การปลุกระดมปั่นกระแสยั่วยุให้เกิดสงครามของสหรัฐอเมริกาอันเนื่องจากวิกฤต รัสเซีย ยูเครน ที่อาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบซึ่งทำให้ประชาคมโลกหวั่นผวาอยู่เวลานี้
หากติดตามสถานการณ์จากสื่อหลายสำนักจะพบความจริงว่าทั้งรัสเซียและยูเครน ตลอดถึงนาโต (NATO)และประเทศในยุโรป ไม่มีประเทศไหนอยากให้มีสงคราม หรือ แม้แต่คาดหมายว่าสงครามจะเกิดขึ้นได้ยากจากการปลุกระดมของอเมริกา
เมื่อรัสเซีย-ยูเครน ตลอดพันธมิตรนาโตโดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศส ต่างก็มีความหวังว่าสามารถระงับยับยั้งสงครามได้ ก็ยังเหลือแต่สหรัฐชาติเดียวที่ยังปลุกระดมสร้างสถานการณ์ให้สงครามเกิดขึ้นให้ได้ จึงเรียกได้เป็นสงครามน้ำลายของอเมริกา ที่ทำให้สงครามน้ำลายได้กระเซ็นมาถึงประเทศไทยแล้ว
ในขณะทั่วโลกแสวงหาแนวทางลดความตึงเครียดในวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน เช่น ประเทศเยอรมนีจัดประชุมสัมมนาที่เรียก Munich Security Conference ขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา สำนักข่าวอัล จาซีรา ที่ติดตามทำข่าวการประชุมอย่างใกล้ชิดเปิดเผยในรายงานว่า “#สมาชิกและพันธมิตรนาโตที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เกิดสงครามเต็มรูปแบบ# อาจมีการปะทะกันบ้างประปรายตามแนวชายแดน ระหว่างกลุ่มขบถแยกดินแดนกับทหารยูเครน
รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี Annalena Baebock พูดในที่ประชุมว่า “ที่พูดกันว่ามีแผนการรุกรานเต็มรูปแบบ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะจริง ความน่าเป็นไปได้มีน้อยมาก..”เธอกล่าวต่อไปว่า “มันอาจเป็นแผนการลวงแต่เป้าหมายจริงอาจเป็นสงครามจิตวิทยาให้เกิดการยึดอำนาจ หรือกระทำการบางอย่างในทำนองนั้น..เช่นหากเกิดไฟฟ้าดับทั้งหมดทันทีในโรมแรมนี้พวกเราที่กำลังนั่งเสวนาอาจเป็นบ้ากันทั้งหมด..”
และเธออธิบายมีนัยว่า“การโจมตีทางไซเบอร์อาจเกิดขึ้น เพื่อทำให้โครงสร้างสาธารณูปโภคทั้งหมดในยูเครนใช้งานไม่ได้...” เธอให้เหตุผลที่เยอรมนีไม่ส่งอาวุธไปให้ยูเครนว่า “สงครามโลกครั้ง 2 ได้ผ่านไปแล้ว เรายังมีแนวทางอื่นๆที่แสวงหาสันติภาพได้....นี่คือจุดแข็งของเราคืออยู่ร่วมกันได้แต่บทบาทให้การสนับสนุนแตกต่างกันเนื่องจากว่าประวัติศาสตร์เราต่างกัน...เยอรมนีเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้ยูเครน..”
โอเลคซี่ แดนนิโลฟ เจ้าหน้าที่สูงสุดในหน่วยงานมั่นคงของประเทศยูเครน กล่าวในที่ประชุมว่า “เราไม่มีแผนการที่จะยึดคืนพื้นที่ที่ฝ่ายขบถยึดครองโดยการใช้กำลังอาวุธ...ที่พูดกันว่ารัสเซียใช้กำลังรุกรานยูเครน เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้...”
ประธานาธิบดีเซเลนสกี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวCNN ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับสัญญาว่าจะคว่ำบาตรรัสเซียหลังจากบุกยูเครน “เราไม่ต้องการคว่ำบาตรของคุณ หลังจากที่ยูเครนถูกถล่มไปแล้ว หลังจากที่ประเทศของเราลุกเป็นไฟ หรือเศรษฐกิจของเราล่มสลาย ถึงตอนนั้นคว่ำบาตรจะมีประโยชน์อะไร...”
เมื่อถามว่าซีไอเอ เข้าไปปฏิบัติการในภูมิภาคช่วยให้ได้ข้อมูลเป็นประโยชน์มากไหม เซเลนสกีตอบว่า“เราทำงานร่วมกัน แต่ด้านข่าวกรองผมมั่นใจหน่วยงานข่าวกรองของยูเครน ซึ่งเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นบนพื้นที่ชายแดน แหล่งข่าวของเราแตกต่างกัน เราออกไปหาแหล่งข่าวในพื้นที่ข้อมูลแม่นยำกว่า แหล่งข่าวจากการดักฟังหรือจับสัญญาณ...” เซเลนสกีกล่าว
เซเลนสกี กล่าวด้วยว่าเขามาปรากฏตัวในเยอรมนีวันนี้ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโจ ไบเดน ขอร้องเป็นการส่วนตัวให้อยู่ติดบ้านเพราะรัสเซียจ่อจะบุกถล่มได้ทุกขณะและรัสเซียอาจอ้างได้ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีหนีไปแล้ว
“ผมเป็นประธานาธิบดี มีความจำเป็นที่หุ้นส่วนของเราและพันธมิตรของเราต้องไม่มีการตกลงเรื่องใดๆลับหลังเรา...เราไม่ได้หวาดกลัวแต่เรายึดมั่นตลอดมาว่าไม่สนองตอบต่อการยั่วยุใดๆ”
การให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาแสดงว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่ไว้ใจทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา อย่างไรตามในห้วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาอยู่ในเยอรมนีเซเลนสกีได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และเขาใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงให้คุ้มค่าโดยการพบปะเจรจากับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก่อนเดินทางกลับกรุงเคียฟในวันเดียวกัน
หนึ่งชั่วโมงก่อนให้สัมภาษณ์ CNN เขาได้พบปะกับ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซเลนสกีขอบคุณที่อเมริกาสนับสนุนทางด้านกลาโหม และบอกกับนางแฮร์ริสว่า“มันเป็นดินแดนของเราและสิ่งเดียวที่เราต้องการคือสันติภาพโปรดนำสันติภาพกลับมาสู่ดินแดนของเรา”เซเลนสกีพูดใส่หน้านางแฮร์ริส
นางแฮร์ริส บอกกับผู้นำยูเครนว่า“อเมริกาให้ความสำคัญสูงสุดต่อความมั่นคงของเขตแดนยูเครนและบูรณภาพเหนือดินแดนของยูเครน สหรัฐยืนอยู่ข้างยูเครนในประเด็นนี้...”
และขณะที่การสัมมนามิวนิค ซีเคียวริตี้ คอนเฟอเรนซ์กำลังดำเนินอยู่และผู้เข้าประชุมส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหมายว่ารัสเซียจะบุกถล่มยูเครน อีกด้านหนึ่งในสหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีโจ ไบเดน พูดพล่ามเรื่องรัสเซียจ่อถล่มยูเครนไม่ขาดปาก
ทางฝ่ายกลาโหมอเมริกาก็เตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกเมื่อไบเดน เปิดเผยข้อมูลว่ารัสเซียจ่อถล่มยูเครนด้วยขีปนาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง นาทีนี้ฝ่ายเทคนิคขีปนาวุธของรัสเซีย 120 ถึง 125 คนกระจายตัวอยู่ตามชายแดนรัสเซีย ยูเครน พร้อมจะระดมยิงขีปนาวุธเข้าถล่ม และยังกล่าวด้วยว่ารัสเซียระดมกำลังเพิ่มจาก 100,000 เป็น 160,000 ถึง 190,000 นาย ตามแนวชายแดนยูเครน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในภูมิภาค Donbas ถือว่าเป็นละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของมอสโก มาเรีย ซาคาโวรา กล่าวว่า “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือไม่มีความจริงแม้แต่นิดเดียวเกี่ยวกับเรื่องประชาชนถูกทำร้ายใน Donbas..” เธอกล่าวกับสำนักข่าว IRA-Novoti ว่าประธานาธิบดีสหรัฐพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงทฤษฎีที่ไม่มีมูลความจริงว่ารัสเซียจะโจมตียูเครน รัสเซียขอปฏิเสธถึงแถลงการณ์นั้น และการระดมพล...”
กล่าวโดยสรุปคือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นยูเครนและรัสเซียยืนยันว่าไม่ประสงจะใช้กำลังในการ
แก้ปัญหา และผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนามิวนิค ซีเคียวริตี้คอนเฟอเรนซ์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เชื่อว่าสงครามเต็มรูปแบบไม่น่าจะเกิดขึ้น
ดังนั้นสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงเป็นสงครามน้ำลายของสหรัฐอเมริกาที่กระเซ็นไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย หลายคนอาจสงสัยว่า สงครามน้ำลายของอเมริกากระเซ็นมาถึงไทยได้อย่างไร
เรื่องของเรื่องคือว่าสถานทูตยูเครนในกรุงเทพฯออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 ก.พ.เป็นแถลงการณ์บรรยายถึงวิกฤตและความตึงเครียดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาและตะวันตกเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์ซับซ้อนและตึงเครียดมากขึ้น
และในย่อหน้าสุดท้ายของแถลงการณ์สถานทูตยูเครน ได้เน้นข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยช่วยปรามหรือพูดกับรัสเซียขอร้องไม่ให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นสงคราม โดยข้อความในแถลงการณ์จับใจความได้ว่า
“สถานทูตยูเครนประจำกรุงเทพฯ ขอให้ “รัฐบาลไทย”ช่วยป้องปรามความขัดแย้งและนำ“รัสเซีย” เข้าสู่โต๊ะเจรจา
“…ช่วงเวลาสำคัญของประเทศยูเครน เราขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ในฐานะพันธมิตรทวิภาคีของประเทศยูเครน ให้ใช้ทุกวิธีที่เหมาะสมทั้งทางการเมืองและการทูตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยกระดับความขัดแย้งกันด้วยกำลังอาวุธที่จะเกิดขึ้นในระดับนานาชาติ ในดินแดนของประเทศยูเครน ผลจากความก้าวร้าวของนโยบายรัฐบาลรัสเซียและกำลังทหารรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการนำแผนการรุกรานของรัสเซียมาใช้...”
นอกจากนี้ สถานทูตยูเครน ยังระบุด้วยว่า“ยังคงมีทางออก ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการเจรจาและการทูต และรัสเซียต้องถูกกดดันให้เดินในเส้นทางนี้ เสียงของประเทศไทยจะนำไปสู่จุดสิ้นสุดนี้จะมีความสำคัญและแข็งแกร่ง และเสียงจากประเทศไทยจะไม่ถูกละเลย”
ตอนแรก ที่ได้เห็นแถลงการณ์ ผู้เขียนสงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ยูเครนมาขอร้องให้ประเทศไทยป้องปรามรัสเซียแต่เมื่อได้ขอความเห็นจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะยิ่งความเห็นจากนักวิชาการทางด้านมั่นคงที่เคยทำงานให้รัฐบาลไทยมาหลายสมัยและเคยเป็นหนึ่งในคณะผู้ติดตามสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จฯทรงเยือนรัสเซียอธิบายให้ฟังว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับประเทศไทยมีความลึกซึ้งแนบแน่นอย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งราชวงศ์ไทยในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๙ กับ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน
ยูเครนรู้ดีว่า ประธานาธิบดีปูติน เคารพรักศรัทธาราชวงศ์ไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯอย่างไร นี่และคือเหตุผลที่ทำไมยูเครนถึงขอร้องให้รัฐบาลไทยช่วยพูดกับรัสเซีย
ส่วนรัฐบาลไทยช่วยได้แค่ไหน ไม่อาจก้าวล่วงได้ บอกได้แค่เพียงว่าประธานาธิบดีปูติน กับประเทศไทยมีความสัมพันธ์ลึกซึ่งกันมาทั้งระดับราชวงศ์และระดับรัฐบาล ประธานาธิบดีปูตินจำได้แม้กระทั่งว่ารัชกาลที่ ๕ โปรดเสวยอะไร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถโปรดเสวยอะไร ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ และ เป็นพระปรีชาสามารถของในหลวงรัชกาล ๙ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าประเทศไทยได้ช่วยเหลือเขาไว้มากในยามที่รัสเซียลำบากเมื่อคราวสภาพโซเวียตล่มสลาย
เรื่องความสัมพันธ์ไทยกับ ประธานาธิบดีปูติน ยูเครนรู้ดีกว่าสหรัฐอเมริกาและคนไทยจำนวนมาก ดังนั้น อย่าได้แปลกใจว่า ทำไมยูเครน จึงได้จำเพาะเจาะจงขอร้องประเทศไทยให้ช่วย เขาถึงได้เขียนไว้ในแถลงการณ์ว่า“เสียงจากประเทศไทยจะไม่ถูกละเลย”
หากพิเคราะห์จากคำสัมภาษณ์ CNN ของประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็จะพบว่ายูเครนผิดหวังกับสหรัฐฯที่รังแต่จะนำความหายนะมาสู่ยูเครน ประธานาธิบดีเซเลนสกี ถึงได้ฝ่าฝืนคำสั่งของประธานาธิบดีไบเดนว่า อย่าเดินทางออกจากยูเครนในขณะที่รัสเซียจ่อถล่มได้ทุกขณะ
และเขาไปพบกับความผิดหวังในเยอรมนีอีกเมื่อเซเลนสกีถามที่ประชุมมิวนิค ซีเคียวริตี้ คอนเฟอเรนซ์ว่าทำไมยูเครนจึงไม่ได้เข้านาโต และได้รับคำตอบว่า“ประตูทุกบานเปิดกว้างแต่คนแปลกหน้าห้ามเข้า เพราะทางเดินระหว่างนาโตกับยูเครนยาวไกล”และนาโตไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะมีกองกำลังจากชาติไหนส่งไปยูเครนเมื่อไหร่
เมื่อคิดว่าสหรัฐอเมริกามีแต่จะนำความหายนะมาให้และผิดหวังกับท่าทีของยุโรปและนาโต บางทีประเทศไทยอาจเป็นขอนไม้ชิ้นสุดท้ายที่ช่วยให้ยูเครนเกาะจนถึงฝั่งได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี