การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ ด้านหนึ่งได้นำความโศกเศร้าอาลัยมาสู่ชาวอังกฤษ แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้ปรากฏเรื่องราวที่อัปยศอดสูชนิดที่ไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน
โดยเฉพาะในงานพระราชพิธีนั้นมีเรื่องราวที่ไม่สมควรเกิดแต่กลับเกิดขึ้น จนทำลายภาพลักษณ์ของราชสำนักอังกฤษชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการที่คนบางคนพยายามเย้ยหยันว่าองค์พระประมุขของประเทศไทยไม่ได้เสด็จฯไปทรงร่วมงานนั้น เมื่องานผ่านไปแล้วก็ต้องแซ่ซ้องสาธุการว่าการที่ไม่เสด็จฯไปในครั้งนี้เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีของประเทศชาติชนิดคาดไม่ถึงเหมือนกัน
มิฉะนั้นอาจจะเสื่อมเสียพระเกียรติเหมือนกับประมุขประเทศต่างๆ แม้กระทั่งประธานาธิบดีไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกาก็ต้องได้รับความอัปยศอดสูจนเป็นที่เย้ยหยันของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและประชาชนจำนวนมากในโลกด้วย
ว่ากันเฉพาะในการพิธีนั้นก่อน บรรดาประมุขประเทศต่างๆ ที่ได้ไปร่วมงานต่างได้รับความอัปยศและเสื่อมเสียเกียรติโดยถ้วนหน้ากัน เพราะได้รับการต้อนรับดูแลประหนึ่งว่าไปขอพึ่งใบบุญ หรือไปอาศัยงานนั้นแสดงเกียรติยศของตนก็ไม่ปาน
ประมุขประเทศต่างๆ ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ไม่มีขบวนเกียรติยศ แม้กระทั่งรถนำขบวน โดยทุกคนถูกต้อนให้ไปนั่งรถบัสเหมือนกับที่คนไทยนั่งรถเมล์ประจำทางก็ไม่ปาน ลองนึกภาพดูเถิด อย่าว่าแต่ประมุขของรัฐเลย เอาแค่อธิบดีสักกรมหนึ่งหากต้องถูกเกณฑ์ให้ไปนั่งรถบัสแบบนั้นจะรู้สึกกันอย่างไร
แม้ในงานพิธีต่างๆ บรรดาประมุขประเทศทั้งหลายก็ไปยืนกันหน้าสลอน ไม่มีสิทธิ์มีส่วนใดๆสู้กองเกียรติยศก็ยังไม่ได้ ดังนั้นที่สื่อมวลชนบางคนบางประเทศแสดงความรู้สึกว่าประมุขเหล่านั้นได้ถูกลดฐานะไปเป็นเพียงกองเกียรติยศเพื่อเสริมพระเกียรติในงานเท่านั้น
แม้กระทั่งประธานาธิบดีไบเดนซึ่งเป็นประมุขของประเทศที่เรียกตนเองว่าประชาธิปไตย และถือตนเองว่าเป็นผู้นำของชาติมหาอำนาจของโลกก็ถูกด้อยเกียรติยศจนไม่เหลือหลอ ถูกจัดให้ไปยืนอยู่ข้างหลัง ซึ่งไม่สมเกียรติของประมุขประเทศที่เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของโลกเลย
อาจจะมีชาวอังกฤษบางคนคิดว่าการกระทำเช่นนั้นต่อประมุขประเทศต่างๆ เหล่านั้นก็เพื่อให้เป็นไปตามชื่อของประเทศที่เรียกตนเองว่าสหราชอาณาจักร หรือเป็นศูนย์กลางของราชอาณาจักรทั้งหลายในโลก หรือไม่ก็อาจคิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้อังกฤษกลายเป็นผู้นำและโดดเด่นขึ้นในโลก
ช่างไม่คิดเอาเสียเลยว่าอันเกียรติยศทั้งหลายนั้นจะบังเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการยกย่องเชิดชูของคนอื่นมิได้เกิดขึ้นเพราะการข่มเหงหรือกดข่มคนอื่นให้ด้อยกว่าตน แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาอังกฤษไม่เคยถือตนว่ามีความเสมอภาคกับชาติใดๆ ตั้งตนเป็นเจ้าประเทศราช หรือเจ้าอาณานิคม หรือเลอยศเลอศักดิ์ยิ่งกว่าชาติใดในโลก แล้วถือว่าสภาวะเช่นนั้นจะทำให้เป็นที่ยอมรับนับถือเป็นผู้นำของโลก
ดังนั้นงานพระราชพิธีเมื่อผ่านพ้นไปแล้วแทนที่จะมีเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ กลับมีเสียงนินทากึกก้องกระหึ่มไปทั้งโลก เป็นบุญญาธิการของพระเจ้าแผ่นดินของชาวไทยที่ไม่เสด็จฯไปรับความอัปยศเหมือนประมุขประเทศต่างๆ ที่กลับประเทศกันมาแบบหน้าจ๋อยตามๆ กัน
และเวรกรรมก็มีอยู่จริงๆ สิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีจะเกิดขึ้นก็เกิดปรากฏการณ์สองอย่าง ชนิดที่สร้างความอัปยศอดสูให้แก่อังกฤษ ซึ่งถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็ต้องกล่าวว่าแทบแทรกแผ่นดินหนี
เรื่องแรก ก็คือบรรดาเพชรพลอยและเครื่องประดับต่างๆ ในพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเลอหรูเลิศค่า และต้องถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่ ความเด่นชนิดหาใดเปรียบไม่ได้ ได้ถูกประเทศต่างๆ เรียกร้องทวงถามให้อังกฤษส่งทรัพย์สินเหล่านั้นคืนประเทศของตน โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของชาติตัวเองแล้วถูกอังกฤษในยุคล่าอาณานิคมปล้นสะดมไป
เรื่องนี้เป็นเหตุให้สื่อมวลชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศพากันตั้งคำถามว่าอังกฤษนั้นมีราชสำนักหรือเป็นอะไรกันแน่ ซึ่งต้องถือว่าเป็นความอัปยศที่คนไทยทั้งประเทศก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ก่อน
เรื่องที่สอง จะเป็นด้วยเวรกรรมหรือวิบากกรรมอันใดก็ยากที่ใครจะรู้ ปรากฏว่าในงานนั้นมีท่านผู้มีฐานันดรศักดิ์ใหญ่ชั้นเซอร์คนหนึ่งแห่งตระกูลรอธส์ไชลด์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีทั่วโลกว่าเป็นมหาเศรษฐีชาวยิวที่มีบทบาทยิ่งใหญ่ในโลก และมีอำนาจบงการหลายประเทศในโลกนี้ให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าหรือต้องปฏิบัติตาม
ได้ปรากฏภาพท่านเซอร์รอธส์ไชลด์ฉายกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ ซึ่งเพิ่งเสวยราชสมบัติ ในภาพนั้นท่านเซอร์รอธส์ไชลด์ยืนตระหง่านเป็นสง่าอยู่ต่อหน้าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเอามือชี้ไปที่พระอุระของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ประหนึ่งว่าต่อว่าหรือสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏความ แต่เท่าที่สายตาของท่านเซอร์และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ประสบกันนั้น ภาษากายก็ชัดเจนว่าฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งหรือต่อว่าต่อขาน และอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นผู้รับคำสั่งหรือถูกต่อว่าต่อขาน
ภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยมีคำบรรยายสั้นๆ ว่าภาพเดียวนี้แทนถ้อยคำนับพันคำแต่จะเป็นพันคำของการสรรเสริญพระเกียรติหรือย่ำยีพระเกียรติก็ต้องไปดูและทำความรู้สึกกันเอาเอง
ดังนั้นประเทศไทยของเราจึงต้องถือว่าเป็นประเทศที่มีบุญ ที่จะเพราะเหตุผลกลใดก็ไม่มีใครทราบแต่ที่ทราบก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรามิได้เสด็จฯไปในงานนั้นให้เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติเหมือนกับประมุขประเทศทั้งหลายที่ประสบกันมาแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี