โลกปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง มหาอำนาจของโลกไม่ได้มีขั้วเดียวเหมือนยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองอีกแล้ว อย่างน้อยก็มีสองขั้วอำนาจใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้ากัน ได้แก่ ขั้วนาโต ซึ่งนำโดยสหรัฐ และขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่นำร่วมโดยรัสเซียและจีน
สองขั้วมหาอำนาจนี้ได้ขับเคี่ยวกันในทุกปริมณฑลของโลกและในทุกมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สหรัฐซึ่งเคยครองความเป็นเจ้ามาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งไม่สามารถดำเนินการสิ่งใดๆ ได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว
แม้กระนั้นความเชี่ยวกรากในเชิงชั้นการเมืองระหว่างประเทศ และกลยุทธ์ในการเข้าไปครอบงำแทรกแซงประเทศต่างๆ ของกลุ่มนาโตนั้นต้องนับว่าเหนือชั้น โดยเฉพาะสหรัฐและอังกฤษซึ่งต้องถือว่าเป็นแกนหลักตัวจริงของนาโต และทุกเรื่องราวในโลกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับสองประเทศนี้ทั้งสิ้น
ไม่ว่าประเทศใดก็ตามที่นาโตเข้าไปครอบงำแทรกแซงในที่สุดก็จะมีขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขอีกฝ่ายหนึ่งเสมอไป และในท่ามกลางการขับเคี่ยวกันนั้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นแก่ประเทศที่เกี่ยวข้อง
บทเรียนของการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านในระยะใกล้ๆ มานี้ไม่มีเรื่องไหนชัดเจนเท่ากับเรื่องของซาอุดีอาระเบีย ยูเออี และยูเครน ทำให้ทั้งสามประเทศนี้ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ต้องกลายเป็นประเทศบ้านแตกสาแหรกขาด และไฟสงครามลุกโชนโชติช่วงขึ้นในประเทศเหล่านี้ ในขณะที่เศรษฐกิจก็พังพินาศยับเยิน และปีศาจทางการเงินคือ IMF ก็กำลังแสยะยิ้มกริ่มจ้องจะเข้าฮุบเอาอยู่รอมร่อแล้ว
เรื่องราวของทั้งสามประเทศนี้จึงควรแก่การศึกษาทำความเข้าใจของคนไทยเพื่อจะได้ไม่ก้าวเข้าไปทำความผิดซ้ำคือ ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน และจะทำให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับสามประเทศนี้
กรณีแรกคือเรื่องราวของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของมุสลิมนิกายวาฮาบีของโลก มีความเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยมากกว่าใครในตะวันออกกลาง และเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชนิดสนิทแน่นกับสหรัฐและอังกฤษ รวมทั้งอิสราเอลด้วย
วันดีคืนดีและอยู่ดีไม่ว่าดีซาอุฯ ก็หลงลมของสหรัฐและอังกฤษรับภาระเป็นผู้นำประเทศอาหรับทำสงครามรุกรานเพื่อยึดครองประเทศเยเมน ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แต่อยู่ในชัยภูมิที่สำคัญของการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลางไปสู่โลก
ชาวเยเมนเมื่อถูกรุกรานก็พร้อมใจกันต่อสู้ โดยได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและพันธมิตรอีกหลายประเทศ จึงทำให้ซาอุฯ ไม่สามารถกลืนกินเยเมนได้อย่างคล่องคอ การต่อสู้ผ่านวันเวลายืดเยื้อยาวนาน จนในที่สุดเยเมนก็ตั้งหลักได้ สามารถตอบโต้การรุกรานของซาอุฯ โดยการยิงถล่มสนามบินในประเทศซาอุฯ จนใช้การไม่ได้ไปเป็นจำนวนมาก และโจมตีบ้านเมืองในซาอุฯ เสียหายยับเยินเหมือนกัน
ประเทศซาอุฯ กลายเป็นสงครามที่ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อใดงบประมาณและทรัพย์สมบัติของชาติถูกนำไปใช้ในการสงครามจนเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น โดยเฉพาะการถูกยุยงบังคับให้ซื้ออาวุธด้วยเงินจำนวนมหาศาล แต่ในที่สุดอาวุธนั้นก็ป้องกันซาอุฯ ไม่ได้
ซาอุฯ รู้สึกตัวแล้วว่าความพินาศยับเยินทั้งบ้านเมือง เศรษฐกิจ หากยืดเยื้อต่อไปซาอุฯ ก็ต้องกลายเป็นทาสชาติอื่นดังนั้น จึงรีบปรับความสัมพันธ์หันไปจับมือกับรัสเซีย จีน และอิหร่าน และเตรียมการถอนทัพออกจากเยเมน
แต่ความเสียหายนับสิบปีที่ผ่านมานี้อีกนานเท่าใดจึงจะแก้ไขให้ฟื้นคืนดีนั้นไม่มีใครบอกได้ บทเรียนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในตะวันออกกลาง แต่เมื่อชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านแล้วก็มีแต่จะเสียหายสถานเดียวเท่านั้น
กรณีที่สองคือประเทศยูเออี เป็นประเทศเล็กๆ ตั้งอยู่ริมอ่าวเปอร์เซียฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน แต่เป็นประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวยจากการขายน้ำมัน บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมากเป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค เป็นศูนย์กลางความเจริญของภูมิภาค เป็นประเทศที่ก้าวหน้าทันสมัยที่สุดในภูมิภาคนั้นซึ่งถ้าหากสร้างความเป็นมิตรกับทุกประเทศ ในตะวันออกกลางนั้นก็จะไม่มีประเทศใดน่าอยู่น่าอาศัยและน่าทำธุรกิจเท่ากับยูเออี
แต่ยูเออีก็หลงลมสหรัฐและอังกฤษให้เป็นหัวหน้ารองของพันธมิตรซาอุฯ เข้าทำสงครามรุกรานเยเมน ซึ่งยูเออีก็มั่นใจในฐานะการเงินและความก้าวหน้าทันสมัยของตนคาดหวังว่าความมั่งคั่งร่ำรวยและความทันสมัยนั้นจะสามารถปราบเยเมนให้อยู่มือได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ผลกลับตรงกันข้ามยูเออีก็ต้องประสบชะตากรรมไม่ต่างกับซาอุฯ เพราะต้องเผชิญกับสงครามยืดเยื้อที่ไม่มีวันจบสิ้น ต้องสูญเสียทรัพยากรมากมายมหาศาลไปเพื่อการสงครามที่ไม่ใช่กงการอะไรของตัวเอง
ครั้นเยเมนตั้งตัวได้ก็เปิดฉากโจมตียูเออีบ้าง ทำให้ดินแดนที่สวยงามรุ่งเรืองทันสมัยของ ยูเออีถูกไฟสงครามลุกโชน ตึกใหญ่ที่สุด ทันสมัยที่สุด ถูกประกาศให้ผู้คนออกไปโดยเร็วที่สุดเพราะจะถูกถล่มวันเวลาใดก็ได้ กลายเป็นสภาพที่อเนจอนาถ และขณะนี้ยูเออีก็รู้สึกตัวแล้ว กำลังหาทางแก้ไขความเสียหายจากการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านนั้น ซึ่งจะต้องดูผลกันต่อไป
กรณีที่สามคือ ยูเครน ซึ่งเป็นประเทศคั่นกลางระหว่างกลุ่มนาโตกับรัสเซีย มีประชากรที่เป็นเชื้อสายรัสเซียและเชื้อสายยูเครนอยู่ร่วมกันมานานนักหนา วันดีคืนดียูเครนก็หลงลมนาโตที่ชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิกและส่งขีปนาวุธเข้าไปติดตั้งในยูเครน อ้างว่าเพื่อช่วยป้องกันยูเครน
ยูเครนก็ดีใจได้ปลื้มที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกนาโตและจะได้มีอาวุธยุทโธปกรณ์จ่อหน้าบ้านรัสเซียไว้ โดยลืมคิดไปว่านั่นก็คือการถูกต้มจนเปื่อยไม่รู้ตัว เพราะกลับกลายเป็นว่าการกระทำเช่นนั้นคือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
เพราะรัสเซียเมื่อทราบว่ายูเครนติดตั้งขีปนาวุธจ่อศีรษะตัวเองอยู่และจะไปชวนพรรคพวกมารุมสกรัมรัสเซียด้วย รัสเซียก็ทนนิ่งต่อไปไม่ได้ จึงแจ้งให้ยูเครนถอนขีปนาวุธและหยุดการเข้าเป็นสมาชิกนาโต แต่ลูกยุแรงจัดแทนที่จะหยุดยูเครนกลับเสริมเพิ่มจังหวะก้าวเดินหน้าให้ไวขึ้น
เมื่อรัสเซียเห็นว่าพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง จึงส่งกำลังทหาร170,000 คน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ไปประชิดชายแดนยูเครนในขณะที่พวกนักล่าอาณานิคมก็โหมประโคมข่าวว่าจะเกิดสงครามใหญ่ในยูเครน บรรดานักลงทุนคนค้าขายทั้งหลายก็พากันแห่ถอนทุนและกิจการออกไปจากยูเครน ทำให้เศรษฐกิจการเงินของยูเครนพังพินาศในพริบตา จนเกิดความจำเป็นที่จะต้องขอให้ IMF เข้ามาช่วย
แต่ยูเครนก็ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่บ้าง เข้าใจได้ว่าการที่ IMF จะเข้ามาก็คือการยึดครองยูเครนอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง จึงสำนึกได้ว่าพลาดท่าเสียแล้ว หลงชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองฉิบหายวายวอด จึงหาทางแก้เกมโดยการเจรจากับรัสเซียและร้องขอให้จีนแก้ไขทางการเงินแทน IMF ซึ่งจะต้องติดตามดูกันต่อไปว่าผลจากการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน จะยุติลงสิ้นเชิงได้อย่างไร เพราะเมื่อชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน มากขนาดนี้ การแก้ไขปัญหาจึงไม่อาจยุติได้ในเร็ววัน และนั่นหมายถึงความฉิบหายวายวอดต่อประเทศและประชาชนยูเครนจะหนักหนาเป็นวงกว้างสักเพียงไหน
ทั้งสามกรณีนี้ควรจะเป็นบทเรียนในระยะล่าสุดนี้ ถึงความพินาศวายวอดของการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ซึ่งคนไทยจะต้องตระหนักและสังวรไว้ให้จงดี เพราะบัดนี้มีพฤติกรรมและอาการหลายอย่างที่ส่อว่าประเทศไทยกำลังเดินก้าวตามสามประเทศดังกล่าวข้างต้น
คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ตั้งตนเป็นฝักฝ่ายกับบรรดาพวกฝรั่งนักล่าอาณานิคมเพื่อต่อต้านหรือทำสงครามกับประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าหากสงครามไทย-พม่า เกิดขึ้นวันไหน ประเทศไทยก็จะถูกยึดในวันนั้น และไฟสงครามก็จะไหม้ลามทั้งประเทศ
คนไทยทั้งประเทศต้องจับตาดูข้อตกลงที่รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐลงนามกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเมื่อปี 2562 ไว้อย่าได้กะพริบตา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี