เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประณามรัสเซียในการผนวกสี่แคว้นของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซียที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ 3 ใน 4 หรือ 143 จาก 193 ประเทศลงมติเห็นชอบญัตติประณามดังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของรัสเซียนั้นผิดกฎหมาย
มีเพียงรัสเซียและ อีก 4 ประเทศ ที่ค้านมติ ดังกล่าว คือ ซีเรีย นิการากัว เกาหลีเหนือ และ เบลารุส โดย 35 ประเทศ งดออกเสียง อาทิ จีน อินเดีย ลาว ปากีสถาน เวียดนาม และไทย นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นประเทศในแอฟริกา ขณะที่ชาติอาเซียนอื่นๆ อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เห็นด้วยกับมติดังกล่าว
ประเทศต่างๆ ที่ลงมติแล้วก็แล้วกันไป คงเป็นเพราะประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ ถือว่ายูเอ็นเป็นเหมือนเจว็ด เป็นที่เล่นการเมืองเวทีใหญ่ เพื่อได้ด่าใครต่อใครให้เกิดความสะใจ ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ประชุมเสร็จประเทศสมาชิกต่างๆ ก็แยกย้ายกันไปมติส่วนใหญ่ไม่มีสมาชิกชาติใดนำไปปฏิบัติ
ด้านสมรภูมิความขัดแย้ง ก็ใช้กำลังห้ำหั่นกันไปฝ่ายไหนเหนือกว่าก็ยึดครองเอาผลประโยชน์แย่งทรัพยากรมาใช้โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ในกรณีรัสเซียผนวกสี่แคว้นของยูเครน ได้แก่ ลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน ซาโปริซเซีย และ ไครเมีย สำหรับไครเมียนั้น รัสเซียผนวกเข้ามาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งทั้งสี่แคว้นรวมกันแล้วคิดเป็นพื้นที่เกือบ 1 ใน 5 ของยูเครน หลังจากทำสงครามห้ำหั่นกันเจ็ดเดือนกว่า
มูลเหตุของสงครามต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมในการทำสงครามล้างผลาญ ฝ่ายรัสเซียให้เหตุผลว่านาโตละเมิดสัญญาที่ทำไว้ในปี 1990 ว่าจะไม่ขยายอิทธิพลขึ้นไปทางทิศตะวันออกไม่คุกคามรัสเซีย แต่สัญญาของนาโตที่อยู่ภายใต้บงการของสหรัฐเชื่อถือไม่ได้นาโตขยายอิทธิพลขึ้นไปทางตะวันออกปิดล้อมรัสเซีย โดยใช้ยูเครนเป็นรัฐกันชน นาโตภายใต้อิทธิพลของสหรัฐแอบเข้าไปตั้งกองกำลังนาซีใหม่พวกนิยมใช้ความรุนแรง สหรัฐก็อ้างนาโตไปซุกขีปนาวุธไว้ในยูเครนจ่อคอหอยรัสเซีย และหนุนหลังให้ยูเครนสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโต
ที่ร้ายแรงกว่านั้นกองกำลังนาซีใหม่ที่เรียกว่ากองทัพอาซาฟ กวาดล้างคนเชื้อสายรัสเซีย ที่กองกำลังนาซีใหม่ซึ่งอเมริกันไปสร้างไว้ว่ากันว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเชื้อสายรัสเซียตายไปกว่า 150,000 คน
เมื่อนาโตผิดสัญญา ที่ว่าไม่ขยายอิทธิพลขึ้นไปทางตะวันออก และกองกำลังนาซีใหม่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเชื้อสายรัสเซีย จึงเป็นฟางชิ้นสุดท้ายที่ ทำให้ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน เปิดฉากปฏิบัติการทหารพิเศษในยูเครนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตลูฮันสก์และโดเนตสก์ที่มีคนเชื้อสายรัสเซียตั้งรกรากอยู่มาก และสองเขตนี้แยกจากยูเครนออกมาเป็นรัฐอิสระซึ่งรัสเซียและบางประเทศรับรองแล้ว
ปฏิบัติการทหารของรัสเซียใช้เวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ ก็สามารถทำลายกองทัพยูเครนเกือบล่มสลาย แต่สหรัฐผู้ถนัดสงครามน้ำลายออกข่าวสร้างกระแสว่า รัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำไปต่อไม่ได้ เรียกร้องให้สมาชิกนาโต และชาติตะวันตกส่งกำลังคน ส่งอาวุธเข้าไปช่วยยูเครนทำลายกองทัพรัสเซียให้สิ้นซาก
ธรรมชาติของฝรั่งหัวแดงหัวขาวหัวดำ ที่ทำตัวเหมือนม้าถูกครอบตาไม่เหลียวซ้ายแลขวา หลงเชื่อปฏิบัติการข่าวของสหรัฐ ต่างก็โหมส่งอาวุธ ส่งทหารรับจ้างเข้าไปช่วยรบยูเครน รัสเซียเลยจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบทำให้ยูเครน พังพินาศวอดวาย
สี่แคว้นที่รัสเซียยึดครองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว รัสเซียก็จัดแจงให้ประชาชนลงประชามติว่า จะอยู่กับยูเครนต่อไป หรือให้สี่แคว้นเหล่านี้ผนวกเข้าเป็นรัสเซีย
ปรากฏว่า ผลประชามติ 90% ของคนในแคว้นเหล่านี้ต้องการย้ายไปอยู่กับ บุรุษเหล็กปูติน มากกว่าอยู่กับดาราตลกทีวีนายเซเลนสกี ที่หนีไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านแล้วจัดฉากไลฟ์สดว่า “ยูเครนต้องชนะ ยูเครนต้องชนะ ยูเครนต้องชนะ เหมือนผู้ว่าฯเมืองไทยที่ไลฟ์สด ทำงาน ทำงาน ทำงาน
ฝ่ายลูกพี่ใหญ่สหรัฐอเมริกา ก็บ้าสงครามน้ำลายเอะอะก็คว่ำบาตรเอะอะประณาม และเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม อเมริกันก็สมอารมณ์หมาย เมื่อ 143 ประเทศประณามรัสเซีย ที่ผนวกสี่แคว้นของยูเครนเข้าไป มีเพียง 5 ประเทศ ได้คัดค้านการประณามและ 35 ประเทศ “งดออกเสียง” ในจำนวนผู้งดออกเสียงมีประเทศไทย รวมอยู่ด้วย
แต่การงดเสียงของไทย ไม่ใช่งดออกเสียงแล้วก็แล้วกันไป อย่าลืมว่า นักการทูตไทยมีปฏิภาณไหวพริบมีลวดลายมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์และสืบสานไหวพริบปฏิภาณมาจนบัดนี้
ประเด็นสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน “ไทย” มองออกว่า ตะวันตกและอเมริกากำลังเข้าตาจน
เพราะรัสเซีย ทำตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ คือใช้พลังงานแก๊สกับน้ำมันตลอดถึงพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นอาวุธร้าย ส่วนอเมริกาบ้าน้ำลายเอาแต่ด่าประณาม จนชาวยุโรปกำลังจะอดตายกำลังจะหนาวตาย ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาลว่ามัวแต่บ้าตามก้นอเมริกาพาให้ประชาชนอดตาย แต่สหรัฐกลับดีใจที่สามารถยุให้สมัชชาใหญ่ประณามรัสเซียได้ดังเป้าหมาย
ในส่วนประเทศไทยที่ใช้นโยบายทางทูตแบบนิทานโคนันทวิศาลออกแถลงการณ์ทันควันว่า #งดออกเสียงญัตติประณามรัสเซียเพราะอะไร ในเบื้องต้นของแถลงการณ์ประเทศไทยใช้คำหวานว่า
...“ในฐานะประเทศเล็กที่มีอธิปไตย ประเทศไทยเคารพยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายสากลเป็นสรณะ เพราะว่านั่นเป็นปราการแรกและปราการสุดท้ายที่ปกป้องอธิปไตยของชาติสมาชิก
ไว้ได้ เรามีความมั่นคงแน่วแน่ในการเคารพหลักการ และกฎบัตรสหประชาชาติ มีนโยบายมั่นคงในเรื่องคัดค้านการคุกคามหรือใช้กำลังรุกรานรัฐอธิปไตย หรือเข้ายึดครองรัฐอธิปไตยอื่น โดยการใช้กำลังและปราศจากการยั่วยุ….
....อย่างไรก็ตามประเทศไทยเลือกงดออกเสียงการลงมติในญัตตินี้ (ญัตติประณามรัสเซีย) เพราะเหตุว่าญัตติดังกล่าวเกิดในขณะที่สถานการณ์และอารมณ์กำลังผันผวน ข้อกล่าวหาอย่างรุนแรงในท่ามกลางบรรยากาศและสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ลดทอนโอกาสใช้วิถีทางการทูตในการแก้วิกฤต พิธีการทูตซึ่งจะนำมาซึ่งสันติภาพ และการเจราจาปรองดองบนพื้นฐานความเป็นจริง #การขัดแย้งอาจผลักดันให้โลกเข้าใกล้ปากเหวของสงครามนิวเคลียร์ และเศรษฐกิจโลกล่มสลาย#.....
....เรามีความกังวลอย่างจริงจังในการขัดแย้งทางการเมืองโลก ที่การยั่วยุได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นสิ่งไม่สร้างสรรค์ในการแสวงหาสันติภาพ ยุติสงคราม และการไม่ประนีประนอมอาจบั่นทอนโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใหญ่หลวง... ประเทศไทยแสดงความเมตตาในการทำสงครามทางกายภาพ สังคม และ มนุษยชน สงสารชาวยูเครนที่ถูกทำลายสุดจะอดทนต้านทานได้ ดังนั้นจึงเห็นว่า มันจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายเกี่ยวข้องหรือผู้ที่มีผลได้ผลเสียจากโศกนาฏกรรมในยูเครน ให้ลดทอนความตึงเครียด ลดความรุนแรง และแสวงหาลู่ทางสันติภาพ แก้ปัญหาความขัดแย้ง ความแตกต่างจากความเป็นจริงและปฏิบัติได้..”
และในวรรคสุดท้ายสุดท้ายแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศไทยสรุปว่า “ความรุนแรงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่การใช้กลไกทางการทูตเท่านั้นที่นำสันติภาพยั่งยืนมาสู่โลกได้... ขอบคุณ” (ครั้งเดียว ไม่ใช่ Thanks You tree times เหมือนอดีตนายกฯหญิง)
ผู้เขียนอาจถอดความแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศไทย ที่ใช้ภาษาทางการทูตอันแยบยลสละสลวยได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น
แต่เนื้อใหญ่ความสรุปได้ว่าประเทศไทยใช้ความแยบยลทางด้านการทูต เคาะกะโหลกอเมริกันได้แสบสันต์
มาก ราวกับบอกกันตรงๆ ว่า”การประณามด่าว่าประจานนั้นมันไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาของอารยชน ในทางตรงกันข้ามการประณามในขณะที่ฝ่ายตนกำลังเพลี่ยงพล้ำก็เหมือนกับคำที่พระท่านพูดว่า “โกรธคือบ้า ด่าคือโง่”
และแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศไทยตอนหนึ่งได้สอนอเมริกาว่า“ให้ใช้วิธีเจรจาจากพื้นฐานความเป็นจริง”เป็นการเตือนสหรัฐให้เลิกหลอกตัวเองและนาโตว่ายูเครนยังต่อกรกับรัสเซียได้หากนาโตส่งอาวุธและกำลังคนเพิ่มเติมเข้าไป เพราะในสภาพความเป็นจริงยูเครนล่มสลายไปตั้งแต่เดือนแรกของสงครามแล้ว
นายเซเลนสกีเอง ก็หนีออกนอกประเทศไปสร้างสตูดิโอถ่ายทำสร้างภาพว่ายังอยู่ในยูเครนยังสู้ได้ มาจากประเทศเพื่อนบ้านมานานแล้ว อย่าว่าแต่ ประธานาธิบดี ปูติน ซึ่งเป็น เคจีบี เป็นสายลับจารชนมาตลอดชีวิตเลย คนเลี้ยงวัวอยู่ชายทะเลหลังสวนก็ดูออกว่ายูเครนนั้นหากเปรียบเป็นคนป่วยก็อาการโคม่า สหรัฐอเมริกาถอดท่อออกซิเจนออกมาเมื่อไหร่ก็สิ้นลมหายใจนาทีนั้น
จึงได้บอกว่า แถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศไทยหลักแหลมมากที่ให้เหตุผลว่า “งดออกเสียงประณามรัสเซียเพราะญัตติของอเมริกาเป็นการยั่วยุท้าทายให้รัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ และผู้รับกรรมคือยูเครน กับยุโรปไม่ใช่สหรัฐอเมริกาที่อยู่ไกลออกไปและมีหัวรบนิวเคลียร์มากพอต่อกรกับรัสเซียได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี