้ อีกชื่อหนึ่งว่า “ความหวังของไทยกับคนรุ่นใหม่ ตอนที่ 2” เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ววันเดือนเดียวกันกับที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ คือวันที่ 13 กันยายน 2560 เราทั้งคู่ได้ร่วมเขียนบทความเรื่อง “ความหวังของไทยกับคนรุ่นใหม่” ไปลง ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า วันนั้น เราเขียนถึงความพยายามต่างๆ ของหลายฝ่ายที่จะชักชวนให้เยาวชนตั้งแต่ชั้นประถมขึ้นมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยของไทย เห็นผลร้ายของการทุจริตคอร์รัปชัน และมาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ คนละเล็กคนละน้อยให้ปัญหาคอร์รัปชันของเราเบาบางลง
4 ปีต่อมา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT และเครือข่าย ก็ร่วมจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติขึ้น ภายใต้แนวคิด “คบเด็กสร้างชาติ” ซึ่งเป็นชื่อที่ผมฟังแล้วชอบมาก จึงต้องขอมาตั้งเป็นชื่อบทความตอนใหม่นี้
งานนี้จัดในรูปแบบ Virtual Event ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อนำเสนอผลสำเร็จจากการจัดงานACTkathon: Anti-Corruption VIRTUAL HACKATHON 2021 “พลิกเกมโกงให้อยู่หมัด สร้างไอเดียรัฐเปิดเผย” ที่เชิญชวนคนรุ่นใหม่ หรือ คนรุ่นก่อนแต่ใจรุ่นใหม่ มาร่วมนำเสนอไอเดียเครื่องมือและสะท้อนมุมมองถึงปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน โดยใช้ข้อมูลเปิดต่างๆ มาใช้ประโยชน์ ปรากฏว่า มีผู้เข้าสมัครร่วมโครงการนี้กว่า 500 คน ที่มีหลากหลายพื้นฐานความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ทีมงานต้องคัดเลือกใบสมัครกันอย่างเข้มข้นจนได้ผู้เข้าแข่งขัน 20 ทีม ทีมละ 3-5 คน
การแข่งขันรอบแรกเข้มข้นมากครับ ผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา อยู่กับเราผ่าน Zoom ถึง 48 ชั่วโมงเต็มๆ เปิดจอพูดคุย ถกเถียง ถามคำถามกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้น ผู้จัดงานก็ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากจากหลากหลายสาขาวิชาและประสบการณ์มาให้คำแนะนำกับทีมแข่งขัน ทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ
ในวันนำเสนอความคิดและตัวอย่างเครื่องมือ เราได้รับเกียรติจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน มาช่วยกันตัดสิน ได้รับทราบมาว่ากรรมการก็ถกเถียงกันอย่างเต็มที่เลย กว่าจะเลือก
ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ 5 ทีม ดังนี้
ทีมแรก Voice of Change : ระบบร้องเรียนในระดับองค์กร แพลตฟอร์มที่รับเรื่องและรวบรวมข้อมูลคัดกรองเบื้องต้นเพื่อนำ ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ทีมนี้มองว่า หนึ่งในปัญหาที่สำคัญของการทุจริตในองค์กร คือ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งคนในองค์กรส่วนใหญ่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่การร้องเรียนนั้น ไม่มีช่องทาง การติดตามที่ชัดเจนปลอดภัย Voice of Change จึงตอบโจทย์เหล่านี้ โดยเป็น แอปให้คนในองค์กรเห็นความเคลื่อนไหวของโครงการที่เกิดขึ้น ส่งเรื่องร้องเรียนแบบที่ไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน เข้าถึงง่าย เชื่อมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งต่อเรื่องให้ได้รับการตรวจสอบ และแจ้งการดำเนินงานให้กับผู้ร้องเรียน ทำให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน และมี data visualization ให้เห็นภาพรวมของข้อมูล Voice of Change เป็นแอปสังคมออนไลน์ขององค์กร ที่เป็นผู้รวบรวมเสียงของทุกคนในองค์กรให้มีความหมาย และได้รับการตอบรับ อย่างปลอดภัย
แพลตฟอร์มของพวกเขาเหมือนวัคซีน การทุจริตเป็นไวรัส และประเทศชาติเสมือนร่างกาย เพราะฉะนั้นหน้าที่ของวัคซีนไม่ได้มีหน้าที่กำจัดตัวไวรัส แต่เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแกร่ง ต่อสู้กับไวรัส ไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเรา เช่นเดียวกับ แพลตฟอร์มที่สร้างขึ้น ไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินว่าใครผิดใครถูก ไม่สามารถทำให้การทุจริตหายไปได้หมดก็จริง แต่ตัวแพลตฟอร์มนี้จะช่วยรวบรวม ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทำให้การทุจริตทำได้ยากขึ้น ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ ความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้แพลตฟอร์มตรงนี้
ทีมที่สอง Blocklander : แก้ปัญหารุกล้ำ พื้นที่ป่าสงวน ไอเดียการใช้ “แผนที่รวมศูนย์ (Centralized Map)” รวบรวมแผนที่ ภาพถ่ายดาวเทียม ใช้เทคโนโลยี Building Detect ตรวจจับสิ่งก่อสร้างจากภาพถ่ายดาวเทียม
เคยสงสัยไหมว่า งบประมาณแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควันหรือน้ำท่วมลงไปเท่าไหร่ ปัญหาก็ไม่ได้คลี่คลายลงสักที หรือเคยสงสัยไหมว่า ทำไมถึงมีอาคารไปตั้งอยู่กลางพื้นที่ป่าได้หากคุณสงสัย เรามาร่วมกันหาคำตอบกับ Blocklander เพื่อช่วยกันตรวจจับคอร์รัปชันด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีฟีเจอร์ ตรวจ…พบ…จบใน 3 มิติ“ตรวจ”…จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบสถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม“พบ”…จะทำให้คุณพบเห็นข้อมูลการใช้งบประมาณและความคืบหน้าของแต่ละโครงการได้ และหากคุณตรวจพบข้อมูลที่มีความพิรุธ หรือดูคลุมเครือ ก็สามารถ“จบ”ได้ที่การร้องเรียนและติดตามผ่าน Blocklander ได้ตรวจ…พบ…จบในที่เดียว!
ทีมนี้มองว่า ทุกวันนี้หลายคนมีความคิดว่าคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน พวกตนก็เป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ที่เคยมีความคิดนี้เช่นกัน แต่เมื่อได้เข้าร่วมแข่งขัน ACTkathon: Anti-Corruption VIRTUAL HACKATHON 2021 แล้ว พบว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่มีความสนใจปัญหานี้ และจากการพูดคุยต่อยอดกับทางทีม ACT ที่รับปากว่าจะสนับสนุนพัฒนาไอเดียของทีมให้เกิดขึ้นได้จริงในอนาคตก็รู้สึกมีความหวังว่า มีความเป็นไปได้ที่สังคมไทยเราจะไร้คอร์รัปชันได้
ทีมที่สาม คือทีม PICA: เรดาร์จับโกง แอปพลิเคชั่นร้องเรียนที่เปิดให้คนทั่วไปช่วยจับโกงผ่านเทคโนโลยีที่มีอยู่ในมือ และแชร์โดย PICA จะทำให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลโครงการที่มีความสงสัย และส่งข้อมูลเรื่องร้องเรียนได้ทันที รวมถึงสามารถแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อให้มีผู้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ผู้ร้องเรียนต้องยืนยันตัวตน ข้อมูลจะบันทึกบนบล็อกเชน ระบบหลังบ้านจะใช้ทั้ง AI และเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบซ้ำ ข้อมูลที่ได้จากภาคประชาชนจะส่งต่อไปให้องค์กรภาคีต่อต้านคอร์รัปชัน สร้างไวรัลมาร์เก็ตติ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบและสร้างไวรัลเนตเวิร์กสร้างเครือข่ายการตรวจสอบ
ทีมนี้มีมุมมองว่า ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทยมีมานานและฝังรากลึก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่แค่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่งจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เอง เพราะฉะนั้น หัวใจสำคัญของกระบวนการต้านโกง ในมุมมองของพวกเรา จึงไม่ได้คาดหวังว่า จะต้องมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอะไร แต่ว่าเราคาดหวังว่าเทคโนโลยีที่เอาเข้ามาใช้ จะต้องเข้าถึงง่าย จูงใจให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเชื่อที่ว่า การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องทำ ดังนั้นอยากเชิญชวนคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหญ่ไฟแรง ที่อยากเห็นสังคมไทยไร้คอร์รัปชันทุกคนว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกคนไม่ได้อยู่คนเดียว ตัวพวกเราทีม PICA และเพื่อนๆอีก 4 ทีม รวมถึงผู้ใหญ่จากหลายๆ องค์กรก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะร่วมสู้ไปด้วยกัน
ทีมที่สี่ Corruption Analysis กินยกแก๊ง : แพลตฟอร์มต้านโกงซึ่งใช้พลังของ data มาช่วยในการ identify ปัญหาและเรื่องราวต่างๆ โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน 3 ตัวละครหลัก ได้แก่ นักการเมือง ญาตินักการเมือง และนักธุรกิจ
แพลตฟอร์มนี้จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง เครือข่ายธุรกิจ และเครือญาติ การค้นหาความจริงจากเครือข่ายทุจริต มีความยุ่งยากในการเชื่อมโยงข้อมูล Corruption Analysis เชื่อมโยงเชิงปริมาณทั่วประเทศ โดยเอาข้อมูลมาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ และแสดงแนวโน้มการทุจริต ตั้งแต่วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง การทุจริตเชิงนโยบาย และการทุจริตในกระบวนการประมูล
แพลตฟอร์ม กินยกแก๊ง เริ่มจากความคิดว่า คอนเนคชัน ที่ดูเป็นคำธรรมดาในสังคมไทย แต่ถ้าคอนเนคชันนั้นอยู่บนผลประโยชน์จากภาษีของประชาชน ก็จะนำไปสู่เป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่มีประสิทธิภาพโดยส่วนตัวค่อนข้างเชื่อว่าทุกคนในประเทศอยากเห็นประเทศดีขึ้นทั้งนั้น ดังนั้น อยากจะเชิญชวนทุกคนให้ออกมาทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และมีส่วนช่วยอะไรบางอย่างให้กับสังคมไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตก็ตาม ที่สำคัญต้องไม่เพิกเฉย ท้อถอย ยอมแพ้กับการคอร์รัปชันก่อน
และทีมที่ห้า ทีมขิงบ้านเรา : รู้จักชุมชนของเราให้ดีกว่าที่เคย แพลตฟอร์มเน้นไปที่การตรวจสอบการใช้งบประมาณของท้องถิ่น โดยพัฒนาแพลตฟอร์มต่อยอดแอปพลิเคชั่น ACT Ai ทำให้การนำเสนอข้อมูลของงบประมาณท้องถิ่นเข้าใจง่าย เพื่อให้คนช่วยกันติดตามการใช้งบประมาณอย่างมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การ “ให้คนในชุมชนรู้จักชุมชนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
โดยแพลตฟอร์มนี้จะวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งบประมาณโครงการในท้องถิ่น เริ่มจากการรวบรวมงบประมาณในท้องถิ่นเพื่อให้คนในท้องถิ่นได้รับรู้ว่ามีโครงการอะไรบ้าง สามารถตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างในพื้นที่ วงเงินงบประมาณ รายละเอียดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ อนาคตสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากแพลตฟอร์มไปยังหน่วยงานของรัฐเพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยง
ของผู้เกี่ยวข้องได้
โดยทีมที่ชนะเลิศการแข่งขัน 3 ทีม ได้แก่ PICA:เรดาร์จับโกง Corruption Analysis กินยกแก๊ง และขิงบ้านเรา : รู้จักชุมชนของเราให้ดีกว่าที่เคย ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสามทีมนี้ด้วยนะครับ และขอชื่นชมทุกทีมที่เข้ามาแข่งขัน ระดมความคิดเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยโปร่งใสขึ้นกว่าเดิม แล้วท่านผู้อ่านละครับ ชอบความคิดของทีมไหนบ้าง แล้วเริ่มมีความหวังกับคนรุ่นใหม่บ้างแล้วหรือยังครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี