มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งพิจารณาว่ากฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยถูกนำมาบิดเบือนโจมตีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
พยายามสร้างภาพสวยหรู ลบล้างความเน่าเฟะให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในยุคที่รัฐมนตรีคมนาคม ชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
สาดโคลนว่า ศาลรัฐธรรมนูญตีตกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุว่า “ถนนลูกรังยังไม่หมดประเทศ” ทั้งๆ ที่ เหตุการณ์ในคลิป เป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาที ที่มีการซักถามแลกเปลี่ยนของตุลาการท่านหนึ่ง และไม่ได้เป็นประเด็นวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเลยด้วยซ้ำ
1. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. หรือ“ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท” มีข้อความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงเป็นผลให้ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรค 3
ศาลรัฐธรรมนูญตีตก เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ไปขัดกับรัฐธรรมนูญ 2550 ในหลายประเด็น ได้แก่
ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเป็นเงินแผ่นดิน การใช้จ่ายเงินแผ่นดินต้องได้รับอนุญาตจากกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย, กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ, กฎหมายว่าด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ยกเว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโครงการลงทุนที่บรรจุในแผนการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หลายโครงการยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่า ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ผ่านการพิจารณามาตามขั้นตอน และเป็นโครงการที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
การใช้จ่ายเงินแผ่นดินอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ตามมาตรา 170 วรรค 2 แห่งรัฐธรรมนูญ แต่ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทกำหนดให้รัฐบาลสามารถนำเงินกู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ต้องนำเงินส่งคลัง แตกต่างจาก พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ทำให้การควบคุมการใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าวไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ
2. การบิดเบือนโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อกลบเกลื่อนเจตนาแท้จริงของระบอบทักษิณ เมื่อเดินเกมพลาด ถูกจับได้ไล่ทัน
ต้องการจะซิกแซกกู้เงินเอามาทำโครงการ โดยไม่ผ่านกลไกตรวจสอบงบประมาณแผ่นดินปกติ
นำเอาโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มาล่อตาล่อใจ
โดยที่หลายโครงการ ยังไม่มีผลการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจการลงทุน หรือผลกระทบสิ่งแวดล้อมอะไรเลยด้วยซ้ำ
แค่จะอาศัยกฎหมายฉบับนี้ เป็นกุญแจเปิดทางให้กู้เงินมาทำ โดยเปิดช่องเสี่ยงทุจริต ยกเว้นให้รัฐบาลนำเงินกู้มหาศาล 2 ล้านล้านไปใช้จ่ายได้ โดยไม่ต้องนำเงินส่งคลัง แตกต่างจากเงินแผ่นดินทั่วไป
การทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่า นักการเมืองแปลงร่างงบลงทุนแยกออกจากงบประมาณแผ่นดิน
ไม่ต้องผ่านขั้นตอนกลั่นกรอง ตรวจสอบ ความเหมาะสมคุ้มค่า ความโปร่งใส และวงเงินแต่ละโครงการ เพราะฝ่ายการเมืองจะกำหนดการจ่ายเงินกันเองแบบบุฟเฟ่ต์
ทำลายวินัยการเงินการคลัง ขัดรัฐธรรมนูญ หมวด 8ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ มาตรา 169
เพราะฉะนั้น เหตุที่กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกไป ไม่ใช่เพราะเรื่องถนนลูกรังยังไม่หมดไป ตามที่พยายามจะบิดเบือนแถไถกันแบบข้างๆ คูๆ
3. ในส่วนของคดีอาญา ป.ป.ช.ยกคำร้องในประเด็นความผิดทางอาญา 157 โดยมติ 5 ต่อ 1
ชี้ว่า ครม.ยิ่งลักษณ์ขาดเจตนา
โชคดีนักหนา ไม่อย่างนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์อาจซ้ำรอยคดีหวยบนดินยุครัฐบาลทักษิณ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ได้ความว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก ในฐานะคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และต่อมาสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 66 คน ได้ร่วมกันเข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัด หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2557 ว่าร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสอง ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ มีผลให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคสาม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 169 และมาตรา 170 มาพิจารณา เนื่องจากเนื้อหาตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้เคยมีการตราไว้เป็นกฎหมายในทำนองเดียวกันมาหลายครั้ง โดยรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับ ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข้อความในทำนองเดียวกัน กับมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และที่ผ่านมาไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการขัดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด จึงเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากับพวก เชื่อว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 1 ว่าการกระทำดังกล่าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-35 ไม่มีมูลความผิดตามที่กล่าวหา ให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป
4. การนำเรื่องกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน มาบิดเบือน แก้ตัว เพียงเพราะปรากฏในภายหลังว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์สามารถดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้มากมายเป็นประวัติการณ์ เกิดผลงานรูปธรรมจับต้องได้ โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะเหมือนดังที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำขัดรัฐธรรมนูญนั้นเลย
การพยายามบิดเบือนข้างต้น จึงเป็นการกระทำที่ไร้สาระ มุ่งแก้เกี้ยว แก้เขิน และทำเพียงจะขี้โม้แม้กระทั่งในเรื่องที่พวกตนทำล้มเหลวผิดพลาดไว้เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ ไม่ใช่เรื่องจะต้องไปเสียดายอะไรเลย สำหรับกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน เพราะถ้ากู้มาจริง ก็เต็มไปด้วยช่องโหว่ทุจริตโกงกิน โยกงบประมาณข้ามโครงการ ข้ามแผนงาน(เพราะหลายโครงการยังไม่ผ่านการศึกษาอะไรเลย) เสี่ยงจะเกิดการทุจริตมหาศาลยิ่งกว่าโครงการจำนำข้าว ก็เท่านั้นเอง
พูดตรงๆ ประเทศไทยนับว่าเคราะห์ดีต่างหากที่ไม่ปล่อยผ่านกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน เปิดช่องให้เกิดการทุจริต ซิกแซก ไม่เช่นนั้นก็จะอาจจะเกิดภาพว่า ใครอยากได้โครงการไหน ก็ไม่ต้องผ่านกลไกงบประมาณแผ่นดิน แต่ต้องบินไปเจรจาที่ดูไบ
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี