เริ่มต้นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้บัญญัติหลักการและเหตุผลไว้ว่าแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256) กำหนดการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่(เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 256/1 มาตรา 256/2 ... จนถึงมาตรา 256/19) ด้วยเหตุที่ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีบทบัญญัติหลายมาตรายังไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยและบริบทของสังคมในด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน กระบวนการได้มาซึ่งองค์กรต่างๆ ในสถาบันการเมือง การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ ในการบริหารประเทศ การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสภาพปัญหาดังกล่าวนำมาซึ่งความไม่เข้าใจและมีความคิดเห็นที่ต่างกันส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในสังคม รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและด้านอื่นๆ
ควรได้มีการศึกษาทบทวนรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขบทบัญญัติที่ค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ขั้นต้นจึงสมควรที่จะมีการแก้ไขมาตรา 2546 รวมทั้งสมควรที่จะมีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นทั้งฉบับ โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสและสร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น
ทุกตัวอักษรที่บัญญัติในร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับ “ล้ม – โละ – เลิก – ล้าง” จะออกมาจากความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ก็ตาม แต่เนื้อหาสาระการยกเลิกระบรัฐสภามาเป็นสภาเดี่ยวนั้น เป็นผลมาจากการยึดติดการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาที่ได้ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ รวมถึงการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานฝ่ายตุลาการที่กระทำหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยนั้นชอบหรือ และอีกหลายประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งเสมือนการเอาคืนฝ่ายตรงข้าม
ที่แปลกกว่านั้น “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เพิ่งมีคำวินิจฉัยพฤติกรรมแกนนำคณะราษฎรให้เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ออกมาเคลื่อนไหวประดิษฐ์วาทกรรมว่าเขียนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ไม่ชอบธรรม แต่ในการเสนอร่างแก้ไขฉบับรีซูโลชั่นนี้กลับไม่มีข้องแวะแกะเกาบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และองค์พระมหากษัตริย์แม้แต่น้อยนิด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสนับสนุนและโพสต์ข้อความชี้นำให้แกนนำกลุ่มคณะราษฎรที่เป็นเด็กนักเรียนนิสิตนักศึกษาออกมาเรียกร้องปฏิรูปสถาบันที่มีการขึ้นคัตเอาท์ว่า ไม่ได้ต้องการแค่ปฏิรูป แต่เราต้องการปฏิวัติ” ที่พากันเคลื่อนไหวอยู่นอกสภาฯ ยิ่งทำให้การหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันในสภาฯ แม้จะเกิดขึ้น แต่ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้จริง
ที่สุดที่ประชุมรัฐสภาก็มีมติไม่รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ ... พ.ศ. ...ฉบับรีโซลูชั่นที่มี “พริษฐ์ วัชรสินธุ, ปิยบุตร แสงกนกกุล ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 135,247 ราย ร่วมกันลงชื่อเสนอให้รัฐสภาพิจารณาด้วยมติ 473 ต่อ 206 เสียงซึ่งคาดว่าเข้าทางกลุ่มนักการเมืองชังชาติบางกลุ่มที่หวังเติมเชื้อความคิดต่างให้เกิดความเร่าร้อนและเกิดความแตกแยกในสังคมไทยมากขึ้น สังคมไทยจึงควรใช้สติในการพิจารณาอย่างถ่องแท้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี