จากกรณีวิวาทะเรื่องการแก้ปัญหาธงแดง ICAO
เป็นเหตุให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีคมนาคม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาชี้แจง สรุปคือปฏิเสธพัลวันว่า การอนุมัติสายการบินเอกชนกว่า 40 สายในยุคนั้น มิใช่สาเหตุทำให้ไทยต้องโดนใบแดง ICAO
ถ้าอย่างนั้น จึงน่าสนใจว่า บทเรียนธงแดง ICAO ใครขี้ทิ้งไว้ ใครตามล้างตามเช็ด?
1. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ช่วงปี 2555-2557 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชี้แจงว่า การออกใบอนุญาตสายการบินจะมีอยู่ 2 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ หรือ AOL (Air Operating License)ซึ่งจะพิจารณาจากคุณสมบัติต่างๆ อาทิ ทุนจดทะเบียนผู้ถือหุ้น เส้นทางหลัก เส้นทางรอง โดยมีกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ขออนุญาต ส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐาน ICAO เมื่อผู้โดยสารเยอะขึ้น โลว์คอสต์แอร์ไลน์ก็มากขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์มากขึ้นจากการแข่งขัน มีทางเลือกเยอะขึ้น ขณะเดียวกัน การอนุมัติสายการบินก็มีหลายประเภท ทั้งแบบประจำ แบบเช่าเหมาลำ ใบอนุญาตเฮลิคอปเตอร์ การต่อใบอนุญาตเดิม เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งจากไทยและต่างชาติมากขึ้น
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือ AOC (Air Operator Certificate) ซึ่งพิจารณาเรื่องความปลอดภัย ส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคม แต่จะเป็นขั้นตอนของกรมการบินพลเรือน โดยมีอธิบดีกรมการบินพลเรือนเป็นผู้กำกับดูแล ที่ผ่านมามีสายการบินได้รับอนุมัติใบอนุญาต AOL ใบแรก แต่ไม่ได้รับอนุมัติ AOC ใบที่ 2 จำนวนมาก เนื่องจากไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2554 ทาง ICAO ได้เข้ามาตรวจสอบและไม่พบว่ามีปัญหา หลังจากนั้นในสมัยที่ตนยังอยู่ในตำแหน่ง ทางกรมการบินพลเรือนแจ้งว่าพร้อมสำหรับการตรวจสอบ จนกระทั่งยุบสภาปลายปี 2556-2557 และเกิดการรัฐประหาร ตนเองต้องออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
ประเด็นสำคัญคือหลังปี 2558 ทาง ICAO ได้เปลี่ยนวิธีการตรวจให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งกรมการบินพลเรือนอาจไม่ได้รองรับ หรือเตรียมเรื่องการตรวจใหม่ จึงทำให้ในที่สุด ICAO ให้ธงแดงประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 และส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินการท่องเที่ยวไทย สายการบินในไทยไม่สามารถเปิดเส้นทางการบินใหม่ได้
ข้างต้น คือ คำอธิบายชี้แจงของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
2. ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ ช่วงที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็น รมว.คมนาคม มีธุรกิจสายการบินเปิดใหม่จำนวนมาก
ปี 2548 ประเทศไทยเพิ่มสายการบิน จาก 12 เป็น 41 สายการบิน มีทั้งที่เป็นแบบเช่าเหมาลำ และสายการบินต้นทุนต่ำ
1 ม.ค. 2552 ICAO เตือนกรมการบินพลเรือนไทยมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และรับรองความปลอดภัยไม่สอดคล้องกับสายการบินที่เพิ่มขึ้น หลังจากนั้น ก็ยังเพิกเฉย ไม่จ้างผู้เชี่ยวชาญ หรือส่งเจ้าหน้าที่อบรมตามมาตรฐาน ICAO กฎระเบียบ และ พ.ร.บ.เดินอากาศของไทยล้าหลัง
ปี 2554-2557 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ และนายชัชชาติเป็นรมว.คมนาคม ปี 2555-2557 แต่กลับไม่ได้แก้ปัญหาที่ ICAO เตือน แถมยังมีการออกใบอนุญาตสายการบินอีก 42 ใบ ในเวลาไม่ถึงปี
แม้แต่นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ขณะนั้น) ภรรยาของ นายอริสมันต์พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. (ขณะนี้ นายอริสมันต์ยังหนีโทษจำคุกคดีสินบนบ้านเอื้ออาทร และคดีล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา) ยังเคยโพสต์เฟซบุ๊คอวดว่า เตรียมเปิดให้บริการสายการบินน้องใหม่ ก่อนที่นายอริสมันต์จะชี้แจงภายหลังว่าเป็นการเช่าเครื่องเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลท์เท่านั้น
3. องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศปัก “ธงแดง” บนเว็บไซต์ของ ICAO อันแสดงให้เห็นความเสี่ยงด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558
หลังตรวจพบ 33 ข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย ด้านการบินพลเรือนของไทย
เพราะฉะนั้น บทเรียนธงแดง ICAO ใครขี้ทิ้งไว้ ก็คงต้องระบุว่า เป็นปัญหาหมักหมมทับถมมาหลายสมัยรัฐบาล และในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐมนตรีคมนาคมชัชชาติ
ที่มีเวลาทำงานต่อเนื่อง หลังจากที่ควรทราบว่ามีคำเตือนจาก ICAO แต่ก็ไม่ได้ลงมือแก้ปัญหา แถมอนุญาตให้มีสายการบินเพิ่ม ยิ่งทำให้ปัญหาหนักข้อขึ้น
4. ธงแดง ICAO ส่งผลให้ธุรกิจการบินของไทยมีอุปสรรคในการบินไปหลายประเทศเป้าหมาย และ FAA ปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศเป็นระดับต่ำกว่ามาตรฐาน (Category2)
ช่วง 2 ปี ก่อนจะแก้ปัญหาสำเร็จนั้น มีค่าเสียโอกาสเกิดขึ้นกับธุรกิจสายการบินของไทย คิดเป็นมูลค่า 11,300 ล้านบาท
5. บทเรียนธงแดง ICAO ที่ว่า ใครตามล้างตามเช็ด?
ต้องถือเป็นผลงาน “ชิ้นโบแดง”ของรัฐบาล คสช.นายกฯ ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ใช้เวลากว่า 2 ปี งัด ม.44 ยกเครื่องหน่วยงานด้านการกำกับดูแลและตรวจสอบมาตรฐานการบินขนานใหญ่ จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขวิกฤตการบินพลเรือน และดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรด้านการบินพลเรือนครั้งใหญ่ แยกหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานปฏิบัติออกจากกัน เร่งตรวจสอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศทุกสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐาน ICAO จากนั้น ICAO เข้าตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยการบินพลเรือน ฯลฯ กระทั่ง ICAO ประกาศปลด “ธงแดง” ประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2560
ในภาพข้างบนนี้ คือ เหตุการณ์ในวันที่ 9 ต.ค. 2560 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำ นายอรุณ มิชรา (Mr. Arun Misha) ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization (ICAO)) พร้อมด้วย นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยและคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2560
นายกฯ พลเอกประยุทธ์กล่าวชื่นชมผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ว่า ได้มีโอกาสพบปะกันหลายครั้ง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาการตรวจสอบ กำกับ ดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญ และถือเป็นหนึ่งในวาระเร่งด่วน ซึ่งความสำเร็จในวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศด้านอื่นๆ ต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ไทยจะรักษาความสำเร็จนี้ และพร้อมที่จะร่วมมือและรับแนะนำต่างๆ จาก ICAO ต่อไป เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญยิ่ง
โอกาสนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ กล่าวแสดงความยินดี ในโอกาสที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน (ปลดธงแดง) สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลและการทำงานที่ทุ่มเทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวดำเนินรุดหน้าในระยะเวลาอันรวดเร็ว
6. กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ตามภาพที่เห็นนี้
นายฮวน คาร์ลอส ซาลาซาร์ (Mr. Juan Carlos Salazar)เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO เดินทางเยือนประเทศไทย เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
เลขาธิการ ICAO ได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการและขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการดำเนินงานของ ICAO และการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ กรุงเทพฯ นับตั้งแต่ปี 2498 มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังกล่าวชื่นชมในการดำเนินงานด้านการบินพลเรือนที่ประเทศไทยปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน โดยไทยได้ให้ความสำคัญกับงานที่เป็นวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Objectives) ของ ICAO ได้แก่ ความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพในการเดินอากาศ รวมถึงเล็งเห็นว่าไทยมีบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาค และยืนยันถึงการให้ความร่วมมือและการสนับสนุนของ ICAO ต่อประเทศไทยต่อไป
สุดท้าย ท่านผู้อ่านพึงพิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริงว่า บทเรียนธงแดง ICAO ใครขี้ทิ้งไว้ ใครตามล้างตามเช็ด?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี