กี่รัฐบาลที่คุยโม้ว่าเก่งนักเก่งหนา ไม่เคยฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯได้สำเร็จ
มาทำสำเร็จ ก็ด้วยฝีมือ ความตั้งใจ และจริงใจของนายกฯ พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ทำให้ซาอุฯ ฟื้นสัมพันธ์กับประเทศไทย ตามมาด้วยผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและธุรกิจการลงทุนต่างๆ ที่กำลังไหลหลั่งตามมาในขณะนี้
หลังจากการเยือนซาอุฯ ของนายกฯ ลุงตู่ ที่เป็นข่าวสะท้านสะเทือนไปทั่วโลก ในช่วงประชุมเอเปก ท่านมกุฎราชกุมาร นายกฯ ซาอุฯ ก็จะเสด็จฯมาเยือนไทยด้วยตนเองบ้าง
เป็นสัญญาณบวกดีเยี่ยม
หลายประเทศอิจฉา
มหาอำนาจบางชาติได้ตระหนักแล้วว่า ไทยไม่ใช่หมูในอวย
คนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่า ถึงตอนนี้ ไทยกับซาอุฯ เริ่มสานสัมพันธ์ทางธุรกิจการค้าระหว่างกันไปแล้วไม่น้อย
ล่าสุด เอาเฉพาะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้แทนภาคเอกชน ปรากฏข้อมูลที่น่าสนใจบางส่วน สรุปดังนี้
1. การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ของซาอุดีอาระเบีย
(ได้แก่ กระทรวงสื่อสารมวลชน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรแร่ธาตุ กระทรวงแรงงานและการพัฒนาสังคม และกระทรวงการท่องเที่ยว)
(1) การจัดทำเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) กับกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC)
ไทยขอรับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบียในการจัดทำ FTA กับกลุ่ม GCC ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งซาอุดีอาระเบียยินดีที่จะให้การสนับสนุน และจะช่วยประสานงานกับประเทศสมาชิกเพื่อผลักดันให้เกิดการจัดทำ FTA ไทย-GCC
(2) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-ซาอุดีอาระเบีย (Joint Trade Committee : JTC)
ไทยเสนอการจัดตั้ง JTC ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งซาอุดีอาระเบียตอบรับข้อเสนอดังกล่าวและได้สั่งการให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียเริ่มหารือกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศโดยเร็วเพื่อเร่งจัดทำบันทึกความร่วมมือในการจัดตั้ง JTC ไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยคาดว่าการจัดตั้ง JTC ไทย-ซาอุดีอาระเบีย จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565
(3) การส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายใต้ Saudi Vision 2030
ไทยยินดีให้การสนับสนุนซาอุดีอาระเบียทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการให้บริการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ซาอุดีอาระเบียสามารถบรรลุเป้าหมายพัฒนาประเทศภายใต้ Saudi Vision 2030
ไทยขอให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียเป็นแหล่งความมั่นคงด้านพลังงานให้กับไทย และไทยจะเป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารให้กับซาอุดีอาระเบีย
(4) การขอวีซ่าให้กับภาคเอกชนไทย
ปัจจุบันเอกชนไทยจำเป็นต้องใช้หนังสือเชิญจากบริษัทคู่ค้าของซาอุดีอาระเบียเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาวีซ่า ส่งผลให้การเดินทางไปเจรจาธุรกิจที่ซาอุดีอาระเบียมีความล่าช้า ดังนั้น ไทยได้เสนอให้ซาอุดีอาระเบียพิจารณาวีซ่าของนักธุรกิจไทยจากหนังสือรับรองของหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แห่งซาอุดีอาระเบียได้สั่งการให้ฝ่ายซาอุดีอาระเบียรีบดำเนินการตามที่ฝ่ายไทยเสนอโดยเร็ว
2. การหารือกับประธานองค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย (Saudi Food and Drug Authority : SFDA)
(1) การแก้ไขปัญหาการส่งออกไก่แปรรูปและการทำความเข้าใจกับโรงงานไทย
ปัจจุบันโรงงานไทยที่ผ่านการรับรองจาก SFDA จำนวน 11 แห่ง เข้าใจว่าสามารถส่งออกได้เพียงแค่ไก่ดิบเท่านั้น ซึ่ง SFDA ชี้แจงว่าอนุญาตให้โรงงานไทยดังกล่าวสามารถส่งออกไก่แปรรูปและไก่ปรุงสุกมายังซาอุดีอาระเบียได้แล้ว ซึ่งไทยจะประสานกับโรงงานไทยดังกล่าวต่อไป
(2) การเร่งรัดการขึ้นทะเบียนโรงงานไก่เพิ่มเติมอีก 28 โรงงาน
กรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากโรงงานที่ขอขึ้นทะเบียนตามที่ SFDA ขอเพิ่มเติม โดยไทยจะขอให้กรมปศุสัตว์เร่งรวบรวมและจัดส่งข้อมูลให้กับ SFDA และขอให้ SFDA เร่งตรวจสอบโรงงานหลังจากที่ได้รับข้อมูลจากกรมปศุสัตว์แล้ว
(3) การสนับสนุนให้ซาอุดีอาระเบียนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ เช่น โค และผลิตภัณฑ์เนื้อแพะจากไทย
SFDA พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายไทย โดยจะมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยโดยเร็ว นอกจากนี้ ไทยมีแผนเชิญนักธุรกิจซาอุดีอาระเบียร่วมลงทุนโรงงานผลิตเนื้อสัตว์ที่ไทยเพื่อให้การส่งออกเนื้อสัตว์ไปซาอุดีอาระเบีย มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
(4) ความร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนาสินค้าฮาลาล
SFDA แจ้งว่า Islamic University of Madinah ประสงค์ร่วมมือ ทางวิชาการกับไทยเพื่อพัฒนาสินค้าฮาลาลของไทยให้ตรงมาตรฐานของซาอุดีอาระเบีย โดยฝ่ายไทยจะประสานศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการดำเนินการต่อไป
3. การหารือกับประธานสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย พร้อมผู้แทนภาคเอกชนไทย
ซาอุดีอาระเบียกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาประเทศตาม Saudi Vision 2030 ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการนักธุรกิจจากทั่วโลกเข้ามาลงทุน และได้เชิญนักธุรกิจไทยให้เข้าร่วมการลงทุนดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เชิญนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบียเข้ามาลงทุนในไทยเช่นเดียวกัน
4. การหารือกับประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท Saudi Basic Industries Corporation (SABIC)
ซาอุดีอาระเบียประสงค์ให้ความช่วยเหลือไทยไม่ให้ขาดแคลนปุ๋ย ซึ่งบริษัท SABIC เป็นบริษัทผลิตปุ๋ยของซาอุดีอาระเบียยินดีช่วยเหลือในประเด็นดังกล่าว โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ให้โควตาบริษัท SABIC ส่งออก
ปุ๋ยมายังไทยเพิ่มขึ้น และอนุญาตให้บริษัท MA’ADEN (มาเดน) เจรจาขายปุ๋ยกับไทยด้วย
5. การลงนามความร่วมมือและการเจรจาธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย ดังนี้
(1) การลงนามความตกลงจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบียระหว่างคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน กับสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนให้เกิดมูลค่าการค้าระหว่างกัน 10,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี
(2) การลงนามความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย จำนวน 10 คู่ จากหลากหลายกลุ่มสินค้า เช่น อาหาร อาหารสัตว์เลี้ยง และชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 1,000 ล้านบาท
(3) การเจรจาธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจซาอุดีอาระเบียทำให้สร้างมูลค่าการสั่งซื้อทันทีประมาณ 440 ล้านบาท และมีมูลค่าการสั่งซื้อ ภายใน1 ปี ประมาณ 2,070 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจ เช่น อาหารกระป๋อง เครื่องดื่ม และข้าว
ฯลฯ
ทั้งหมด สะท้อนว่า ดอกผลของการทำงานการต่าประเทศ สานสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ในยุครัฐบาลลุงตู่ กำลังผลิดอกออกผล การค้าขาย การลงทุน ความร่วมมือในหลากมิติกำลังจะตามมาอีกลอตมหึมา
ดีใจกับประเทศไทย
และสมเพชนักการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวบางจำพวกที่เอาแต่ปั่นกระแสด้อยค่าผู้นำรัฐบาล หวังแย่งชิงอำนาจให้พรรคพวกตัวเองโดยไม่ลืมหูลืมตาดูผลสำเร็จที่จะเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกภาคส่วน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี