วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ทวนกระแสข่าว
ทวนกระแสข่าว

ทวนกระแสข่าว

สุทิน วรรณบวร
วันศุกร์ ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
‘ฮุนเซน’เยือนเมียนมา ท้าทายสหรัฐอเมริกาและอาเซียนบางชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

“อัครมหาเดโชชัยฮุนเซน” นายกฯตลอดกาลแห่งกัมพูชานำคณะใหญ่ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเดินทางไปเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ นับเป็นความกล้าหาญที่ท้าทายสหรัฐอเมริกาและสมาชิกอาเซียนบางชาติ

นายฮุนเซนซึ่งเข้าใจปัญหาจริงถึงได้พูดก่อนออกเดินทางว่า “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องยุติความรุนแรง” คำพูดของเขาตรงกันข้ามกับตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและอาเซียนบางชาติที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารเมียนมาใช้ความรุนแรงแต่ฝ่ายเดียว


ปี 2564 ที่บรูไนเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน อเมริกาสมคบกับอาเซียนบางประเทศฝ่าฝืนกฎบัตรอาเซียนที่บัญญัติไว้ว่า “ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกันและอาเซียนยึดมั่นในหลักการฉันทามติ”

แต่ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านอาเซียนบางชาติรวมหัวกีดกันขัดขวางผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของเมียนมาคือพลเอกมิน อ่อง หล่าย ไม่ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน นับว่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอาเซียนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2510 ที่อาเซียนบางชาติกลัวอิทธิพลสหรัฐอเมริกากล้าฝืนกฎบัตรของสมาคมประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขัดขวางไม่ให้ผู้นำเมียนมาเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ในการประชุมสุดยอดผู้นำ

โดยเฉพาะอย่างอินโดนีเซีย ซึ่งมีประสบการณ์กับอดีตประธานาธิบดีซูอาโตผู้นำจอมเผด็จมาอย่างยาวนาน ครอบงำอาเซียนบางชาติขัดขวางเมียนมาเอาเป็นเอาตายทำให้วิกฤตภายในเมียนมาเลวร้ายลงกว่าที่ควรจะเป็น

สาเหตุของความเลวร้ายในเมียนมาเป็นเพราะตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามองปัญหาด้านเดียว คือมองแต่มุมการยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้งว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน สหรัฐและประเทศตะวันตกไม่สนใจว่าบริบทของสังคมเมียนมาและอาเซียนบางประเทศเป็นอย่างไร

สหรัฐอเมริกากับประเทศตะวันตกไม่สนใจว่าการเลือกตั้งในเมียนมาโกงกันอย่างมโหฬารหรือไม่? ไม่สนใจว่าผู้นำคอร์รัปชั่นดังที่ถูกดำเนินคดีหรือไม่? สหรัฐไม่สนใจข้อกล่าวว่านางออง ซาน ซู จี ขายความลับทางราชการให้ต่างชาติตามข้อกล่าวหาหรือไม่? แต่กลับไปสนใจที่ปลายเหตุคือการยึดอำนาจ

อเมริกาคาบคัมภีร์เสรีประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงออก และฝักใฝ่แต่เรื่องสิทธิมนุษยชนจอมปลอมแล้วใช้เป็นเหตุผลเข้าครอบงำอาเซียนบางชาติให้คว่ำบาตรเมียนมาตามตะวันตก ในข้ออ้างว่าพลเอกมิน อ่อง หล่าย ไม่ให้ความร่วมมือกับฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนที่ออกมาเมื่อเดือนเม.ย. 2564 หลังจากผู้นำอาเซียนประชุมวาระพิเศษในกรุงจาการ์ตา

ฉันทามติข้อที่ 1 บัญญัติว่า“ให้ทุกฝ่ายในเมียนมายุติความรุนแรงทันทีและใช้ความอดกลั้นอดทนแสวงหาข้อตกลงในการเจรจากับทุกฝ่ายโดยมีทูตพิเศษอาเซียนเป็นคนกลางในการเจรจาเพื่อแสวงหาข้อสรุปโดยสันติวิธีเพื่อประโยชน์ของชาวเมียนมาทั้งมวล”

แต่หลังจากฉันทามติ 5 ข้อออกมาตะวันตกโดยการนำของอเมริกา ยุแหย่สนับสนุนส่งเสริมให้ทุนคนในเครือข่ายพรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี ให้ก่อจลาจลสร้างความวุ่นวายเผาทำลายทรัพย์สินราชการแล้วพาลไปเผาทำลายโรงงานร้านค้าและทรัพย์สินของคนจีนโดยกล่าวว่าจีนสนับสนุนให้ทุนทหารทำการปฏิวัติ เมื่อประเทศอยู่ในภาวะมิคสัญญีคณะผู้บริหารแห่งรัฐ (State Administration Council=SAC) ก็ต้องปราบปรามเพื่อคุมสถานการณ์ แน่นอนการปราบปรามควบคุมสถานการณ์เลวร้ายต้องมีคนเจ็บคนตาย

ประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐสมคบกับอาเซียนบางประเทศซึ่งเคยมีเรื่องกับเมียนมาในประเด็นโรฮีนจาก่อนหน้านี้ ฉวยโอกาสทำให้เรื่องลุกลามบานปลายโดยการให้ทุนสนับสนุนให้จัดตั้ง “รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ” (National Unity Govermnent=NUG) เป็นรัฐบาลเงา และจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF) ขึ้นมาส่งเยาวชนคนหนุ่มสาว และนักการเมืองพรรคเอ็นแอลดีเข้าป่าไปฝึกการใช้อาวุธกับกองกำลังชาติพันธุ์บางกลุ่ม แล้วกลับมาออกประกาศสงครามประชาชนทั่วประเทศ ลอบวางระเบิดรายวัน ลอบสังหารผู้คนที่สงสัยว่าเป็นสายให้รัฐบาลทหาร วางระเบิดทำลายทรัพย์สินของต่างชาติที่ลงทุนร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะเสาสัญญาณโทรศัพท์ถูกทำลายไปแล้ว 400 กว่าต้นหรือ 80% ของเสาสัญญาณที่มีทั้งหมดในเมียนมา

ในเวลาเดียวกันกลุ่มประเทศตะวันตกก็สมคบกับสื่อในสังกัด เสนอข่าวโจมตีใส่ร้ายกล่าวว่ารัฐบาลทหารโหดร้ายฆ่าประชาชนไปแล้ว 1,300 กว่าราย ปฏิบัติการข่าวของตะวันตกสร้างกระแสโจมตีรัฐบาลทหารอยู่ฝ่ายเดียวทำให้สหประชาชาติและอาเซียนบางชาติคว่ำบาตรเมียนมา รวมทั้งห้ามขายอาวุธให้ทหารเมียนมา ในเวลาเดียวกันตะวันตกก็ลักลอบส่งอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านรัฐทหารผ่านทางชายแดนประเทศอินเดีย เพราะอาวุธที่ส่งให้ฝ่ายต่อต้านผ่านทางชายแดนจีนและทางชายแดนไทยไม่ได้

สมาชิกบางชาติในอาเซียนก็สนับสนุนการคว่ำบาตรที่ผลักดันโดยสหรัฐอเมริกาไม่ให้ทุกประเทศขายอาวุธให้ทหารเมียนมาและประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่ใช้อำนาจนิยม

แต่นายฮุนเซนนอกจากไม่แคร์อเมริกาแล้วยังท้าทาย โดยออกคำสั่งให้ทำลายอาวุธที่ผลิตในอเมริกาซึ่งตกค้างอยู่ในคลังอาวุธตั้งแต่สงครามอินโดจีนทั้งหมด นอกจากนั้นรัฐบาลกัมพูชายังรื้อถอนทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกที่กองทัพเรืออเมริกันสร้างไว้ที่ฐานทัพเรือ “เรียม” ในอ่าวไทย และเปิดทางให้จีนเข้ามาใช้ท่าเรือเรียมแทนกองเรืออเมริกัน

นายฮุนเซน ยังกล้าท้าทายสหรัฐอเมริกาและอาเซียนบางชาติ โดยการเยือนเมียนมาพูดคุยกับพลเอกมินอ่อง หล่าย อย่างสหายผู้ใกล้ชิด นายฮุนเซนถือว่าเป็นผู้นำระดับสูงสุดคนแรกที่เยือนเมียนมาหลังจากพลเอกมิน อ่อง หล่ายยึดอำนาจจากรัฐบาลของพรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564

ความจริงแล้วประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดเมียนมาทั้งหลายมิได้รังเกียจเดียดฉันท์รัฐบาลทหารเมียนมาหรือพลเอกมิน อ่อง หล่าย ดังที่ตะวันตกและอาเซียนบางประเทศเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน อินเดีย กัมพูชา ประเทศไทย สปป.ลาว และอื่นๆ อีกหลายประเทศที่ยังไปมาหาสู่ติดต่อทำความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศเมียนมา ไม่ได้คว่ำบาตรเมียนมาตามก้นตะวันตก แต่เป็นเพราะประเทศตะวันออกมีอารยะมีวัฒนธรรมทางการทูตเงียบไม่ชอบการทูตโฉ่งฉ่างอย่างตะวันตกและอเมริกาเพราะตะวันออกถือคติว่า Low Profile High Profit

จีนส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงนายซุน กั๋ว เจียง เป็นทูตพิเศษไปเยือนเมียนมาถึงสองครั้งเมื่อปีกลายและได้เป็นประธานในพิธีการเปิดเส้นทางรถไฟขบวนปฐมฤกษ์จากยูนนานตอนใต้ของประเทศจีนผ่านประเทศเมียนมาสู่ท่าเรือน้ำลึกทะเลอันดามันได้ตามเป้าหมาย “หนึ่งสายพานเศรษฐกิจ หนึ่งเส้นทาง”

รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียเดินทางมาเยือนเมียนมาพบปะเจรจากับพลเอกมิน อ่อง หล่าย ตามเป้าหมายเพิ่มพูนการค้าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย เดินทางเยือนเมียนมาเงียบๆ เมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา เป็นผลให้เมียนมากลับมาเปิดชายแดนทำการค้ากับไทย เปิดชายแดนค้าขายกับจีนและอินเดียเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี้แหละที่เรียกว่า Low Profile High Profit เพราะหลังจากจีน ไทย และอินเดียส่งผู้แทนระดับสูงไปเยือนเมียนมา ในเดือนธันวาคมที่ผ่านพลเอกมิน อ่อง หล่าย ประกาศให้ใช้เงินหยวน เงินรูปี และเงินบาทไทย แลกเปลี่ยนซื้อขายได้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ต้องง้อเงินดอลลาร์ของอเมริกาอีกต่อไป

ประเทศอาเซียนในกลุ่มสุวรรณภูมิ เช่น ไทย สปป.ลาว กัมพูชา ยังคบหาค้าขายกับเมียนมาไม่ขาดตอนขาดสายและปล่อยให้สมาชิกอาเซียนนอกสุวรรณภูมิบ้าตามการปั่นกระแสสงครามกลางเมืองของอเมริกาและตะวันตกโดยที่ไม่เข้าใจในบริบทสังคมตะวันออกต่อไป

นักวิชาการร่านวิชา สื่อสารมวลชนบางคนบางสำนักตำหนินายฮุนเซน และนายดอน ที่ไปเยือนเมียนมาขณะที่ทั่วโลกคว่ำบาตรและประณามรัฐบาลทหารเมียนมา สื่อบางคน บางสำนักถึงกับวิจารณ์ว่าอาเซียนแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว หากคิดว่าการที่นายฮุนเซนเยือนเมียนมาถือเป็นการแหกคอกหักหน้าอาเซียนก็เป็นความคิดที่ตื้นเขินเกินไป

อาเซียนเคยมีประสบการณ์ขัดแย้งกันรุนแรงกว่านี้ในยุคสงครามอินโดจีน ยุคเผด็จทหารปกครองเมียนมา หรือความขัดแย้งเขตแดนสิงคโปร์กับมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตลอดถึงความขัดแย้งในทะเลจีนใต้หรือแม้แต่ความขัดแย้งเขตแดนไทย-กัมพูชา แต่สุดท้ายสมาชิกอาเซียนก็รอมชอมปรองดองสามัคคีร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันต่อไปตราบใดที่จัดการผลประโยชน์ร่วมกันได้

กรณีวิกฤตการเมืองในเมียนมาถือว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ที่บางชาติในอาเซียนหลงทางตามก้นสหรัฐและประเทศตะวันตกเกินไป แต่ไม่ช้าไม่นานอาเซียนก็กลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อไป

ในกรณีนายฮุนเซนเยือนเมียนมาถือเป็นความกล้าหาญที่ท้าทายสหรัฐอเมริกาและอาเซียนบางประเทศในห้วงเวลาที่เรียกได้ว่าหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่อย่างน้อยนายฮุนเซนก็เป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนที่มีภารกิจทำให้อาเซียนได้สำเหนียกว่าอาเซียน วิกฤตในเมียนมาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทหารใช้ความรุนแรงฝ่ายเดียว และเตือนสติอาเซียนบางชาติว่าอาเซียน “ไม่แทรกแซงกิจภายในซึ่งกันและกัน และอาเซียนยึดมั่นในฉันทามติที่ผู้นำทุกชาติสมาชิกต้องประชุมร่วมกัน ไม่เป็นเช่นนั้นจะเรียกว่า #ประชุมสุดยอดผู้นำได้อย่างไร

สุทิน วรรณบวร
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:04 น. เช็คอากาศวันนี้! ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว-ภาคใต้ฝนน้อย
07:00 น. คำถามของ ‘ช่อ’ ต่อแผนการรบ แรงสะเทือนที่พรรคส้มต้องรับ
07:00 น. เลว! ‘ทบ.’ประณามกัมพูชายิง BM-21 โจมตี‘สระแก้ว’เจ็บ 8 ราย ‘ผู้สูงอายุ’สะเก็ดระเบิดแผลฉกรรจ์
06:00 น. ปชป.ผุดแคมเปญ ‘ไทยหายจน’พุ่งเป้าชนะลต. ภท.เปิด100ชื่อชิงปาร์ตี้ลิสต์
06:00 น. ช่อง 7HD ปี 2568 ปีแห่งซูเปอร์คอนเทนต์ สร้างปรากฏการณ์ทุกแพลตฟอร์ม
ดูทั้งหมด
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 20-26 ธ.ค.68
เอาคะแนนผมไปเลย! 'น็อต วรฤทธิ์'โพสต์ตัดสินใจแล้ว จนคนแห่คอมเมนต์สนั่น
ขอกำลังใจด้วยนะคะ ธิษะณา โพสต์พร้อมสมัครงานใหม่ หลังพรรคไม่ส่งสมัครสส.กทม.
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 21-27 ธ.ค.68
กองทัพ ทำลายตึกสแกมเมอร์กว่า 6 แห่ง ใน 2 แห่ง ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร หลอกคนอเมริกัน
ดูทั้งหมด
ว่าด้วยสื่อ
หักปีกอีแร้ง
ยังไม่หยุดยิง ไทยเร่งยึดกุมความได้เปรียบทุกมิติ
สดุดี 22 ทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อชาติ
บุคคลแนวหน้า : 23 ธันวาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เช็คอากาศวันนี้! ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว-ภาคใต้ฝนน้อย

เจาะลึกโครงสร้างปอยเปต เมื่ออาณาจักรสแกมเมอร์ถูก ถอดปลั๊ก เริ่มกลายเป็นเมืองร้าง

รุดเยี่ยมครอบครัว 'จ่าเหิน' ทหารกล้า เหยียบระเบิดขาขาด รายที่ 8

สนามบินสุวรรณภูมิ ประชุมด่วน หลังพบโดรนเข้าพื้นที่ เตรียมจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันทันที

มหานครคนรวย เปิด 20 อันดับเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก กรุงเทพฯผงาดติดโผ

ไม่เคยใช้เงินเยอะขนาดนี้! บุ๋ม ปนัดดา ขอบคุณคนไทย พามูลนิธิฯรอดปีมหาโหด

  • Breaking News
  • เช็คอากาศวันนี้! ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว-ภาคใต้ฝนน้อย เช็คอากาศวันนี้! ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว-ภาคใต้ฝนน้อย
  • คำถามของ ‘ช่อ’ ต่อแผนการรบ แรงสะเทือนที่พรรคส้มต้องรับ คำถามของ ‘ช่อ’ ต่อแผนการรบ แรงสะเทือนที่พรรคส้มต้องรับ
  • เลว! ‘ทบ.’ประณามกัมพูชายิง BM-21 โจมตี‘สระแก้ว’เจ็บ 8 ราย ‘ผู้สูงอายุ’สะเก็ดระเบิดแผลฉกรรจ์ เลว! ‘ทบ.’ประณามกัมพูชายิง BM-21 โจมตี‘สระแก้ว’เจ็บ 8 ราย ‘ผู้สูงอายุ’สะเก็ดระเบิดแผลฉกรรจ์
  • ปชป.ผุดแคมเปญ  ‘ไทยหายจน’พุ่งเป้าชนะลต.  ภท.เปิด100ชื่อชิงปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.ผุดแคมเปญ ‘ไทยหายจน’พุ่งเป้าชนะลต. ภท.เปิด100ชื่อชิงปาร์ตี้ลิสต์
  • ช่อง 7HD ปี 2568 ปีแห่งซูเปอร์คอนเทนต์ สร้างปรากฏการณ์ทุกแพลตฟอร์ม ช่อง 7HD ปี 2568 ปีแห่งซูเปอร์คอนเทนต์ สร้างปรากฏการณ์ทุกแพลตฟอร์ม
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

กองทัพไม่ใช่แค่ปกป้องอธิปไตย แต่ป้องกันคนทั้งโลกจากภัยสแกมเมอร์

กองทัพไม่ใช่แค่ปกป้องอธิปไตย แต่ป้องกันคนทั้งโลกจากภัยสแกมเมอร์

23 ธ.ค. 2568

รบต่อเพื่อลูกหลานไทยปลอดภัยหรือไม่ไปต่อเพราะเกรงใจทรัมป์

รบต่อเพื่อลูกหลานไทยปลอดภัยหรือไม่ไปต่อเพราะเกรงใจทรัมป์

20 ธ.ค. 2568

ขัดแย้งไทย-กัมพูชา หาข้อสรุปได้ก่อนปีใหม่

ขัดแย้งไทย-กัมพูชา หาข้อสรุปได้ก่อนปีใหม่

19 ธ.ค. 2568

ทรัมป์หมดราคาเมื่อไทยแสดงความเป็นไทไม่ให้อเมริกาวางอำนาจบาตรใหญ่

ทรัมป์หมดราคาเมื่อไทยแสดงความเป็นไทไม่ให้อเมริกาวางอำนาจบาตรใหญ่

16 ธ.ค. 2568

ปักกิ่งเตือนกัมพูชาขายความมั่นคงให้สหรัฐจีนตัดหางปล่อยวัดตระกูลฮุน

ปักกิ่งเตือนกัมพูชาขายความมั่นคงให้สหรัฐจีนตัดหางปล่อยวัดตระกูลฮุน

13 ธ.ค. 2568

ปลดแอกทรัมป์ฉีกหน้ากากอันวาร์ เดินหน้าปราบสแกมเมอร์

ปลดแอกทรัมป์ฉีกหน้ากากอันวาร์ เดินหน้าปราบสแกมเมอร์

12 ธ.ค. 2568

หนึ่งภาพบอกพันคำหลายภาพจึงกลายเป็นหลายคำถาม

หนึ่งภาพบอกพันคำหลายภาพจึงกลายเป็นหลายคำถาม

9 ธ.ค. 2568

เวียดนามสร้างถนนเชื่อมเกาะปิดกั้นคลองฟูนันเตโช

เวียดนามสร้างถนนเชื่อมเกาะปิดกั้นคลองฟูนันเตโช

6 ธ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved