สหรัฐอเมริกากับกลุ่มประเทศตะวันตกใช้ความพยายาม
อยู่หลายเดือนทำให้วิกฤตในพม่าบานปลายและสร้างความเสียหายให้ตกมาถึงประเทศไทย
ตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯใช้ความพยายามอย่างเต็มที่สร้างกระแสให้เกิดสงครามกลางเมืองในพม่าหลังจากพลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้งของนางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ปฏิกิริยาอันดับแรกของอเมริกาคือปลุกระดมสนับสนุนให้ประชาชนประท้วงต่อต้านทหาร ให้ก่อจลาจลวุ่นวายกลายเป็นต่อต้านเผาทำลายทรัพย์โรงงานร้านค้าของชาวจีน หาว่าจีนสนับสนุนให้ยึดอำนาจรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จนรัฐบาลปราบปรามแล้วปั่นกระแสว่าทหารโหดร้าย ทำให้คนตายเป็นร้อยเป็นพัน
และประเทศตะวันตกก็จัดการให้ตั้งรัฐบาลเงาขึ้นมาชื่อว่า “รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ” (National Unity government=NUG) เพื่อผลักดันให้สหประชาชาติรับรองรัฐบาลเงาของนางออง ซาน ซู จี
และแผนการของสหรัฐฯก็ไม่เป็นผล เมื่อถูกจีนกับรัสเซียซึ่งเป็นมิตรแท้ของรัฐบาลทหารพม่าขัดขวาง สุดท้ายยูเอ็นโยนภาระมาให้อาเซียนแก้ปัญหาภายในกันเอง
ในขณะที่อาเซียนเตรียมการร่วมมือกันแก้วิกฤตพม่า ปัญหาใหม่ก็ซ้อนขึ้นมาเมื่อรัฐเงาของพรรคเอ็นแอลดีจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นมาเรียกว่า “กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force = PDF) PDF ส่งคนเข้าไปฝึกอาวุธกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มในป่าแล้วกลับออกมาก่อกวนวางระเบิดรายวัน สังหารผู้คนที่สงสัยว่าเป็นสายให้ทหารโดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนตายไปหลายร้อยศพ
วางระเบิดก่อกวนทำลาย ฆ่าประชาชนรายวันซึ่งตรงกับแผนการของสหรัฐที่ยั่วยุให้ทหารออกมาปราบปรามจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
PDF วางระเบิดฆ่าคนทีไร ก็ได้รับเสียงเชียร์จากสื่อตะวันตกและสื่อจัดตั้งในพม่า แล้วปั่นกระแสว่าทหารฆ่าประชาชนอย่างทารุณโหดร้ายตายไปพันกว่าศพแล้ว รัฐบาลเงากับกองกำลัง PDF คือผู้ขัดขวางฉันทามติ5 ข้อของอาเซียนตัวจริง เพราะ 1 ใน 5 ข้อเขียนไว้ว่า“ให้ทุกฝ่ายในพม่ายุติความรุนแรงทันที เพื่อเปิดทางให้ทูตพิเศษที่อาเซียนแต่งตั้งขึ้นได้เป็นคนกลางในการพบปะเจรจากับทุกฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยสันติวิธี”
แทนที่ปฏิบัติตามฉันทามติของอาเซียน รัฐบาลเงากลับประกาศปฏิวัติประชาชนทั่วประเทศเมื่อวันที่ 6 ส.ค. และวันที่ 7 ต.ค. รัฐบาลเงาประกาศว่าครบรอบหนึ่งเดือนของการปฏิวัติประชาชน PDF ได้สังหารผู้ที่เป็นสายให้ทหารไปแล้ว 1,600 กว่าศพ และวางระเบิดทั่วประเทศ 5,000 กว่าครั้ง
สหรัฐฯกับสมาชิกอาเซียนบางประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ซึ่งประธานอาเซียนปีนี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ PDF ก่อกวนทำลายอาเซียนบางประเทศกับสหรัฐเอาแต่กล่าวหาว่าทหารฆ่าประชาชนอย่างโหดร้ายทารุณ และกล่าวหาพลเอกมิน อ่อง หล่าย ว่าไม่ให้ความร่วมมือกับทูตพิเศษอาเซียนและใช้ข้ออ้างนี้ไม่เชิญผู้นำรัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ทำให้รัฐบาลรักษาการทหารพม่าตำหนิว่าบรูไน ละเมิดกฎบัตรอาเซียน ที่ว่าอาเซียนยึดถือหลักฉันทามติเป็นเอกฉันท์และไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นพม่ายังกล่าวหาว่าบรูไนกีดกันพลเอกมิน อ่องหล่าย ตามใบสั่งของอเมริกาและบรูไนตัดสินใจภายใต้แรงกดดันของกลุ่มประเทศอียู พม่าจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะรับมติใดๆ ของการประชุมอาเซียนซัมมิต
เมื่อพม่าไม่ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนระหว่างวันที่ 26 ถึง 28 ต.ค. สหรัฐตีปีกดีใจฉลองชัยชนะพูดว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตในรอบสี่ปีที่ผู้นำอเมริการ่วมประชุมกับอาเซียน
ทางด้านสภาความมั่นคงของสหรัฐก็เคลื่อนไหวตอบสนองนายไบเดนทันที เอมิลี ฮอร์น โฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯออกแถลงว่านายแจ็ค ซัลลีแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้ประชุมทางไกลกับประธานาธิบดีรักษาการรัฐบาลเงาพม่านายดูวา ลาซิลา และ ซิน มาร์หม่อง โดยนายซัลลีวัน เน้นว่าสหรัฐฯยังคงให้ความช่วยเหลือฝ่ายประชาธิปไตยในพม่าต่อไป และทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเรื่องความพยายามทำให้พม่ากลับมาสู่เส้นทางประชาธิปไตย
นายซัลลีแวนได้แสดงความกังวลเรื่องทหารพม่าปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้ายทารุณ และยังแสดงความกังวลถึงการจับกุมนักกิจกรรมประชาธิปไตย นายโค จิมมี เร็วๆ นี้ โดยเน้นว่าสหรัฐพยายามอย่างเต็มที่ให้ปล่อยตัวเขาและปล่อยตัวผู้ที่ถูกจำคุกโดยไม่ชอบธรรมทั้งหมด
ซัลลีแวน ยังไม่รู้จักพม่าดีพอและคงไม่ติดตามข่าวที่ประธานาธิบดีเรเจป แอร์โดอัน แห่งตุรกี ที่ขับไล่ทูตตะวันตก10 ประเทศ รวมทั้งทูตอเมริกาออกจากประเทศ และประกาศให้เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา ในข้อหาแทรกแซงกิจการภายในที่ไปกดดันให้รัฐบาลตุรกีปล่อยตัวผู้ต้องขังสามร้อยกว่าที่ถูกจับฐานขบถเพราะปฏิวัติรัฐประหารโค่นล้มประธานาธิบดีแอร์โดอัน ไม่สำเร็จในปี 2559
รัฐบาลทหารพม่าก็เหมือนกับประธานาธิบดีตุรกี ที่ไม่กลัวตะวันตกไม่ว่าฝรั่งชาติไหนทำผิดกฎหมายจับเข้าคุกทันที ตุรกีกับพม่าไม่ใจดีเหมือนรัฐบาลไทยที่ปล่อยให้ฝรั่งทำผิดกฎหมายได้ตามอำเภอใจ
นายซัลลีแวน บอกกับผู้แทน NUG ว่าสหรัฐฯสนับสนุนให้อาเซียนได้ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ และได้พูดถึงการช่วยเหลือพม่าเรื่องโควิด-19 และความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยตรงต่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า
รัฐบาลวอชิงตัน เคยแถลงอย่างเป็นทางการว่าจะช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งจัดหาที่พักและอาหารให้กับผู้พลัดถิ่นในประเทศ 700,000 กว่าคน แต่การช่วยเหลือเรื่องโควิดระบาดสหรัฐฯไม่ได้ให้ปัจจัยผ่านรัฐทหารพม่า แต่ให้โดยตรงกับองค์กรเอกชนเช่น ยูนิเซฟและเอ็นจีโอ การช่วยเหลือทำนองนี้คือช่วยรัฐเงาของนางออง ซาน ซู จี และกลุ่มต้านรัฐบาลทหารดีๆ นี่เอง
เพราะเอ็นจีโอที่นำโดยอดีตทหารอเมริกัน เคลื่อนไหวในรัฐกะเหรี่ยงและใกล้ชายแดนเป็นผู้ปลุกระดมจัดการให้ชาวกะเหรี่ยงและชาวคะยาแห่กันเกาะอยู่บนฝั่งแม่น้ำตรงข้ามชายแดนไทย และสร้างกระแสว่าทหารพม่านำเครื่องบินมาทิ้งระเบิด แล้วพยายามกดดันให้รัฐบาลไทยรับชาวพม่าที่อ้างหนีการสู้รบเข้ามาอยู่ในดินแดนไทย
กลุ่มเอ็นจีโอก็สร้างกระแสว่ามีคนพม่าพลัดถิ่นในประเทศตัวเองถึง 70,000 คน ยังไม่มีใครยืนยันตัวเลขนี้ได้แต่แหล่งข่าวในพม่ากล่าวว่าผู้ที่หนีออกจากบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต้านรัฐบาล ดังนั้นถ้ารัฐบาลไทยทำตามใจเอ็นจีโอ ก็เท่ากับว่าไทยรับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเพื่อนบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทย
สหรัฐฯให้เงินช่วยเหลือตรงไปที่ยูนิเซฟก็เท่ากับช่วยเหลือกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าเช่นกัน เพราะยูนิเซฟเป็นผู้ประสานงานในยูเอ็นและสหรัฐอเมริกาให้รัฐบาลเงาหรือ NUG ได้เข้ามาตั้งศูนย์โควิดเฉพาะกิจขึ้นในคลินิกหมอซินเธีย ที่ตำบลแม่เตา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
นอกจากเข้ามาตั้งศูนย์โควิดเฉพาะกิจแล้วอดีตทหารอเมริกันที่แฝงตัวมาเป็นหัวหน้าเอ็นจีโอในรัฐกะเหรี่ยงก็พยายามปั่นกระแสว่าทหารพม่าใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง และชาวคะยาที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย กดดันให้ประเทศไทย รับผู้อพยพที่อ้างว่าหนีตายจากการสู้รบในพม่าให้ข้ามแม่น้ำสาละวิน มาอยู่ในฝั่งประเทศไทยให้ได้
อดีตทหารอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นเอ็นจีโอ สมคบกับสื่อตะวันตกปั่นกระแสความรุนแรงภายในพม่า เพื่อให้ประเทศไทยรับผู้อพยพรุ่นใหม่เข้ามา
ดังนั้นการที่นายซัลลีแวน ปรึกษากับ ปธน. รัฐบาลเงาของพรรคเอ็นแอลดี จึงเท่ากับรับรองรัฐบาลเงาอย่างเป็นทางการ และเพื่อความชอบธรรมในการแทรกแซงกิจการภายในของพม่าโดยอ้างว่ารัฐบาลเงาเป็นรัฐบาลถูกต้องตามกฎหมาย
บัดนี้สหรัฐอเมริกาชนะในสมรภูมิประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนโดยสามารถทำลายกฎบัตรอาเซียนที่กีดกันไม่ให้สมาชิกประเทศหนึ่งเข้าร่วมประชุมได้
ธรรมชาติของอเมริกันคือได้คืบเอาศอกได้ศอกเอาวา เมื่อเอาชนะในเวทีอาเซียนก็เปิดหน้ารับรองรัฐบาลเงาของนางออง ซาน ซู จี กลายๆ ต่อจากนี้ไปหากอเมริกันขอให้ไทยเปิดทางให้นำปัจจัยผ่านไปให้ฝ่ายต่อต้านก็ต้องปฏิบัติตามเพราะสหรัฐฯรับรองรัฐบาลเงาไปแล้ว หรือต่อไปภายหน้าเอ็นจีโอปั่นกระแส ปลุกระดมให้คนพม่าอ้างว่าหนีการปราบปรามเข้ามาพึ่งพาประเทศไทยก็จำเป็นต้องรับไว้เพราะเอ็นจีโอและสหรัฐมีอิทธิพลขอให้ยูเอ็นรับรอง (Endorse)ได้โดยง่าย ถึงได้พูดแต่ต้นว่าอเมริกาได้ทีขี่แพะไล่ไทย-พม่า
พูดง่ายๆ คือสหรัฐครอบงำสมาชิกอาเซียนบางประเทศที่อยู่ไกลออกไปจากศูนย์กลางของปัญหา ส่วนประเทศไทยมีเขตแดนติดกับพม่ากว่า 2,000 กม. ปัญหาเกิดในพม่าก็ลุกลามมาถึงประเทศไทย ดังนั้นถึงเวลาหมดยุคการทูตเงียบแล้วหรือยัง (Silence Diplomacy)
ความจริงการทูตเงียบครั้งนี้ไม่ใช่มีแต่ประเทศไทย จีนกับรัสเซียซึ่งเป็นมิตรแท้ของพม่าเป็นที่น่าสังเกตว่าสองประเทศนี้ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรปล่อยให้ตะวันตก
กับอเมริกากล่าวหารัฐบาลทหารพม่าและโวยวายอยู่ฝ่ายเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮุนเซน นายกฯตลอดกาลของกัมพูชา ซึ่งจะเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
กัมพูชาเป็นประเทศที่ศรัทธาจีนมากกว่าใคร ไม่แน่การประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งหน้าเสียงของกัมพูชาอาจนำพาให้อาเซียนพ้นจากอิทธิพลครอบงำของอเมริกาได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี