ตระกูลการเมืองชินวัตรได้ทำให้สังคมไทยฮือฮากันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคุณทักษิณ ชินวัตร ประกาศส่งลูกสาวคนสุดท้อง แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานวัตกรรมและการมีส่วนร่วมของพรรคเพื่อไทย
ในแง่หนึ่งก็เป็นการให้ความหวังและกำลังใจแก่ลูกพรรคและผู้สนับสนุนว่า คุณทักษิณ ไม่ได้ทิ้งและไม่ได้ตีจากไปไหน และยังพร้อมที่จะสนับสนุนและนำพาพรรคต่อไป
ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการคงนโยบายประชานิยมต่างๆ ที่สะท้อนความมีมิตรจิตมิตรใจต่อคนยากไร้ และกลุ่มชนระดับล่าง โดยยังมุ่งมั่นที่จะให้นโยบายประชานิยมต่างๆ มีการผลักดัน ขับเคลื่อนต่อไป และอีกแง่หนึ่งก็เป็นการเล็งเห็นโอกาสที่จะได้คะแนนเสียงมากขึ้นจากการเปลี่ยนระบบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จากกาใบเดียวให้กับทั้งผู้สมัครและพรรค ไปเป็นแบบบัตร 2 ใบ แยกระหว่างบัญชีรายชื่อกับผู้สมัครเขต ซึ่งจะอำนวยโอกาสให้พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นเสียงข้างมากอย่างท่วมท้นในสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ต้องพึ่งยุทธการแตกแบงก์พันอีกต่อไป
แต่เสียงโดยรวมก็อาจจะไม่เพียงพอต่อการส่งให้ผู้สมัครของตนเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องพึ่งเสียงของสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งมองดูผิวเผินก็เป็นฐานเสียงของทางฝ่ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อย่าลืมว่า ฝีมือของคุณทักษิณเสียอย่าง คงไม่ยากเกินไปที่จะเจาะป้อมปราการนี้ไปได้ อย่างน้อยก็มิให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเทคะแนนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โดยอาจจะมีอิทธิพลต่อการที่สมาชิกวุฒิสภาบางคนจะงดออกเสียงให้พลเอก ประยุทธ์ ไปจนถึงเปลี่ยนมาเทคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย
ก็เป็นเรื่องเดาความ และก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่ความหมายของการส่งคุณอุ๊งอิ๊ง เข้าสู่เวทีการเมืองในตำแหน่งอาวุโสสูงสุดของพรรคเพื่อไทย ก็มีนัยว่า คุณทักษิณ ชินวัตร มีความประสงค์ที่จะให้คุณอุ๊งอิ๊ง ได้ก้าวขึ้นเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยในการเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ให้กับบุคคลในตระกูลชินวัตร และยืนยันว่าระบอบทักษิณก็ยังจะคงอยู่ เพื่อให้ลูกพรรคและผู้สนับสนุนมีความเบาใจ และมีความคึกคัก
แต่การที่คุณทักษิณตัดสินใจที่จะเอาลูกสาวคนสุดท้องเข้าสู่แวดวงการเมืองนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือ?
แม้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ และมีความเสน่หากับเรื่องการบ้านการเมืองก็ตาม แต่เมื่อก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นบุคคลสาธารณะ ก็ไม่พ้นจะต้องตกอยู่ในสายตาและคำวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนเป็นธรรมดา
คุณอุ๊งอิ๊งเองก็เคยมีเกียรติประวัติที่โดดเด่นในเชิงก้าวร้าวครูบาอาจารย์สมัยยังศึกษาในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งสังคมก็พอจะรับและอภัยกันได้ เนื่องจากยังเป็นเด็กอยู่ ก็คงจะมีการรับผิดขอขมากันไปแล้วตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีของสังคมไทย ถือว่าเรื่องนี้จบไปพอได้
แต่เรื่องที่เป็นแผลบาปที่จะติดตัวคุณอุ๊งอิ๊งไปตลอด แล้วก็โดยฝีมือของผู้เป็นบิดานั่นคือ ข่าวคราวเกี่ยวกับการที่ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว ในปีที่สามารถเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอดิบพอดี โดยมีความพยายามการตัดตอนการสืบสวนจากฝ่ายการเมืองที่บริหารงานโดยตระกูลชินวัตรในขณะนั้น
เรื่องนี้ไม่เป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับบุคคลที่จะอาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง เพราะมันเป็นการสะท้อนว่าเป้าหมายต้องไปให้ถึง ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไร จะเลวร้ายเท่าใด ก็ไม่ต้องไปสนใจ สังคมไทย หรือสังคมที่เจริญแล้วใดๆ ก็ไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมแบบนี้
แต่ที่จะเป็นเรื่องมหันต์ไปกว่านี้ก็คือ ถ้อยแถลงของคุณอุ๊งอิ๊งเอง ในวันแถลงเข้ารับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาฯ ก็ได้ประกาศว่าจะนำคุณทักษิณผู้บิดากลับสู่ประเทศไทยให้จงได้ซึ่งตามหลักสากลแล้ว คุณทักษิณสามารถกลับมายังประเทศไทยได้ทุกเมื่อทุกเวลา แต่เลือกที่จะไม่กลับเอง เนื่องจากติดคดีความที่มีคำสั่งศาลให้ต้องจำคุก กล่าวได้ว่าคุณทักษิณรู้ตัวว่าตนเองจะกลับมาแบบลอยนวลมิได้
แต่จากถ้อยแถลงของคุณอุ๊งอิ๊งก็มีนัยว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลด้วยฝีมือของคุณอุ๊งอิ๊ง และกลไกทางการเมือง คุณทักษิณก็จะสามารถกลับสู่พระนครได้โดยไม่ต้องแวะไปที่สถานกักขัง รวมทั้งจะไม่ต้องเผชิญกับคดีอื่นๆ ที่ยังค้างคาอีกต่อไป
นั่นจึงเป็นที่มาของความหายนะของตระกูลการเมืองชินวัตรครั้งต่อไป และจะทำให้เกิดหายนะต่อประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยฝีมือของการเมืองภายใต้ระบอบทักษิณ เพราะจะมีการต่อต้านอย่างใหญ่หลวง ญาติพี่น้องของผู้คนที่ล้มตาย บาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งถูกกระบวนการยุติธรรมเข้าจัดการในสมัยที่คุณทักษิณเรืองอำนาจ ต่างยังมีอารมณ์ค้างคา เคียดแค้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวมตัวกันต่อต้าน ไปจนถึงการคิดบัญชีกันอีกได้
ทั้งหมดนี้ก็ส่อให้เห็นว่า คุณทักษิณไม่ยอมเลิกรา ไม่ปล่อยวาง ไม่รับความเป็นจริงว่า ไม่มีทางที่จะเอาความประสงค์ ความเอาแต่ใจของตนไปสู่จุดเป้าหมายได้
แต่ที่มันน่าอดสูไปกว่านั้นก็คือ คุณทักษิณไม่ได้สำนึกเลยว่าตนเองได้ทำลายน้องสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เรื่องการบ้านการเมืองไปแล้วหนึ่งคนโดยถูกยัดเยียดเข้าสู่สนามการเมือง กลายเป็นเสมือนหุ่นเชิด และมาบัดนี้คุณทักษิณ จะด้วยความเขลา หรือความเหิมเกริม คิดถึงแต่ตัวเองก็จะยัดเยียดเคราะห์กรรมให้กับบุตรสาวสุดที่รักยิ่งโดยใช่เหตุ ซึ่งเป็นการทำบาปให้กับเลือดเนื้อเชื้อไข และการสร้างความทุกข์ยากให้กับครอบครัวญาติมิตรโดยรวมอย่างไม่จบไม่สิ้น
มันเป็นกรรมอันแน่แท้ต่อตระกูลการเมืองชินวัตร แต่ที่มันแย่ไปกว่านั้นคือ เป็นกงเกวียนกำเกวียนต่อสังคมไทย
ก็ยังมีเวลาคิด มีเวลาทบทวน มีเวลาที่จะผ่อนคลาย ปล่อยวาง และวางมือ และใช้เวลาในการพินิจพิจารณาภายในจิตใจของตนเอง เพื่อการหลุดพ้นจากความเป็นอัตตา และการยึดมั่นถือมั่น เพื่อจะได้หลุดพ้นจากการถูกจองจำด้วยกิเลส และตัณหา
คุณทักษิณเป็นคนเฉลียวฉลาด ปัญญาเป็นเลิศ ก็ได้โรมรันกับเส้นทางโลกมานานแล้ว ก็จะสลับร่างไปสู่เส้นทางธรรมจะดีกว่าหรือไม่?
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี