การล่วงละเมิดทางเพศ (sexual harrassment) นับเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างหนึ่งที่มนุษย์บางราย ซึ่งเป็นผู้ไร้ความละอายมักชอบกระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยภัยคุกคามนี้สามารถเกิดขึ้นกับคนต่างเพศ และคนเพศเดียวกัน และมักจะเกิดกับเหยื่อที่มีอายุน้อยๆ เช่น เด็กนักเรียน แต่หลายกรณีก็เกิดกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
การล่วงละเมิดทางเพศนับเป็นความผิดร้ายแรงที่แสดงออกถึงความประพฤติโดยมิชอบ และยังถือว่ามีความผิดทางวินัย และผิดกฎหมายอาญาอีกด้วย
การล่วงละเมิดทางเพศก็คือการจงใจคุกคามทางเพศกับผู้ต่างเพศ รวมถึงเพศเดียวกันก็ได้ โดยเป็นการจงใจแสดงพฤติกรรม หรือการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกับผู้ที่ถูกล่วงละเมิด ซึ่งแสดงออกได้ทั้งทางกายภาพ และด้วยวาจา โดยฝ่ายผู้ถูกล่วงละเมิดไม่ยินยอม ทั้งนี้ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศมักมีเจตนาอยู่ที่การร่วมเพศด้วย พฤติกรรมที่บ่งบอกว่าจงใจล่วงละเมิดทางเพศ ได้แก่ การพูดจาแทะโลมด้วยคำพูดที่ส่อแสดงถึงการจงใจชวนให้มีเพศสัมพันธ์ การพูดแบบสองแง่สองง่ามแต่สามารถตีความได้ถึงเจตนาจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย การจงใจสัมผัสร่างกายโดยตรง การใช้สายตาแทะโลมด้วยการจ้องมองส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณเป้ากางเกงหรือกระโปรง หน้าอก ก้น ขาอ่อน สะโพก หน้าท้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องเป็นสิ่งที่ผู้ถูกกระทำละเมิดต้องไม่ยินยอมพร้อมใจ
การล่วงละเมิดทางเพศเป็นการจงใจกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ได้รับความอับอาย และเกิดความเสียหายเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 397 มีระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท แต่ถ้าหากการกระทำดังกล่าวมีเจตนาส่อไปในทางต้องการล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิด 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแต่ถ้ากระทำโดยอาศัยเหตุที่ว่าผู้กระทำละเมิดมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นนางจ้าง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนและปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ขอย้ำอีกครั้งว่ารูปแบบการล่วงละเมิดทางเพศมีดังต่อไปนี้
การแสดงออกด้วยวาจา (verbal conduct) เช่น จงใจพูดจาลวนลาม ล่วงเกินโดยจงใจพูดถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศ และส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก ก้น เรียวขาหน้าผาก รวมถึงการจงใจนำเรื่องตลกทางเพศ หรือเรื่องการร่วมเพศมาเล่าโดยที่คู่สนทนาไม่สนใจรับฟัง และพยายามปฏิเสธ
การแสดงออกด้วยคำพูด (visual conduct) และกิริยาท่าทาง (action conduct) เช่น การจงใจมองเพ่งไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายผู้ถูกระทำละเมิด และการแสดงกิริยาท่าทางอันเข้าข่ายจงใจแสดงพฤติกรรมลวนลามทางเพศ การยักคิ้วหลิ่วตา การผิวปากแสดงอาการลวนลาม
การจงใจสัมผัสร่างกาย (physical conduct) เช่น จงใจเข้าใกล้ชิดร่างกายโดยไม่มีเหตุอันควร การถูกเนื้อต้องตัว จับมือถือแขน จับหัวไหล่ จับต้นขา จับแก้ม โอบหลัง กอด จูบ หอมแก้ม หอมเส้นผม รวมถึงการจับสัมผัสเนื้อผ้าที่ผู้ถูกละเมิดสวมใส่ เป็นต้น
การส่งข้อความ และรูปภาพในเชิงชู้สาว และเชิงอนาจาร (written conduct) เช่น การส่งจดหมาย ส่งข้อความผ่านระบบ social media โดยข้อความส่อไปในทางเรื่องเพศ และการส่งรูปโป๊เปลือยของร่างกายและภาพอวัยวะเพศไปให้ผู้อื่น
สังคมไทยมีปัญหาการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะในโรงเรียน ในสถานที่ทำงาน และสถานที่สาธารณะทั่วไป แม้กระทั่งบนรถไฟฟ้า และรถเมล์ประจำทาง และที่น่าสนใจมากคือมักเกิดในหน่วยงานราชการ และสถานประกอบการอื่นๆ ที่ผู้กระทำละเมิดมักมียศศักดิ์ และอำนาจมากกว่าผู้ถูกกระทำละเมิดที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่ประเด็นที่น่าหนักใจคือสังคมไทยมักมองว่าเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของสังคม จึงไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหานี้ และหลายครั้งก็อ้างว่าเป็นการล้อเล่น เป็นการแสดงความเอ็นดูของผู้ที่เหนือกว่ากับผู้ที่ด้อยกว่า เช่น ครูกับนักเรียน หัวหน้ากับลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นเวลาเกิดเหตุขึ้นจึงมักไม่นำเรื่องไปสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กลับใช้การไกล่เกลี่ยเพื่อให้ยอมความกันไป
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าการคุกคามทางเพศนับเป็นรูปแบบหนึ่งของการจงใจล่วงละเมิดทางเพศ และย้ำว่าทั้งเพศชายและหญิงต่างก็สามารถตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามทางเพศได้ไม่ต่างกัน แต่ที่น่าวิตกมากคือเด็กนักเรียน และนิสิตนักศึกษาก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการถูกคุกคามทางเพศมาโดยตลอด แล้วโดยเฉพาะยิ่งในยุคการติดต่อสื่อสารผ่านระบบ social media เฟื่องฟูมากๆ ก็ยิ่งเสี่ยงกับการประสบเหตุการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้โดยง่าย
แต่มีข้อสังเกตตรงที่ว่าเมื่อผู้ถูกกระทำการล่วงละเมิดทางเพศมักไม่กล้าเล่าหรือบอกเรื่องนี้ให้ใครรับทราบ และไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากกลัวว่าจะตกเป็นข่าวเสื่อมเสีย และบางครั้งผู้เสียหายกลับถูกตั้งคำถามทำนองว่า นำตัวเข้าไปเสี่ยงเองหรือไม่ แต่งตัวยั่วยวนหรือไม่ หรือทำไมไม่รู้จักป้องกันตัวเองทำไมจึงเข้าไปในสถานที่ที่ไม่น่าจะปลอดภัย และบางครั้งก็มีคำพูดทำนองว่า เขาไม่น่าจะทำแบบนั้นหรอก เพราะเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นคนมีฐานะดี เป็นคนมีหน้าที่การงานดี มีการศึกษาดี เป็นต้น ซึ่งกลับกลายเป็นว่าผู้ถูกกระทำกลายเป็นต้นเหตุ และถูกมองว่าเป็นคนไม่ดีไปเสียอีก ซึ่งเท่ากับโยนความผิดให้ผู้ถูกกระทำ (victim blaming) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม
เพราะฉะนั้น เราทุกคนจึงต้องให้กำลังใจผู้ถูกกระทำละเมิดทางเพศด้วยการเรียกร้องให้เขาเหล่านั้นไปแจ้งความดำเนินคดีอย่างจริงจัง และต้องบอกให้ชัดว่าเขาตกเป็นเหยื่อ เขาไม่ใช่ต้นเหตุของอาชญากรรมดังกล่าว
ขอย้ำอย่างหนักแน่นว่า เหยื่อต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และต้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตนเอง และเพื่อเป็นการปกป้อง ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นถูกกระทำในทำนองเดียวกันกับที่ตนได้ถูกกระทำมาแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยเหลือสังคมได้ทางหนึ่ง
มีคำถามว่า จะทำอย่างไร หรือวางตัวอย่างไรเมื่อถูกคุกคามทางเพศ หรือจะป้องกันตัวอย่างไรเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกคุกคามทางเพศ คำตอบคือต้องกระทำดังต่อไปนี้โดยทันที
อย่าเพิกเฉย อย่านิ่งเฉย อย่ายอม ผู้ถูกล่วงละเมิดต้องไม่ยินยอม ต้องไม่นิ่งเฉย ต้องกล้าปฏิเสธโดยทันทีที่รู้ว่าถูกคุกคามทางเพศ ไม่ต้องเกรงใจผู้กระทำละเมิดในทุกกรณี ต้องแสดงออกโดยฉับพลันว่าไม่ยินยอม
ต้องร้องเรียน ต้องแจ้งความดำเนินคดีโดยทันที เช่น ร้องเรียนต่อผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ต้องแจ้งความดำเนินคดีต้องแจ้งเรื่องให้พ่อแม่ผู้ปกครองทราบ (ในกรณีผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศเป็นเด็ก)
ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ต้องกล้าคัดค้านต่อต้านผู้กระทำการคุกคามทางเพศต่อผู้อื่น อย่านิ่งเฉย อย่าทำเป็นมองไม่เห็นเหตุหรืออ้างว่าธุระไม่ใช่ การที่ผู้พบเห็นเหตุการณ์นิ่งเฉยเท่ากับสนับสนุนให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศในสังคมไปเรื่อยๆ
และจะต้องทำอย่างไร เมื่อตนเองกำลังถูกคุกคามทางเพศคำตอบคือ
ต้องแสดงปฏิกิริยาต่อต้านโดยทันที อย่ายอม อย่านิ่งเฉย อย่าปล่อยให้เกิดเหตุกับตนเอง เพราะการนิ่งเฉย เท่ากับยินยอมพร้อมใจด้วย ต้องแสดงความไม่พอใจด้วยการพูดให้ชัดว่าไม่ต้องการ และต้องนำตัวออกมาให้ห่างจากผู้กระทำละเมิดโดยทันที
ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้การกระทำของผู้จงใจก่อเหตุล่วงละเมิด
เก็บและบันทึกหลักฐานการถูกล่วงละเมิดให้มากและละเอียดที่สุด ต้องตั้งสติให้ดี และเก็บรวบรวมหลักฐาน และรายละเอียดต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากสามารถบันทึกภาพ เสียงของเหตุการณ์ได้ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ หรือไม่ก็ต้องจดบันทึกลักษณะสำคัญของสถานที่เกิดเหตุให้ได้มากที่สุด บันทึกวันเวลาให้ละเอียด และระบุชื่อของผู้กระทำละเมิดให้ชัดเจน พร้อมทั้งระบุพยานบุคคลให้ได้ด้วย
แจ้งเรื่องที่ถูกกระทำละเมิดให้หัวหน้า หรือผู้ปกครองรับทราบ และต้องไปแจ้งความดำเนินคดีด้วย
ขอให้ทุกคนช่วยกันเข้าใจว่าปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป และไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดว่าเป็นสิ่งน่าอับอาย เมื่อตนเองตกเป็นเหยื่อ ปัญหานี้เป็นสิ่งที่นับว่าใกล้ตัวเราทุกคนมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะแม้จะไม่เกิดกับตัวของเราเอง แต่ก็อาจจะเกิดกับลูกหลานญาติพี่น้องและเพื่อนของเราได้
และขอทิ้งท้ายสำหรับวันนีี้ว่า เราทุกคนต้องช่วยกำจัดการคุกคามทางเพศให้หมดไปจากสังคมไทยโดยเร็ว และต้องกล้ากระชากหน้ากากคนที่จงใจล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศ โดยไม่ต้องไว้หน้าว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใคร
ต้องขอเตือนผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศว่า อย่าไปในสถานที่ที่ตนเองไม่แน่ใจเป็นอันขาด เช่น ต้องไม่ไปในห้องพัก บ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนต์หรือห้องส่วนตัวของผู้ที่อาจจะจงใจล่วงละเมิดทางเพศ
หากจำเป็นต้องคุยหรือหารือเรื่องงาน และเรื่องธุรกิจก็ต้องกระทำในสถานที่ที่เหมาะสม เช่น ที่ทำงานของแต่ละฝ่าย และควรจะต้องทำนัดหมายการเจรจาให้ชัดเจน โดยระบุวันเวลาสถานที่ให้ชัดเจนและเหมาะสม ไม่ควรรับนัดในเวลาวิกาล หรือในสถานที่ส่วนตัวของผู้ที่อาจจะก่อเหตุเป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี