ในเมื่อกรมสรรพากรอ้างตลอดเวลาว่าประชาชนผู้มีรายได้ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และต้องเสียภาษีภายในระยะเวลาที่กรมสรรพากรขีดเส้นตายไว้ หากเสียภาษีล่าช้าก็ต้องถูกปรับ
แล้วเหตุใดเมื่อกรมสรรพากรต้องคืนภาษีที่ประชาชนชำระไปแล้ว ซึ่งเป็นเงินที่กรมสรรพากรเก็บภาษีเกินไปคืนให้กับผู้เสียภาษีจึงคืนให้ช้าเหลือเกิน กว่าจะคืนให้แต่ละครั้งก็เรียกผู้เสียภาษีให้นำเอกสารต่างๆ ไปแสดงเพิ่มเติมแบบซ้ำๆ ซากๆ ซ้ำๆ กันทุกปีๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องคืนเงินให้กับผู้ถูกกรมสรรพากรเก็บภาษีเกินไป
ปัญหาดังกล่าวได้รับการร้องเรียนไปยังหนังสือพิมพ์แนวหน้าเป็นประจำ ซึ่งมีทั้งการร้องเรียนแบบบ่นทำนองเล่าสู่กันฟัง และร้องเรียนแบบจริงๆ จังๆ โดยส่งเป็นจดหมายร้องเรียนเข้ามา ขอย้ำว่าเรื่องร้องเรียนแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ
คำถามคือทำไมกรมสรรพากรจึงต้องประวิงเวลาคืนเงินให้กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ชำระภาษีเงินได้ถูกต้องทุกปี ทำไมต้องเรียกเอกสารเดิมๆ ไปขอดูทุกๆ ปี ทั้งๆ ที่ผู้เสียภาษีเงินได้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่ต้องได้รับเงินคืน เพราะเป็นเงินของเขา ซึ่งกรมสรรพากรเก็บเงินเขาเกินไปตั้งแต่แรก แต่เมื่อต้องคืนเงินให้เจ้าของเงิน กรมสรรพากรกลับดึงเรื่องสารพัดวิธี โดยอ้างว่าต้องนำเอกสารไปแสดงเพิ่มเติม
ขอย้ำว่าการอ้างเช่นนี้ของกรมสรรพากรเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งๆ ที่เงินคืนเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเจ้าของเงิน และกรมสรรพากรเก็บเงินของเขาเกินไปตั้งแต่แรก ทำไมเวลาเก็บเงินของประชาชน กรมสรรพากรจึงเก็บได้โดยสะดวกง่ายดาย เก็บไปก่อนที่ประชาชนจะได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตัวอย่างเช่น เงินเดือนที่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของประชาชนผู้ลงแรงทำงาน ก็ถูกกรมสรรพากรหักไปก่อนที่เจ้าของเงินจะได้รับเงินทุกเดือนๆ หรือแม้กระทั่งเงินค่านายหน้า เงินจากการทำธุรกิจต่างๆ แม้กระทั่งเงินปันผลที่เจ้าของเงินนำเงินที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงไปลงทุน แล้วเมื่อได้กำไรก็ถูกกรมสรรพากรหักไปก่อนทุกครั้ง
มีคำถามว่ากรมสรรพากรมีความคิดจะเร่งคืนเงินส่วนที่เก็บเกินไป คืนให้กับผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยรวดเร็วบ้างหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่กรมสรรพากรต้องพยายามยื้อเงินของผู้เสียภาษีไว้ให้นานที่สุด โดยการอ้างเรื่องขอเอกสารเพิ่มเติม
ขอย้ำว่าเอกสารที่กรมสรรพากรขอเพิ่มเติมนั้น ก็เป็นเอกสารเดิมๆ ที่ขอดูทุกๆ ปี และขอดูต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี อาทิ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40(1), 40(2), 40(4) ใบเสร็จรับเงินการชำระเบี้ยประกัน หนังสือรับรองดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้ออาคารจาก
สถาบันการเงิน ใบเสร็จรับเงินของมูลนิธิ วัด ใบกำกับภาษีซื้อสินค้าช้อปดีมีคืน
อันที่จริงก็พอจะเข้าใจได้ถึงการขอเอกสารเพิ่มในกรณีบริจาค และการซื้อสินค้าตามที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นให้คนใช้จ่ายเงินเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน แต่ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ กับเอกสารหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40 สารพัดวงเล็บ และใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต และหนังสือรับรองดอกเบี้ยกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อใช้ซื้ออาคาร เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำทุกปี แล้วคนทำงานตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องเสียภาษีให้แผ่นดินโดยผ่านกรมสรรพากรก็เป็นคนเดิม ได้รับเงินเดือนจากที่ทำงานเดิม จ่ายค่าประกันให้บริษัทเดิม กู้เงินจากธนาคารเดิม โดยเขาเหล่านั้นไม่ได้ย้ายบริษัท ไม่ได้ได้เงินเดือนเพิ่มกว่าเดิม 10 เท่า ไม่ได้ซื้อประกันใหม่ปีละ 6-8 กรรมธรรม์ ไม่ได้กู้เงินซื้อคฤหาสน์เป็นประจำทุกๆ ปี และไม่ได้รับเงินเบี้ยประชุมที่มากผิดปกติ ยกเว้นว่าเขาเหล่านั้นได้รับเบี้ยประชุมครั้งละหลายหมื่นบาท ในฐานะกรรมการของบริษัทยักษ์ใหญ่ครั้งละ 20-30 บริษัทในหนึ่งปี
ขอถามตรงๆ อีกครั้งว่า กรมสรรพากรคิดจะคืนภาษีที่เก็บเงินไปจากประชาชนตั้งแต่แรกแล้วเร่งคืนให้ประชาชนผู้เสียภาษีโดยถูกต้องโดยรวดเร็วหรือไม่ หรือกรมสรรพากรคิดจะยื้อเงินของประชาชนไว้ให้นานที่สุด โดยการเล่นเกมของเอกสารซ้ำๆ ซากๆ เป็นประจำทุกๆ ปี ขอถามอีกทีว่ากรมสรรพากรมีปัญญาตามเก็บภาษีคนที่คดโกงฉ้อฉลปล้นประเทศครั้งละเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านบาทหรือไม่ หรือมีปัญญาแค่เพียงยื้อเงินเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่เสียภาษีโดยถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี