คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เป็นคณะกรรมการหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรับผิดชอบด้านการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน โดยทำงานติดตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ การกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของ กนง. จะพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่ ธปท. นำเสนอให้ทราบ จากนั้นจะนำข้อมูลดังกล่าวไปกลั่นกรองพิจารณาในที่ประชุม เพื่อกำหนดทิศทางของนโยบายการเงินของชาติ
คณะกรรมการนโยบายการเงินตั้งขึ้นภายใต้ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย 2551 ซึ่ง อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงินคือทำหน้าที่กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินของประเทศ โดยคำนึงถึงแนวนโยบายแห่งรัฐ สภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และกำหนดนโยบายการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราภายใต้ระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงินแถลงผลการประชุมว่าคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นแรงส่งสำคัญและช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานแต่จะยังคงโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566 เห็นว่าการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังกล่าว
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% 3.7% และ 3.9% ในปี 2565, 2566 และ 2567 ตามลำดับ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังใกล้เคียงเดิมหรือดีขึ้น
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ที่ 6.3%, 3.0% และ 2.1% ในปี 2565, 2566 และ 2567 ตามลำดับ ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนโดยรวมปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลาย ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่โดยรวมยังเอื้อต่อการระดมทุนของประเทศ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐของไทยล่าสุดเงินบาทแข็งขึ้นแล้วในวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ค่าเงินอยู่ที่ 34.82 บาทแล้วราคาต่ำกว่า 35 บาท แสดงว่าค่าเงินดอลลาร์ไม่สามารถกดดันเงินบาทไทยได้แล้วและชูให้เห็นภาพว่าเงินบาทกำลังพุ่งเป็นสกุลเงินของอาเซียน 10 ประเทศเหนือกว่าเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศทั้ง มาเลเซีย, สปป.ลาว, กัมพูชา, เวียดนามและเมียนมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดียิ่งชนิดเหนือชั้นของจริง
เพราะฉะนั้นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่อิงระบอบการเมืองเศรษฐกิจตะวันตก รวมไปท่านทั้งหลายต้องนำกลับไปทบทวนใหม่ว่า แผนยึดอำนาจการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2566 นั้นใครจะชนะเลือกตั้ง ในเมื่อกลุ่มเจ้าสัวใหญ่ๆ ส่วนมากร้อยละ 80 ยังสนับสนุนรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่อย่างเหนียวแน่นสุดๆ นำพาประเทศไปสู่คำขวัญที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี