1. Top News ได้เจาะข่าวมารายงานว่า จนถึงวันนี้ มีผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว ถูกปล่อยตัวแล้ว 8 คน
โดยทีมข่าว Top News ได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวระดับสูงในกรมราชทัณฑ์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มี
ผู้ต้องขังบางคนในคดีทุจริตจำนำข้าวพ้นโทษแล้วนั้นได้รับข้อมูลยืนยันว่า มีคนที่ได้รับการปล่อยตัวไปแล้วจริง รวมทั้งหมด 8 คน และยังต้องโทษอยู่รวม 7 คน
คนที่ถูกปล่อยตัว เป็นคนที่ได้รับโทษน้อย และผ่านการอภัยโทษหลายครั้ง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่า ไม่ได้มีการแอบปล่อยตัวนักโทษแต่อย่างใด
สำหรับผู้ที่พ้นโทษไปแล้ว อาทิ
-นายสมคิด เอื้อนสุภา จำเลยที่ 7 โทษจำคุก 12 ปี ได้รับการอภัยโทษ 2 ครั้ง
-นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศและอดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 จำคุก 24 ปี ได้รับการอภัยโทษ 3 ครั้ง
-นายรัฐนิธ โสจิระกุล จำเลยที่ 8 จำคุก 8 ปี ได้รับการอภัยโทษ 2 ครั้ง
-นายกฤษณะ สุระมนต์ จำเลยที่ 18 จำคุก 4 ปี เป็นต้น
2. กรณีนายบุญทรง กรมราชทัณฑ์ยอมรับว่าเหลือโทษจำคุก 10 ปีจริง แต่ชี้แจงข้อเพิ่มเติมว่า ได้อภัยโทษลดโทษมาแล้ว 4 ครั้ง เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม
นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายว่า กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมมิได้มีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาล การพิพากษากำหนดโทษเป็นอำนาจของศาล ในส่วนการบริหารโทษ เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ภายใต้อำนาจของกฎหมาย
สำหรับหลักเกณฑ์ในการที่นักโทษจะได้รับอภัยโทษ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี ตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไป ส่วนจะได้รับการลดโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและประเภทคดีเป็นสำคัญ ประกอบด้วย คดีอาญาทั่วไป คดีอาญาร้ายแรง คดียาเสพติดรายย่อย และคดียาเสพติดรายใหญ่
กรณีของนายบุญทรง คดีจำนำข้าวที่ปรากฏเป็นข่าว ถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง ศาลได้ตัดสินจำคุก มีกำหนดโทษ 48 ปี และได้รับการอภัยโทษจำนวน 4 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันที่ 15 ส.ค.2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 4 ชั้นดีมาก) เหลือโทษจำคุก 36 ปี
ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ธ.ค. 2563 ได้ลดโทษ 12 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 24 ปี
ครั้งที่ 3 วันที่ 28 ก.ค.2564 ได้ลดโทษ 8 ปี (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 16 ปี
ครั้งที่ 4 วันที่ 6 ธ.ค. 2564 ได้ลดโทษ 5 ปี 4 เดือน (ลดโทษ 1 ใน 3 ชั้นเยี่ยม) เหลือโทษจำคุก 10 ปี 8 เดือน
3. บริหารโทษ หรืออุ้มคนโกง
การลดโทษคนแก่ผู้ต้องขังคดีทุจริตประพฤติมิชอบ แบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลข้างต้น ทางกรมราชทัณฑ์ อ้างว่าเป็น “การบริหารโทษ” ไม่ได้มีอำนาจเหนือศาลยุติธรรมที่มีอำนาจหน้าที่ “กำหนดโทษ”
ข้ออ้างเช่นนี้ น่าจะดูแคลนสติปัญญาของประชาชนคนติดตามคดีทุจริตประพฤติมิชอบมาก
ถ้ากำหนดยอดขายไว้ 100 ล้านบาท แล้ว “การบริหารยอดขาย” ทำไปทำมา ได้ยอดขายเหลือแค่ 10 ล้านบาท จะเรียกว่าเป็นการบริหารยอดขายได้อยู่หรือไม่?
กรณีนักโทษคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ศาลกำหนดโทษจำคุก 48 ปี ถ้าบริหารโทษ จนกระทั่งสุดท้ายเหลือ
ติดคุกจริงๆ สัก 30 ปี สังคมก็อาจจะพอรับฟังได้ว่าเป็นการบริหารโทษตามพฤติกรรมของนักโทษเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี แต่ตามแนวทางในขณะนี้ ติดคุกมา 4 ปี นักโทษคดีโกงเหลือโทษจำคุกแค่ 10 ปี (จากศาลกำหนดโทษจำคุก 48 ปี) ถ้าลดโทษแบบนี้ต่อเนื่องอีกไม่กี่ปีก็ได้ออกจากคุกแน่นอน (ถ้าไม่มีคดีอื่นเพิ่มเติม) แล้วแถมจะได้ออกก่อนหน้านั้นอีก เพราะอาจเข้าเกณฑ์พักโทษ ออกมาติดกำไลอีเอ็มอยู่ที่บ้าน เหมือนอีกหลายๆคนก่อนหน้านี้ เช่น นายสรยุทธ นายยงยุทธนายปลอดประสพ ฯลฯ
อะไรคือเส้นแบ่งระหว่างการบริหารโทษ กับการอุ้มคนโกง?
4. คดีทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ พื้นฐานคือการทรยศชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินเงินแผ่นดิน อาศัยอำนาจรัฐบิดเบือนการตัดสินใจ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เจตนาวางแผนฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการบ่อนทำลายชาติไม่น้อยไปกว่าการค้ายาเสพติด
ที่สำคัญ ทุกคดีที่ศาลพิพากษากว่าคดีจะถึงที่สุดได้ผ่านกระบวนการพิจารณา ไต่สวน พยานหลักฐานแน่นหนา พิสูจน์จนสิ้นสงสัย
สำหรับคดีโกงข้าวจีทูจี โครงการจำนำข้าวเริ่มดำเนินการปี 2554
ปี 2555 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยื่น ป.ป.ช.สอบทุจริตระบายข้าวจีทูจี
หลังจากนั้น กว่า ป.ป.ช.จะมีมติแจ้งข้อกล่าวหานายบุญทรง และพวก กรณีการขายข้าวจีทูจี และให้ไต่สวนนางสาวยิ่งลักษณ์ ความผิดกรณีละเว้นต่อหน้าที่
จากนั้น ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 7–0 ชี้มูลความผิดของบุญทรงกับพวก แบ่งเป็นนักการเมือง 3 คนเจ้าหน้าที่รัฐ 3 คน และเอกชน 15 คน รวมทั้งอภิชาติจันทร์สกุลพร
จากนั้น อัยการจะสั่งฟ้อง ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรตำแหน่งทางการเมือง
ศาลดำเนินการไต่สวน ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย บางประเด็นศาลยกประโยชน์ให้ฝ่ายจำเลย
เมื่อศาลพิพากษา ก็ยังมีการยื่นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
ในที่สุดศาลจึงพิพากษาจำคุกจำเลย 17 คน (บางคนศาลยกฟ้อง นายสมยศ คุณจักร)
จำเลยที่ 1 (นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์) มีพฤติการณ์อนุมัติการระบายข้าวจีทูจี สัญญาฉบับที่ 1 และ 2 ทั้งที่การระบายข้าวดังกล่าวไม่ได้มีการทำจีทูจีจริง แต่เป็นการเปิดช่องให้เอกชนนำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศ เท่ากับว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่จัดการทรัพย์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต กระทำความผิด 2 กระทง พิพากษาจำคุกกระทงละ 18 ปี รวม 36 ปี
จำเลยที่ 2 (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต
รมว.พาณิชย์) มีพฤติการณ์อนุมัติการระบายข้าวจีทูจี สัญญาฉบับที่ 3 และ 4 (กับกวางตุ้ง และไห่หนาน รัฐวิสาหกิจจีน) ทั้งที่การระบายข้าวดังกล่าวไม่ได้มีการทำจีทูจีจริง แต่เป็นการเปิดช่องให้เอกชนนำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศ เท่ากับว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดตาม
พ.ร.บ.ฮั้ว แถมนายบุญทรง มีพฤติการณ์แก้ไขสัญญาระบายข้าวจีทูจี ฉบับที่ 1 และ 2 โดยแก้ไขให้เพิ่มปริมาณ และชนิดของข้าว แต่ท้ายสุดแล้วไม่ได้มีการทำจีทูจีจริง แต่เป็นการขายข้าวในราคาต่ำกว่าเดิม ทำให้ชาติเสียหาย แม้ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว แต่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 กระทำความผิด 2 กระทง พิพากษาจำคุกกระทงละ 6 ปี รวม 12 ปี รวมความผิด 4 กระทง พิพากษาจำคุกทั้งสิ้น 42 ปี หลังจากนั้น ในชั้นอุทธรณ์ องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำคุกนายบุญทรง จำเลยที่ 2 เพิ่มอีกกระทงหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี รวมโทษจำคุกนายบุญทรงจากโทษเดิม 42 ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น 48 ปี
เป็นต้น
เท่านั้นไม่พอ ยังมีคดีโกงข้าวจีทูจีลอตสองที่ ป.ป.ช.จ่อจะชี้มูลความผิดไปถึงระดับใหญ่กว่ารัฐมนตรี
ขบวนการโกงข้าวจีทูจีจึงก่อให้เกิดความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท และทำให้โครงการจำนำข้าวขาดทุนมหาศาล จนกระทั่งรัฐบาลหลังจากนั้นต้องรับภาระทยอยใช้หนี้ยังไม่หมดจนถึงปัจจุบัน
นักการเมืองและข้าราชการที่กระทำผิดในคดีเช่นนี้ สมควรจะได้รับการ “บริหารโทษ” จากกระทรวงยุติธรรม จนสามารถจะติดคุกได้ไม่กี่ปี ก็ได้ออกมาใช้ชีวิตปกตินอกเรือนจำแล้วอย่างนั้นหรือ?
ผู้เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้กับการทุจริตโกงกิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐที่เสียหาย นักการเมืองที่ช่วยกันเปิดโปง ภาคประชาชนที่ออกมาขับเคลื่อนต่อต้านคนโกง ป.ป.ช. ป.ป.ท. อัยการ ศาลยุติธรรม ฯลฯ จะรู้สึกขมขื่นใจขนาดไหน?
5. ก่อนหน้านั้น ได้มีรายงานข่าวอื้ออึง กรณี 5 นักโทษคดีทุจริต มีทั้งอดีตรัฐมนตรี และอดีตข้าราชการระดับสูง พ่อค้าข้าวรายใหญ่ ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษหลายครั้งจนเหลือโทษจำคุกน้อยลงกว่าคำพิพากษาศาลฎีกาฯ อย่างน่าใจหาย
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อายุ 61 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี’60 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี’64 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี’64 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เมษายน 2571
นายภูมิ สาระผล อายุ 65 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี’60 กำหนดโทษ 36 ปี ได้รับอภัยโทษลดวันต้องโทษปี’64 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 12 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี’64 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 8 ปี จะพ้นโทษ 25 สิงหาคม 2568
นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ อายุ 69 ปี เป็นนักโทษ ชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี’60 กำหนดโทษ 40 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี’64 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 8 ปี จะพ้นโทษ 11 กรกฎาคม 2569
นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อายุ 64 ปี หรือ เสี่ยเปี๋ยง นักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี’61 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษปี’64 ในรอบแรก เหลือโทษจำคุก 9 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี’64 ในรอบสอง เหลือโทษจำคุก 6 ปี 3 เดือน 26 วัน พ้นโทษ 26 ธันวาคม 2566
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อายุ 75 ปี นักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษาปี’60 กำหนดโทษ 50 ปี ได้รับอภัยโทษปี’64ในรอบแรก เหลือโทษจำคุก 17 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี’64 ในรอบสอง เหลือโทษจำคุก 9 ปี 5 เดือน 24 วัน พ้นโทษ 16 กันยายน 2569
แนวทางประนีประนอมที่สุดที่ควรจะเป็น คือ คดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ (ศาลปราบโกง) และคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา กรณีเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบนั้น ต้องได้รับโทษจำคุกจริงๆ ขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรม
เชื่อเถิด หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ยังปล่อยให้“บริหารโทษ” ตามแนวทางปัจจุบันนี้ ต่อไป จะมีนักการเมืองคดีทุจริตประพฤติมิชอบ โกงชาติโกงแผ่นดินอีกจำนวนมาก
โกงกิน ถ้ารอดก็สบาย
ถ้าพลาดเข้าคุก ก็ติดคุกไม่นาน แล้วออกมาใช้เงินที่ซุกซ่อนไว้
จะเป็นอย่างนี้ต่อๆ ไป ไม่รู้หมดรู้สิ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี