จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นับเป็นเวลาครบ 8 ปี ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 180 วรรคสี่ “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง” และมาตรา 264
แน่นอนประเด็นนี้ “นักเลือกตั้ง – สัมภเวสี –นักการเมืองชังชาติ”น่าจะไม่ปล่อยให้ “นาทีพิฆาตลุงตู่”หลุดลอยไป คงยื่นเรื่องให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ”พิจารณาในประเด็นนี้ และหากว่า “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”พิพากษาออกมาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เท่ากับขาดคุณสมบัติ แต่หากว่าศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นตรงกันข้าม ก็ต้องพิจารณาว่า ดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ... ได้ถึงเมื่อใด
แม้วันนี้ “ลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”จะยังคงอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารประเทศ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และเหมือนว่า จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้นในปี 2566 ซึ่งยังไม่สามารถล่วงรู้กติกาด้วยซ้ำ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง ตั้งพรรคเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้ศึกษาพิจารณากันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของ “พรรคเพื่อไทย”ที่มีชื่อของ “อุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” เป็นตัวแทน “ระบอบทักษิณ”ในการลงสนามเลือกตั้งชิงอำนาจรัฐ โดยมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนของ “ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล ของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์” ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปี ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่าง 2,500 ตัวอย่างเทคะแนนไปให้คนรุ่นใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคการเมือง เข้ามาเป็นอันดับที่หนึ่งและที่สอง โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นกลุ่ม “Baby Boomer”มาเป็นอันดับสี่ตามหลังกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งอยู่ห่างจากกลุ่มแรกราว 3-4 ช่วงตัว และตามหลังกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจอยู่ราว 1-2 ช่วงตัว
แต่ประเด็นคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อนับจากนี้จนถึงการลงสนามเลือกตั้งจริงไม่ได้มีแค่ แพทองธารชินวัตร จาก พรรคเพื่อไทย, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล หรืออย่าง “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” จากพรรคไทยสร้างไทยเท่านั้น ล่าสุด “เสี่ยตุ๋ย – พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อดีตตุลาการ, อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “รวมไทยสร้างชาติ” ก็น่าจับตาไม่ใช่น้อย
“พีระพันธุ์” สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เราเชื่อว่า ชื่อ-ชั้น-คุณสมบัติ-ประวัติ-ผลงาน และวุฒิภาวะ ถึงระดับเป็นผู้นำ “บริหารประเทศ” ได้อย่างแน่นอน และยังมีบุคคลอื่นอีกหลายคนที่มีความสามารถที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองได้
ทว่าที่สำคัญเราเชื่อว่า “พีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ”จะสร้างสังคมใหม่ให้บ้านเมือง “สร้างความเท่าเทียม”ขจัด“ความเหลื่อมล้ำ” ถ้าประชาชนให้โอกาส รับรองจะไม่ผิดหวัง จะเห็นนักการเมืองและพรรคการเมืองรูปแบบใหม่ที่ทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่นักการเมืองที่เข้ามาเพื่อสร้างโอกาสตักตวงผลประโยชน์ของตนเองครอบครัวและพวกพ้องอย่างอดีตที่ผ่านมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี