สถานะของ “สทร.” ทักษิณ ขึ้นอยู่กับคดีในชั้นศาล4 เรื่องใหญ่ๆ
1.คดี 112 จะต้องติดคุกเพิ่มหรือไม่?
ขณะนี้ คดีอยู่ในชั้นพิจารณาศาลอาญา
ล่าสุด ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศ
2.กรณีชั้น 14 จะต้องกลับเข้าคุกหรือไม่?
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน นัดพร้อม 13 มิ.ย. 2568 ปมบังคับคำพิพากษา ตามหมายจำคุก คดีหวยบนดิน คดีเอ็กซิมแบงก์ และคดีนอมินีหุ้นชินฯ
การเอาตัวทักษิณออกจากเรือนจำ แล้วอยู่โยงที่โรงพยาบาลตำรวจยาวจนกระทั่งปล่อยตัวกลับบ้านนั้นเป็นการฝ่าฝืนหมายจำคุกของศาลหรือไม่?
ปัจจัยเสี่ยง คือ แพทยสภามีมติลงโทษหมอ 3 คนแล้ว รายงานของอนุเฉพาะกิจที่ตรวจสอบเรื่องนี้น่าจะถูกใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการพิจารณาของศาลว่าทักษิณป่วยวิกฤตถึงขนาดจะต้องนอนชั้น 14 สุดหรู ที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถกลับเรือนจำได้เลย จริงหรือไม่?
แหล่งข่าว เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า สำหรับรายละเอียดมติแพทยสภา ในการสั่งลงโทษพักใบอนุญาต แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ 2 ราย นั้น เนื่องจากคำร้องที่มีการร้องเรียนเข้ามาระบุว่า พลตำรวจโท...สัมภาษณ์เกินจริงเกี่ยวกับอาการป่วยนายทักษิณ ซึ่งกรรมการสอบสวน ได้นำคำสัมภาษณ์และคลิปวีดีโอคำให้สัมภาษณ์มาตรวจแล้วมีความเห็นว่า มีการให้สัมภาษณ์เกินจริงตามที่มีการร้องเรียน
สำหรับ พลตำรวจโทอีกคน ในฐานะผู้ออกใบความเห็นแพทย์ ที่ถูกลงโทษพักใบอนุญาตเช่นกัน จากการสอบสวนพบว่า ไม่ได้เป็นผู้ตรวจนายทักษิณ แต่ได้ลงนามในความเห็นที่ส่งกรมราชทัณฑ์ 2 ครั้ง ว่าให้รักษาตัวต่อเนื่องในโรงพยาบาล ขณะที่ความเห็นแพทย์ตรวจอาการนายทักษิณ ไม่ได้บอกว่ามีอาการป่วยวิกฤต ต้องรักษาตัวต่อเนื่องในโรงพยาบาล
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับการรักษาตัวของนายทักษิณ มีข้อมูลปรากฏว่า ได้รับการผ่าตัดสองครั้ง ครั้งแรก เป็นการแก้อาการนิ้วล็อก ครั้งที่สอง ผ่าตัดไหล่ ซึ่งทางราชวิทยาลัยเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง ให้ความเห็นว่า การผ่าตัดทั้งสองครั้งไม่จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่มาของการลงโทษพักใบอนุญาตแพทย์ทั้ง 2 ราย
สำหรับกรณีที่ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวน นัดพร้อม 13 มิ.ย.นั้น ไม่ใช่การพิจารณาคดีใหม่ ไม่ใช่การจะลงโทษเพิ่มเติม หรือลงโทษซ้ำ เป็นการพิจารณาว่าคำพิพากษาเดิมของศาลได้ถูกบังคับอย่างถูกต้องหรือไม่เท่านั้น ศาลจึงอาจมีคำสั่งได้เลย หากเห็นว่าได้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอเมื่อใด
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ก็เคยชี้ไปแล้วว่า มีการเลือกปฏิบัติโดยเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณ
ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็กำลังไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง 12 คน และจะนำรายงานและมติของแพทยสภาประกอบสำนวนด้วย ก็น่าสนใจว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับใครอีกบ้างหลังจากนี้
น่าสนใจมากว่า ทักษิณจะรอดพ้นบ่วงกรรมในเรื่องนี้ไปได้หรือไม่
3.คดีภาษีหุ้นชินฯ 1.76 หมื่นล้านบาท
กรณีคณะกระทรวงการคลังเรียกเก็บจากทักษิณ แต่ทักษิณฟ้องสู้คดี
ฝ่ายทักษิณชนะคดีมาในศาลล่าง ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลฎีกา
คดีนี้ ไม่มีโทษจำคุก มีแต่จะต้องจ่ายภาษีหรือไม่
4.คดีค่าเสียหายจำนำข้าว “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ”
ทักษิณไม่ได้ถูกเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากโครงการจำนำข้าว แต่อดีตนายกฯ และพวกถูกเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผลของคดีเหล่านี้อาจตอกย้ำว่าโครงการจำนำข้าวที่มีการทุจริตมโหฬารนั้น นักการเมืองผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายที่ปล่อยให้มีการทุจริตจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายด้วยอย่างไร?
โครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ” ทิ้งความเสียหายไว้กับประเทศชาติมหาศาล เป็นผลจากการทุจริต ทำให้รัฐขาดทุนมากกว่าที่ควรจะเป็น ปัจจุบัน รัฐยังมีภาระจะต้องใช้หนี้คืน ธ.ก.ส.อยู่อีกกว่า 2 แสนล้านบาท
ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษา คดีค่าสินไหมทดแทนจากอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ 35,000 ล้านบาท ในวันที่ 22 พ.ค.นี้แล้ว
นั่นคือ คดีหมายเลขดำที่ อผ.163-166/2564 อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท (ของความเสียหาย 1.78 แสนล้านบาท)
ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ไม่ต้องจ่าย
วันที่ 22 พ.ค. ลุ้นว่า ศาลปกครองสูงสุดจะชี้ขาดให้ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือไม่
คดีนี้ ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ก็ไม่มีผลลบล้างคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ให้ลงโทษยิ่งลักษณ์ 5 ปี แต่อย่างใด
นอกจากนี้ คดีที่จะนำไปสู่การยึดทรัพย์นักการเมืองที่กระทำผิดในคดีทุจริตจำนำข้าว ยังมีอีก ได้แก่
กรณี ภูมิ สาระผล ร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช.ชี้มูลยึดทรัพย์ 19 ล้านบาท ส่งอัยการสูงสุดฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
กรณีหมอโด่งร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ 896 ล้านบาท ศาลฎีกาฯ พิพากษาให้ทรัพย์สินตามรายการที่ ป.ป.ช.ชี้มูล “...รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ๘๙๖,๕๕๔,๗๖๐.๒๘ บาท พร้อมดอกผลของทรัพย์สินที่เกิดขึ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความสิบปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน..” – คำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.122/2562 แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานว่า ติดตามยึดทรัพย์ได้คืนแผ่นดินจริงๆ เท่าไหร? ส่วนตัวหมอโด่ง ขณะนี้ก็ยังหลบหนีโทษจำคุกในคดีทุจริตข้าวจีทูจีอยู่
กรณีคดีค่าสินไหมทดแทนข้าวจีทูจี 2 หมื่นล้านบาท เจ้าหน้าที่รัฐ 5 คน คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล นายมนัส สร้อยพลอย นายทิฆัมพร นาทวรทัต และนายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ ได้รับคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายกรณีระบายข้าวจีทูจี
ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ทั้ง 5 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทน นายมนัส สร้อยพลอย ชดใช้ 4,011 ล้านบาท, นายทิฆัมพร นาทวรทัต ชดใช้ 4,011 ล้านบาท, นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ ชดใช้ 2,694 ล้านบาท, นายภูมิ สาระผล ชดใช้ 2,242 ล้านบาท และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ชดใช้ 1,768 ล้านบาท ขณะนี้ รอคำพิพากษาชี้ขาดในชั้นศาลปกครองสูงสุด กรณีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ คดีข้าวจีทูจี นอกจากศาลฎีกาฯได้พิพากษาลงโทษจำคุกแล้วคำพิพากษายังสั่งให้บางรายชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐด้วย เช่น เสี่ยเปี๋ยงและพวก แต่จนบัดนี้
บัดนี้ แม้ได้พักโทษออกจากคุกแล้ว ในส่วนค่าเสียหายตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ได้มีการติดตามให้ชำระแล้วหรือยัง? ใครละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ติดตามมาคืนแผ่นดินบ้าง?
5.ทั้งหมด อาจกระทบกระเทือนถึงสถานะของ “สทร.”
ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือ “นายใหญ่”
และบางเรื่อง เช่น กรณีชั้น 14 อาจกระทบต่อเนื่องไปถึงบุคคลในรัฐบาล ที่อาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
เพราะฉะนั้น นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ สทร. ทักษิณ ชินวัตร และองคาพยพ อย่างแท้จริง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี