ขณะนี้ปัญหาสถานการณ์ด้านพม่ามีความตึงเครียดมากขึ้นเพราะเนื้อใหญ่ใจความนั้นพม่าเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มอาเซียนตอนบน ที่ประกอบด้วยพม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม และมีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนจีนตอนใต้
ซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคงอย่างยิ่งของภูมิภาคจีน-อาเซียน เพราะพื้นที่จีนตอนใต้นั้นประกอบด้วยยูนนาน ฉงชิ่ง และเสฉวน ซึ่งมีประชากรรวมกันร่วม 200 ล้านคน จัดเป็นแนวหลังของจีนที่สำคัญในภูมิภาค
และที่สำคัญกว่านั้น เหนือยูนนาน ฉงชิ่ง และเสฉวนขึ้นไปจะเป็นพื้นที่ภูมิยุทธศาสตร์สำคัญของจีนภาคตะวันตกซึ่งมีอาณาเขตใหญ่โตมาก ประกอบด้วยซินเจียง ทิเบต และมีพื้นที่ล่อแหลมต่อความมั่นคงที่ติดต่อกันไม่ว่าจะเป็นกานซู หนิงเซียะ ก็ตาม
ดังนั้นจีนจึงให้ความสำคัญต่อพม่าอย่างยิ่ง ซึ่งบรรดาประเทศที่เกี่ยวข้องหรือมีความเข้าใจทางการทหารอย่างลึกซึ้งก็จะเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่เห็นหรือเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นเปิดฉากรุกจีนภายใต้ยุทธการคีมเหล็กที่เยอรมันเคยออกแบบให้กับพรรคก๊กมินตั๋ง ในสงครามล้อมปราบกองทัพแดงที่ฐานที่มั่นจิ่งกังซาน จนเป็นเหตุให้เหมา เจ๋อตุง ต้องนำกองทัพแดงเดินทางไกลอันลือลั่นในประวัติศาสตร์
ด้านหนึ่ง ญี่ปุ่นเข้ายึดจีนทางด้านอีสาน อีกด้านหนึ่งเข้ายึดประเทศไทย และเปิดเส้นทางรุกเข้าพม่า หวังเข้ายึดพม่าแล้วก็จะรุกเข้ายึดจีนตอนใต้ กลายเป็นปลายคีมเหล็กสองด้าน คือทางด้านอีสานและใต้ของจีนคีบกระหนาบประเทศจีน แต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็ไม่ประสบความสำเร็จในการรุกคืบเข้าพม่าเพราะญี่ปุ่นไม่แจ้งในภูมิประเทศว่าทุรกันดารนัก
อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นชาวเกาะเลย แม้ในยุคสามก๊กที่ขงเบ้งกุนซือใหญ่แห่งเสฉวนกรีฑาทัพเข้าตีพม่าก็ต้องใช้เวลาถึง 7 ปี เพราะภูมิประเทศทุรกันดารและอันตรายอย่างยิ่งดังนั้นกองทัพญี่ปุ่นจึงปราชัยจากคีมด้านใต้และปราชัยในภาคอีสานและภาคเหนือ ภายใต้ยุทธศาสตร์สงครามยืดเยื้อของกองทัพแดงอันลือลั่น
แม้กระนั้นจีนก็ให้ความสำคัญและเพิ่มความระมัดระวังอย่างยิ่ง ดังนั้น เมื่อสหรัฐริเริ่มออกอาการจะประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก จีนก็ได้เตรียมความพร้อมทางทหารขั้นสูงเพื่อคุ้มครองป้องกันจีนภาคใต้โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์พม่า จึงเป็นครั้งแรกที่มีการเคลื่อนย้ายกองทัพปลดแอกประชาชนจีนจำนวน 500,000 คนไปตั้งฐานทัพใหญ่อยู่ที่มองโกเลีย
ในครั้งนั้นสี จิ้นผิง เป็นประธานสวนสนาม และแทนที่จะแต่งตั้งชุดจงซานอันเป็นธรรมเนียมเป็นประธานการสวนสนามของผู้นำจีน แต่สี จิ้นผิง กลับแต่งเครื่องแบบในชุดพลทหารซึ่งเป็นแบบที่เหมา เจ๋อตุง เลือกใช้เมื่อกองทัพแดงได้รับชัยชนะทั่วประเทศ และเหมา เจ๋อตุง จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบทหาร จึงต้องตัดสินใจเลือกแบบว่าจะใช้เครื่องแบบชั้นยศใด
ในที่สุดคณะกรรมการการทหารกลางก็มีมติตามความเห็นของเหมา เจ๋อตุง ว่าให้ใช้เครื่องแบบพลทหาร เพราะพลทหารมีจำนวนมากที่สุด อยู่ในแนวหน้าสุด กล้าหาญที่สุดและเสียสละมากที่สุด มีผลกระทบต่อประชาชนซึ่งตนเป็นลูกหลานของประชาชนมากที่สุด จึงต้องให้เกียรติพลทหาร และนับแต่นั้นมาผู้นำจีนเมื่อยามจะแต่งเครื่องแบบทหารก็จะแต่งเครื่องแบบพลทหาร
สี จิ้นผิง เป็นประธานสวนสนามในครั้งนั้น นอกจากแต่งเครื่องแบบพลทหารแล้วยังเป็นเครื่องแบบในชุดพราง ซึ่งเป็นเชิงสัญลักษณ์ของความพร้อมรบ และได้ประกาศคำสั่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ให้กองทัพ ณ ฐานทัพแห่งนี้มีความพร้อมรบตลอด 24 ชั่วโมง และเสริมสร้างความทันสมัยความมีประสิทธิภาพ ที่สามารถปกปักรักษาอธิปไตยผลประโยชน์ของจีนและมิตรประเทศได้อย่างแท้จริง
สถานการณ์ในพม่าเป็นความขัดแย้งชนิดพิเศษระหว่างการล่าอาณานิคมกับการต่อต้านการล่าอาณานิคม เป็นสถานการณ์ฟื้นต่อจากสถานการณ์ที่นายพลออง ซาน ซู จีปลดแอกประกาศเอกราชให้กับพม่าจากการยึดครองของอังกฤษ ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัปยศ 200 ปีที่ชาวพม่าไม่มีวันลืมเลือน
แต่อังกฤษนั้นเป็นพวกเจ้าเล่ห์ทางการเมือง ดังนั้นแม้จะยอมให้เอกราชแก่พม่าก็ยังวางหมากวางกลและระบบการปกครองต่างๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งจนถึงปัจจุบันนี้ ในวิธีการและลีลาแบบเดียวกับที่ใช้กับฮ่องกงหวังจะฟื้นอำนาจในฮ่องกงครั้งใหม่และใช้เป็นโอกาสในการบ่อนทำลายประเทศจีนไปในตัว
เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนั้นเกิดขึ้นพร้อมกันใน3 ประเทศ คือฮ่องกง พม่า และไทย ซึ่งฮ่องกงนั้นรัฐบาลจีนรู้เท่าทันและใช้กฎหมายความมั่นคงเข้าจัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนฮ่องกงกลับสู่ปกติสุขจนกระทั่งทุกวันนี้
สำหรับในพม่าปัญหาไม่ได้ง่ายเหมือนฮ่องกง ดังนั้นฝ่ายทหารซึ่งไม่ยอมจำนนต่อการล่าอาณานิคมจึงยึดอำนาจทำให้รัฐบาลออง ซาน ซู จี พ้นจากอำนาจ และด้วยการสนับสนุนจากบรรดานักล่าอาณานิคมทั้งหลายจึงเกิดเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นในพม่า
แน่นอนว่าบรรดาประเทศนักล่าอาณานิคมทั้งหลาย โดยเฉพาะสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลียและพรรคพวกก็ได้ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านทำสงครามกับรัฐบาลพม่า ในขณะที่พันธมิตรของพม่า ประกอบด้วยรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือก็ร่วมด้วยช่วยกันเข้าช่วยพม่า จึงเกิดเป็นความขัดแย้งที่ขยายตัวออกไป และเป็นจุดล่อแหลมที่สุดของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่ความขัดแย้งกำลังจะระเบิดเป็นสงครามขยายวง กระทั่งอาจเกิดเป็นสงครามไทย-พม่า
ดังนั้นนายโคเด็กว่าที่ทูตสหรัฐจึงได้ประกาศภารกิจตั้งแต่ต้นว่าจะมาทำหน้าที่เพื่อให้ไทยลดการซื้อแก๊สจากพม่าและร่วมกันกดดันรัฐบาลพม่า แต่ที่ไม่พูดกันก็คือการสนับสนุนด้านกำลังคนและยุทโธปกรณ์ต่างๆ กระทั่งอาจทำให้ความขัดแย้งขยายตัวกลายเป็นสงครามไทย-พม่า และเมื่อนั้นประเทศไทยที่สงบสุขและสวยงามก็จะกลายเป็นสนามรบ
ดังนั้นประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจึงต้องรู้เท่าทันและร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเพื่อไม่ให้ประเทศไทยจมปลักและเข้าสู่ความขัดแย้งและสงครามให้จงได้ ตื่นเถิดพี่น้องไทย อย่าให้ชีวิตสูญเปล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี