วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นับเป็นเวลาครบ 8 ปี ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 180 วรรคสี่ “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง” และมาตรา 264
แน่นอนประเด็นนี้ “นักเลือกตั้ง – สัมภเวสี –นักการเมืองชังชาติ”น่าจะไม่ปล่อยให้ “นาทีพิฆาตลุงตู่”หลุดลอยไป คงยื่นเรื่องให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ”พิจารณาในประเด็นนี้ และหากว่า “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”พิพากษาออกมาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เท่ากับขาดคุณสมบัติ แต่หากว่าศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นตรงกันข้าม ก็ต้องพิจารณาว่า ดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ... ได้ถึงเมื่อใด
แม้วันนี้ “ลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”จะยังคงอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารประเทศ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และเหมือนว่า จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้นในปี 2566 ซึ่งยังไม่สามารถล่วงรู้กติกาด้วยซ้ำ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง ตั้งพรรคเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้ศึกษาพิจารณากันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ “พรรคเพื่อไทย”ที่มีชื่อของ “อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” เป็นตัวแทน “ระบอบทักษิณ”ในการลงสนามเลือกตั้งชิงอำนาจรัฐ โดยมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนของ “ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล ของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปี ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่าง 2,500 ตัวอย่างเทคะแนนไปให้คนรุ่นใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคการเมือง เข้ามาเป็นอันดับที่หนึ่งและที่สอง โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นกลุ่ม “Baby Boomer”มาเป็นอันดับสี่ตามหลังกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งอยู่ห่างจากกลุ่มแรกราว 3-4 ช่วงตัว และตามหลังกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจอยู่ราว 1-2 ช่วงตัว
แต่ประเด็นคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อนับจากนี้จนถึงการลงสนามเลือกตั้งจริงไม่ได้มีแค่ แพทองธารชินวัตร จาก พรรคเพื่อไทย, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล หรืออย่าง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” จากพรรคไทยสร้างไทยเท่านั้น ล่าสุด “เสี่ยตุ๋ย – พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อดีตตุลาการ, อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “รวมไทยสร้างชาติ” ก็น่าจับตาไม่ใช่น้อย
“พีระพันธุ์” สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เราเชื่อว่า ชื่อ-ชั้น-คุณสมบัติ-ประวัติ-ผลงาน และวุฒิภาวะ ถึงระดับเป็นผู้นำ “บริหารประเทศ” ได้อย่างแน่นอน และยังมีบุคคลอื่นอีกหลายคนที่มีความสามารถที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองได้
ทว่าที่สำคัญเราเชื่อว่า “พีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ”จะสร้างสังคมใหม่ให้บ้านเมือง “สร้างความเท่าเทียม”ขจัด“ความเหลื่อมล้ำ” ถ้าประชาชนให้โอกาส รับรองจะไม่ผิดหวัง จะเห็นนักการเมืองและพรรคการเมืองรูปแบบใหม่ที่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาเพื่อสร้างโอกาสตักตวงผลประโยชน์ของตนเองครอบครัวและพวกพ้องอย่างอดีตที่ผ่านมา

อนุสรณ์ จับโป๊ะ อนุทิน ปมภาพหลุด ร่วมเฟรม เบน สมิธ ให้ภาพเล่าเรื่อง ทำไมถึงปราบสแกมเมอร์ไม่ได้
เอกนิติ แจงปมร่วมเฟรม เบน สมิธ ย้ำไม่มีอะไรเป็นแค่อาจารย์ในหลักสูตร
ผีจืด เจ๊าค้อนในถิ่นบอลพรีเมียร์ลีก
อนุทิน ชี้วันนี้วันดี พระให้พรมีความสุขความเจริญ ปัดไม่มีแผนเที่ยวช่วงปีใหม่
พีระพันธุ์ ทุบโต๊ะ ค่าไฟต้องเหลือหน่วยละ 3.71 บาท ดึงเงิน ชอร์ตฟอลจาก ปตท ชดเชยประชาชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี