วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เป็นคณะกรรมการหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรับผิดชอบด้านการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน โดยทำงานติดตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ การกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของ กนง. จะพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่ ธปท. นำเสนอให้ทราบ จากนั้นจะนำข้อมูลดังกล่าวไปกลั่นกรองพิจารณาในที่ประชุม เพื่อกำหนดทิศทางของนโยบายการเงินของชาติ
คณะกรรมการนโยบายการเงินตั้งขึ้นภายใต้ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย 2551 ซึ่ง อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงินคือทำหน้าที่กำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินของประเทศ โดยคำนึงถึงแนวนโยบายแห่งรัฐ สภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และกำหนดนโยบายการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราภายใต้ระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงินแถลงผลการประชุมว่าคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นแรงส่งสำคัญและช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนจากราคาพลังงานแต่จะยังคงโน้มลดลงและกลับสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566 เห็นว่าการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังกล่าว
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% 3.7% และ 3.9% ในปี 2565, 2566 และ 2567 ตามลำดับ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังใกล้เคียงเดิมหรือดีขึ้น
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ที่ 6.3%, 3.0% และ 2.1% ในปี 2565, 2566 และ 2567 ตามลำดับ ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนโดยรวมปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลาย ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนทยอยปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่โดยรวมยังเอื้อต่อการระดมทุนของประเทศ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐของไทยล่าสุดเงินบาทแข็งขึ้นแล้วในวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ค่าเงินอยู่ที่ 34.82 บาทแล้วราคาต่ำกว่า 35 บาท แสดงว่าค่าเงินดอลลาร์ไม่สามารถกดดันเงินบาทไทยได้แล้วและชูให้เห็นภาพว่าเงินบาทกำลังพุ่งเป็นสกุลเงินของอาเซียน 10 ประเทศเหนือกว่าเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศทั้ง มาเลเซีย, สปป.ลาว, กัมพูชา, เวียดนามและเมียนมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดียิ่งชนิดเหนือชั้นของจริง
เพราะฉะนั้นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่อิงระบอบการเมืองเศรษฐกิจตะวันตก รวมไปท่านทั้งหลายต้องนำกลับไปทบทวนใหม่ว่า แผนยึดอำนาจการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2566 นั้นใครจะชนะเลือกตั้ง ในเมื่อกลุ่มเจ้าสัวใหญ่ๆ ส่วนมากร้อยละ 80 ยังสนับสนุนรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่อย่างเหนียวแน่นสุดๆ นำพาประเทศไปสู่คำขวัญที่ว่า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ช่างทำผ้าบาติก ปรับสีผ้าขาวดำ'ลายช่อดอกศรีตรัง' ถวายความอาลัย'พระพันปีหลวง'
อยากอวดแฟนสาว! เช่าชุดตำรวจเต็มยศ เซอร์ไพรส์งานรับปริญญา สุดท้ายเจอข้อหา
'ไอซ์ รักชนก'ฉะกลับ'แขก คำผกา' บอกสงสาร เป็นคนมีความสามารถ อยู่ที่อื่นคงก้าวหน้ากว่านี้
พสกนิกรในโครงการศิลปาชีพ'นาตาดนาโปร่ง' จัดพิธีอาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง
ของขวัญล้ำค่า! 'เจมส์ เรืองศักดิ์'ประกาศข่าวดีภรรยาตั้งท้องลูกคนที่ 2

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี