ประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ถึงยุคต้นรัตนโกสินทร์ ระบุว่า ความสับสนวุ่นวาย แย่งชิงอำนาจกันเองภายในปฐมเหตุล้วนเกิดมาจากการเพ็ดทูลของข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ที่เป็นไส้ศึกทั้งฝ่ายอยู่ในอำนาจและฝ่ายอยากได้อำนาจ
ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายใช้อัครมหาเสนาบดี เป็นเครื่องมือปั่นกระแสสร้างความวุ่นวาย เมื่ออัครเสนาบดีนำเรื่องร้ายไปเพ็ดทูลเบื้องบน และน่าประหลาดใจ ที่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยังมีข้าสองเจ้าบ่าวสองนายเป็นไส้ศึกคนร้ายสร้างความหายนะได้
นิทานเรื่อง “ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายไส้ศึกยุคใหม่” มีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ในปี 2560 สัมภเวสีหนีคุกได้ส่งไพร่ในสังกัดไปเป็นไส้ศึกในรัฐบาลคนดีศรีประเทศ ด้วยความเป็นขุนศึกผู้จงรักภักดีพร้อมพลีชีพเพื่อชาติมานาน ผ่านการอบรมบ่มเพาะเป็นผู้ซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย คนดีศรีประเทศจึงไม่รู้เท่าทัน เล่ห์เหลี่ยมแผนการชั่วร้ายของฝ่ายสัมภเวสี ที่ส่งไส้ศึกแสร้งเป็นคนดีมีความสามารถมาเป็นเสนาบดี
ผู้นำรัฐบาลคนดีศรีประเทศ เป็นคนซื่อสัตย์รักชาติ เหมือนเจ้าพระยาคลังในสมัยพระนารายณ์ ที่รับอุปถัมภ์ ฟอลคอน ชาวกรีกโบราณ อดีตเด็กรับใช้ในเรือสินค้าอังกฤษไว้ใช้งานในคลังมหาสมบัติ และด้วยเล่ห์กลอันเลวร้ายอดีตเด็กรับใช้ในเรือสินค้าได้รับการโปรดเกล้าอวยยศเป็นเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ฉันใด รัฐบาลคนดีศรีประเทศก็แต่งตั้งอภินิหารกฎหมายกับชายเรียงหินเป็นเสนาบดีอยู่ข้างกายอย่างไว้เนื้อเชื่อใจฉันนั้น
รัฐบาลคนดีศรีประเทศไม่ระแคะระคายว่าเสนาบดี ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายเป็นไส้ศึก สมคบกันทำอะไรที่เตรียมการให้สัมภเวสีหนีคุกแปลงร่างเป็นเทวดาได้ภายหลัง คนดีศรีประเทศอุปมาเหมือนเจ้าพระยาคลังในสมัยพระนารายณ์ที่ไม่เชื่อฟัง
เจ้ากรมคชบาลเตือนว่า อดีตเด็กรับใช้ในเรือเป็นอันตรายต่ออยุธยาในภายหน้า หัวหน้ารัฐบาลคนดีศรีประเทศก็ไม่เชื่อคำเตือนว่า ไส้ศึกสองนายเตรียมใช้อภินิหารทางกฎหมายปลุกเสกให้สัมภเวสีหนีคุกกลายเป็นเทวดา ตั้งแต่วันอังคาร ปีชวด เดือน 5
ไส้ศึกของสัมภเวสีที่เป็นเสนาบดีสองนาย ทำตนเป็นเกจิอาจารย์ปลุกเสกอภินิหารทางกฎหมาย ทำให้ยันต์สำหรับขังสัมภเวสีหายไปจากปากหม้อดินตั้งแต่เดือนห้า ปีชวด (๒๕๖๓) โดยที่คนดีศรีประเทศไม่ระแคะระคายหรือทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ไม่รู้
เมื่อไส้ศึกสองตนใช้อภินิหารทางกฎหมาย ทำให้ยันต์หายไปจากหม้อดินแล้ว สัมภเวสีหนีคุกก็ใช้เล่ห์กลใหม่ สั่งการให้ไพร่ขายแป้งยุให้รำทำให้รั่ว โดยการยุแหย่ให้พี่น้องร่วมน้ำสาบานขัดแย้งแตกแยกกับคนคนดีศรีประเทศ จนพี่ใหญ่ร่วมน้ำสาบานแยกไปตั้งก๊กเองต่างหาก
เมื่อแผนการร้ายของสัมภเวสีเป็นตามเป้าหมาย สมุนบริวารสัมภเวสีหนีคุกก็เปิดเกมแย่งพื้นที่อิทธิพลกับก๊กสามนิ้ว ซึ่งก็เป็นก๊กในเครือข่ายใกล้ชิดสัมภเวสีหนีคุก แต่ผิดความคาดหมายก๊กสามนิ้วแย่งพื้นที่อิทธิพลได้มากกว่าสมุนบริวารสัมภเวสีหนีคุก
ถึงตอนนี้ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายที่เป็นไส้ศึกก็เป่าหูคนดีศรีประเทศว่า ก๊กสามนิ้วเป็นอันตรายเกินความสามารถของคนดีศรีประเทศต่อกรได้ เนื่องจากพี่ใหญ่ร่วมน้ำสาบานได้แยกตัวไปตั้งก๊กใหม่แล้ว ไส้ศึกข้าสองเจ้าบ่าวสองนายเป่าหูคนดีศรีประเทศด้วยว่า ก๊กสามนิ้วเป็นอสุรกายตัวร้ายไม่มีใครปราบได้ นอกจากสัมภเวสีหนีคุกผู้มีความชั่วร้ายกว่าเท่านั้น ที่สามารถปราบอสุรกายสามนิ้วได้
ไส้ศึกสองตนจึงปั่นหัวคนดีศรีประเทศ ให้ร่ายมนต์เรียกสัมภเวสีหนีคุกกลับมาปราบอสุรกายสามนิ้ว โดยที่คนดีศรีประเทศไม่รู้ล่วงหน้าว่ายันต์สำหรับขังสัมภเวสีถูกอภินิหารทางกฎหมายทำลายไปแล้ว
ยกนิทานเรื่อง ไส้ศึกข้าสองเจ้าบ่าวสองนายขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง ด้วยความหวังและมีเป้าหมายเตือนสติคนไทย ที่หลงเชื่อง่าย ให้ใช้ปัญญาว่า ดีล (deal)ลับทั้งหลายไม่ได้มีจริง ปรากฏทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ล้วนเป็นผลมาจากเล่ห์กลชั่วร้ายของคนไม่ดี ที่ทำผิดกฎหมายปล้นชาติอาฆาตพยาบาทสถาบัน ซึ่งเกินสติปัญญาของคนดีศรีประเทศจะรู้เท่าทัน
อย่างไรก็ตามสำหรับชาวบ้านร้านตลาด ล้วนรู้เช่นเห็นชาติ รู้ทันเล่ห์กลคนเลวมาตลอดเวลากว่ายี่สิบปี จึงรู้ว่าที่สัมภเวสีหนีคุกแปลงร่างเป็นเทวดาได้นั้น ไม่ได้เป็นผลจากดีลลับหรือข้อตกลงพิเศษกับใครที่ไหน แต่มันเป็นเล่ห์กลของคนร้ายที่พยายามทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า คนร้ายทำข้อตกลับกับ Deep State แล้วหรือไม่
กูรู้ทั้งหลายที่อวดรู้สำรอกว่า สัมภเวสีหนีคุกมี super deal กับฝ่ายอนุรักษ์ จึงมีคำถามว่า สัมภเวสีหนีคุกตกลงกับอนุรักษ์คนไหนใครคือตัวแทนอนุรักษ์ ที่ไปทำข้อตกลงลับกับสัมภเวสีหนีคุก กูรู้บางคนเพ้อเจ้อไปถึงขั้นว่า หากค่ายแดงตกลงในเงื่อน 1.2.3 กับอนุรักษ์ได้ วันที่ 13 มิถุนายน นักโทษที่ถูกฟ้องว่าย้ายจากเรือนจำไปพักโรงพยาบาลโดยมิชอบ ก็พ้นความผิดไม่ต้องกลับไปติดคุก
การวิเคราะห์วิจารณ์ทำนองนี้มีแต่เพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่มีพื้นฐานความจริง เป็นคำพูดบ้าน้ำลายไม่เข้าใจธรรมะจากนิทาน ข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ที่หลักธรรมสอนให้สังคมไทยมีสติไม่เชื่อคนง่าย สอนให้คนไทยยึดมั่นในศาลยุติธรรมว่า ไม่มีผีห่า
ซาตาน หรือ เทวดาหน้าไหนทำ deal ลับกับตุลาการศาลฯได้
ธรรมะสอนให้คนไทยเชื่อในกฎแห่งกรรมไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมได้ โดยเฉพาะกรรมในยุค 5G กรรมตามทันแม้กระทั่งนั่งเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวหนี และให้เชื่อด้วยว่าพระสยามเทวาธิราชปกป้องคุ้มครองประเทศไทย ดลบันดาลให้คนชั่วร้ายถูกลงโทษตามกฎหมาย
วันที่ 13 มิถุนายน นี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนคดี ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ร้องให้ศาลพิจารณาออกหมายขังนายทักษิณ ชินวัตร โดยกล่าวว่า นายทักษิณถูกย้ายจากเรือนจำไปพักในโรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ
นายชาญชัย อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์เชื่อตลอดมาว่า มีขบวนการช่วยเหลือไม่ให้นายทักษิณติดคุกตามคำสั่งศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งจำคุกแปดปี และได้รับพระราชทานนิรโทษกรรมอภัยโทษ ลดโทษจำคุกเหลือหนึ่งปี แต่นายทักษิณกลับถูกย้ายไปอยู่ในห้องรับรองพิเศษโรงพยาบาลตำรวจนาน 180 วัน โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
นายชาญชัยซึ่งเชื่อมั่นว่า ทักษิณย้ายจากคุกไปโรงพยาบาลโดยมิชอบ เขาทำหนังสือร้องเรียนต่อศาลฯถึงสามครั้งและศาลยกคำร้องทั้งสามครั้งโดยศาลแถลงว่า นายชาญชัยไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีนี้ และในการยกคำร้องที่สามศาลได้แถลงด้วยว่า...
“..แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร” ศาลฯนัดไต่สวนคดีนี้วันที่ 13 มิถุนายน เวลา 09.30 น. และให้โจทก์คือ ป.ป.ช และ อัยการกับจำเลย (นายทักษิณ) ทำคำชี้แจงต่อศาลภายใน 30 วันจากได้รับหมายศาล
ตั้งแต่วันที่ศาลรับไต่สวนตามคำร้องไว้ไต่สวน มีเสียงวิจารณ์หลากหลายจากฝ่ายจำเลย และกูรูทางกฎหมาย ซึ่งหลายคนมีเหตุผลพอรับฟังได้ แต่ที่ฟังไม่ได้คือการวิจารณ์ที่มีตรรกะอันตราย คำพูดที่ทำให้สังคมไทยไขว้เขว ที่กล่าวว่า “หากทักษิณตกลงในบางเงื่อนไขกับฝ่ายอนุรักษ์ได้ก็ไม่ต้องเข้าคุก”
นี้เป็นตรรกะเลวร้าย เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่า ศาลท่านพิจารณาไปตามกฎหมาย โดยไม่มีอำนาจใดทำให้ศาลพิจารณานอกกรอบกฎหมายได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี