จากที่มีคนบางกลุ่ม(อิงแอบกับขบวนการม็อบสามนิ้ว) ออกมาโจมตีและด้อยค่าการนำเสนอของไทยในงาน World Expo 2020 Dubai
หาว่า เชยบ้าง เห่ยบ้าง
ไม่มีอะไรใหม่น่าสนใจ ไม่ไฮเทค
ไม่สะท้อนความเป็นไทยในยุคใหม่อย่างแท้จริงบ้าง ฯลฯ
1. ข้อเท็จจริง คือ ตั้งแต่งานเริ่มจนถึงปัจจุบัน Thailand Pavilion ได้รับความนิยมสูงมาก ต่างชาติสนใจมาก
2. โจทย์ของงาน คือ เราจะไปนำเสนอให้ต่างชาติเขาสนใจประเทศไทย?
มิใช่ไปนำเสนอรายงานวิจัยสังคมวิทยา หรือจะไปนำเสนอสารพัดปัญหาเพื่อตีแผ่ประเทศไทย (คนบางกลุ่มอาจอยากจะเห็นแบบนี้)
มิใช่ไปนำเสนอความอลังการ หรือความไฮเทคของไทยเท่านั้น
จึงถูกแล้ว ที่เรา “เลือก” นำเสนอจุดที่ต่างชาติสนใจ ขยายความตรงนั้นให้ถูกจุด
3. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อกระแสตอบรับ อาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ใน World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมจำนวนมาก เป็นการสะท้อนความนิยมในวัฒนธรรม ความเป็นไทย และนวัตกรรมของไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ไทยจะเดินหน้าฟื้นฟูทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นที่น่าชื่นชมที่ Thailand Pavilion เป็นที่นิยมใน World Expo 2020 Dubai ซึ่งได้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยกระแสตอบรับมีนักท่องเที่ยวสนใจเข้าชมวันละกว่า 8 พันคน และอาหารไทยเป็นที่นิยมจนต้องเข้าคิว มาสคอตที่มีชื่อว่า น้องรักและน้องมะลิ ซึ่งเป็นชื่อมาจากดอกไม้ทั้งสองชนิดก็เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ร่วมกันทำงานหนัก กลั่นกรองความคิดจนสร้างเป็นผลงานที่นำเสนอทั้งวัฒนธรรม เอกลักษณ์ความเป็นไทย เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และศักยภาพของประเทศไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าผลสำเร็จด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจะเกิดในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ งาน World Expo 2020 Dubai จะจัดถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565”
4. คุณชัยวัฒน์ ลิมวัฒนานนท์ (สถาปนิกชื่อดังจาก D103I) หัวหน้าทีมออกแบบงานนี้ ได้สะท้อนเบื้องหลังความคิดที่นำเสนอแบบนี้อย่างน่าสนใจ โดยสรุปว่า
“...ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผมทำงานอาชีพสถาปนิกมา “รูปแบบสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย” เป็นคำที่ผมได้ยินและมีการกล่าวถึงกันมาตลอดว่าเมื่อไหร่ประเทศไทยจึงจะมี เมื่อไหร่เราถึงจะมีรูปแบบอาคารสมัยใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์แสดงออกถึงความเป็นประเทศไทย
...TOR (Term of References) ของงาน Thailand Pavilion ใน 4 ครั้ง ที่ผมได้มีโอกาสได้ทำ มีการระบุชัดเจนถึงความต้องการให้เกิดการออกแบบอาคารที่แสดงออกถึงความเป็นไทย
ปี 2010 รูปแบบของเราเป็นการรวมสถาปัตยกรรมไทยในหลายๆที่มาจัดวางไว้อยู่ในที่เดียวกัน แน่นอนครับ ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องแต่มันมาจาก research/แบบสอบถามที่เราไปถามชาวจีนมาถึงสิ่งที่เขาต้องการจะเห็นในศาลาไทยในปีนั้น
ปี 2012 กับ 2017 เป็น การออกแบบแค่ facade ของส่วนพื้นที่การจัดแสดงที่อยู่ในอาคารที่ทางเจ้าภาพจัดไว้ให้ แต่ facade ก็แสดงออกถึงความเป็นไทยแบบชัดเจน
ปี 2015 Thailand Pavilion (ผมไม่ได้ทำ) มีการนำงอบมาเป็นสัญลักษณ์แสดงออกถึงความเป็นไทยที่สอดคล้องกับ Theme เรื่องอาหารของ Expo ปีนั้น ส่วนตัวผม ผมชื่นชอบมาก ว่านี่เป็นอีก step หนึ่งของการออกแบบสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยของสถาปนิกไทยเรา
ปี 2021 ปีนี้ที่ดูไบ เรื่องอาคารที่แสดงออกถึงความเป็นไทยยังคงมีระบุอยู่ผมเองไม่เคยคิดว่า ทำไมเราถึงไม่สามารถออกแบบอาคารที่เป็นภาษาสากล เหมือนที่หลายๆ ประเทศเขาทำได้ (บางคนบอกว่า เขาก้าวข้ามเรื่องนี้ไปไกลว่าประเทศเราแล้ว) ในทางตรงกันข้าม ผมกลับมาเองว่านี่คือ วาระแห่งชาติ ที่สถาปนิกไทยควรจะทำให้ได้
เมื่ออาคาร Thailand Pavilion 2021 สร้างเสร็จ เปิดภาพสู่สาธารณะมีกระแส 2 กระแสหลัก คือ ชื่นชอบ กับ ติเตียน เรื่องชื่นชอบที่มีมามากมายผมขอยกให้กับทีมงานทุกคนที่ได้ร่วมทำงานชิ้นนี้ ทั้งที่เป็นทีมออกแบบอาคาร ทีมนักแสดง น้องๆ ที่เสียสละไปใช้ชีวิต 6 เดือนที่ดูไบ
ข้อความที่คนติเตียนเรื่องการออกแบบ ผมอ่านแล้วสรุปออกมาได้เป็นประเด็นหลักๆ ว่า รูปแบบเชย เห็นจนชินตาแล้ว/ ทำไมใช้หน้าจั่ว ทำไมไม่ใช้รูปแบบอื่น/ สีทองอีกแล้ว และอื่นๆ ผมขออธิบายคร่าวๆ ประมาณนี้
1. การมองเห็นจากระยะประมาณ 500 ถึง 1 กม.
ผมเลือกที่จะให้ facade หลักของอาคารเป็นสีขาว เมื่อมองจากระยะไกล อยากให้มีความแตกต่างจากอาคารของประเทศอื่น ๆ ที่ผมเชื่อว่าในงาน Expo ทุกครั้ง แต่ละประเทศจะออกฝีไม้ลายมือกันเต็มที่ มีรูปแบบอาคาร facade ที่โฉบเฉี่ยว มี mass ที่หลากหลาย มีสีสันที่มากมาย มาดึงดูดให้ผู้เข้าชมได้เห็น และเชื้อเชิญให้มากที่สุด facade สีขาวน่าจะสร้างความแตกต่างได้ดี เมื่อไปวางเทียบเคียงกับอาคารอื่นๆ
ผมเลือกที่จะใช้หน้าจั่ววางไว้หน้า facade สีขาวเพื่อต้องการบอกว่า นี่คือ Pavilion ของประเทศไทย สามารถเห็นได้ชัดเมื่อมองจากระยะไกล
ผมคิดของผมเองว่า ในเมื่อเขามี Juliet’s balcony ได้ มี Italian steps ได้ ทำไมเราจะมี Thailand roof ให้โลกจำว่าเป็นของเราบ้างไม่ได้
2. สีทอง เป็นสีที่ตอนเราไปทำ research กับคนที่ดูไบ เป็นสีที่คนดูไบชอบ
3. การมองระยะไกล้
เมื่อเข้ามาใกล้อาคาร เราเลือกที่จะออกแบบ facade หลักของเราเป็นลายดอกรัก ที่มาจากพวงมาลัย (หาอ่านเพิ่มเติมได้จากแนวความคิดหลักในการออกแบบอาคาร) เราเลือกที่จะให้เห็นถึงลวดลายที่เป็นpattern แสดงออกถึงความประณีต เน้นงานทำมือของคนไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
สุดท้าย ผมในฐานะหัวหน้าทีมออกแบบสถาปัตยกรรมของอาคาร Thailand Pavilion ขอน้อมรับคำแนะนำ ติชม ของทุกท่าน มาไว้เพื่อพัฒนาการออกแบบของผมและของทีมงานผมต่อไปในงานออกแบบสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่ไม่เฉพาะอยู่แค่อาคาร Thailand Pavilion
ขอให้คิดว่านี่คืออีก 1 step ของการพยายามหาแนวทางสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย อาจจะเป็น step ถอยหลังในความคิดของบางท่าน แต่ ก็ขอให้ทราบว่า อย่างน้อยก็ยังคงพยายามก้าวเดินอยู่ ไม่ได้หยุดนิ่ง หรือ ทิ้งไปเลย และ จะพยายามต่อไป
ปี 2025 จะมีการจัดงาน Expo อีกครั้งที่ญี่ปุ่น และ ก็จะมีการประกวดหาทีมที่จะไปทำงานนี้อีก ผมไม่คิดว่า ข้อเสนอของบางท่านที่บอกให้เราถอด ความต้องการ “อาคารสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย” ออกจาก TOR เป็นความคิดที่ถูก ผมกลับคิดว่าให้ใส่ไว้แบบนี้ดีแล้ว และควรขีดเส้นใต้สีแดง เน้นย้ำไปด้วยว่า ทีมที่จะมารับงานนี้ต้องทำออกมาให้ได้ ส่วนจะถูกใจคนดูแค่ไหน ค่อยมาดูกันอีกครั้ง
ขอบคุณมากครับ”
5. เรื่องนี้ทำให้นึกถึงภาษิตฝรั่งที่มีผู้แปลเป็นไทยอย่างหมดจดงดงามว่า
“สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม
มองเห็นดาว อยู่พราวแพรว”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี