นับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญขึ้นใช้เป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้ย่อมกล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหามากที่สุด และเป็นต้นเหตุให้เกิดเวรกรรมและความเดือดร้อนทุกข์เข็ญ ตลอดจนวิกฤตต่างๆ ในบ้านเมืองมากที่สุด
มีเสียงตำหนิติเตียนในทุกรูปแบบมากที่สุด รวมทั้งการสาปแช่งผู้ที่เป็นแกนหลักในการที่ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้มากที่สุด จนทำให้ผู้เกี่ยวข้องเหล่านั้นต้องหายหน้าหายตาไปจากสังคม ซึ่งตัวของตัวเองย่อมรู้ดีกว่าใครว่าได้ทำอะไรไว้กับบ้านเมือง และเสียงก่นด่าสาปแช่งนั้นจะยังคงกึกก้องไปอีกนานเท่านาน
ควรจะเป็นข้อสังวรว่าใครก็ตามที่จะมีโอกาสมาร่างรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต ควรจะได้ถือเป็นบทเรียนว่าอย่าสร้างเวรสร้างกรรมให้กับบ้านเมืองและประชาชนอีกต่อไปเลยและจะหาทางแก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิกเพิกถอนกันอย่างไรจึงจะบังเกิดประโยชน์แก่บ้านเมืองมากที่สุด
เพราะเรื่องปัญหาของรัฐธรรมนูญนั้นยังไม่จบ แม้วันใดวันหนึ่งจะถูกยกเลิกเพิกถอนหรือแก้ไขประการใด ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยังจะส่งผลต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง และจะเป็นเรื่องที่จะถูกกล่าวขวัญกันไปตลอดกาลนาน
บทเรียนที่ควรสรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาอะไรบ้าง น่าจะมีดังต่อไปนี้
ประการแรก ว่าด้วยการใหญ่แห่งรัฐธรรมนูญ คือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกชี้ผิดชี้ถูกตลอดมาว่ามิได้เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นรากฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเลย และไม่ใช่เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประชาชนมิได้มีสิทธิ์ มีเสียง มีส่วนอย่างแท้จริงในการได้มาและการใช้อำนาจอธิปไตย โดยเฉพาะการได้มาซึ่งสมาชิกรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีที่มาอย่างไรก็รู้ๆ กันอยู่
ที่สำคัญคือได้มีการลิดรอนกีดกันเบียดบังพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์มิให้ดำรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐอย่างแท้จริง รวมทั้งฐานะจอมทัพไทยด้วย แม้ว่าจะเขียนหลักการเบื้องต้นอย่างสวยหรูแต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นว่าเรื่องราวทั้งหมดจะต้องมาจากรัฐบาล กลายเป็นรัฐบาลมีอำนาจเหนือกว่าอำนาจใดๆ ตามรัฐธรรมนูญนี้
ประการที่สอง หลักการสำคัญคือการถ่วงดุลของอำนาจอธิปไตย โดยเฉพาะระหว่างรัฐสภากับรัฐบาล รัฐสภานั้นประกอบขึ้นจากสองสภาคือสภา
ผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
สภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจทางการทหารในการกำหนดหรือบังคับการสมัครรับเลือกตั้งให้ใครสังกัดพรรคนั้นพรรคนี้ ในการควบคุมบงการการเลือกตั้ง ดังนั้น จึงทำให้การได้มาซึ่งผู้แทนปวงชนมิได้มาจากอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้สภาผู้แทนฯซึ่งควรจะมีอำนาจกำกับควบคุมตรวจสอบรัฐบาลกลายเป็นลูกมือลูกน้องของรัฐบาล
ส่วนวุฒิสภาซึ่งมีหน้าที่กำกับตรวจสอบรัฐบาลและกลั่นกรองงานของสภาผู้แทนราษฎรก็ถูกบิดเบือนให้เป็นลูกน้องของรัฐบาล แต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจและมีความสัมพันธ์ในเชิงอุปถัมภ์กับผู้มีอำนาจ ไม่ได้มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยบริสุทธิ์เลย และที่สำคัญ กลายเป็นลูกมือในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้วกลายเป็นเกราะคุ้มกันให้กับรัฐบาล
ที่สำคัญคือวุฒิสภาในลักษณะนี้มีอำนาจให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระต่างๆ เมื่อวุฒิสภามีลักษณะที่มาเช่นนี้จึงไม่มีทางที่จะได้มา ซึ่งกรรมการองค์กรอิสระตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นจึงมีเสียงติเตียนสาปแช่งถึงความไม่เป็นกลาง ความไม่เป็นอิสระและความอยู่ใต้อาณัติของอำนาจอยู่ตลอดมา
ประการที่สาม บัญญัติวิธีแห่งรัฐธรรมนูญนี้ฝ่าฝืนแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานแนวทางไว้
อย่างโจ่งแจ้ง มิได้ยำเกรงในพระบารมีเลยแม้แต่น้อย คือเป็นรัฐธรรมนูญที่ยาวที่สุด สลับซับซ้อนมากที่สุดวกวนมากที่สุด และไม่มีความชัดเจนมากที่สุดจึงเป็นปัญหาความรู้ความเข้าใจในการทำความเข้าใจกับกฎหมายสูงสุดของประชาชนทั่วประเทศ
อย่าว่าแต่อัตราการศึกษาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับมัธยมปลายเลย ต่อให้ผู้จบการศึกษาชั้นปริญญาเอกก็ยังยากที่จะทำความเข้าใจความหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงเกิดปัญหาโต้เถียงกันในทุกเรื่องที่จะมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญนั้น
ประการที่สี่ การใช้ภาษาในการร่างรัฐธรรมนูญย่ำแย่ที่สุด มีความสับสนและมีความหมายที่เป็นปัญหามากที่สุด และนับตั้งแต่ยังไม่ทันประกาศใช้ก็มีปัญหาต้องตีความรัฐธรรมนูญกันอย่างไม่หยุดหย่อนและแทบทุกเรื่องที่มีปัญหาการบังคับใช้ก็จะเกิดปัญหาโต้เถียงจนต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
แม้กระทั่งวาระการดำรงตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเองก็ยังมีปัญหา จนต้องส่งให้แก่คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัยตีความ ซึ่งเป็นระบบที่น่าขันสิ้นดี
ประการที่ห้า ได้นำเอาเรื่องราวอื่นๆ มากมายที่ไม่มีฐานะเป็นรัฐธรรมนูญหรือควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญจนรกรุงรังเต็มไปหมด และเป็นปัญหาในการแก้ไข ตัวอย่างเช่นมีบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เกี่ยวข้องต่างๆ มากมาย มีบทบัญญัติเกี่ยวกับวิธีการประชุม เกี่ยวกับวิธีการปฏิญาณตน รวมกันแล้วกว่าครึ่งหนึ่งของเนื้อหาแห่งรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นแม้รัฐธรรมนูญนี้จะยังใช้บังคับอยู่ แต่ในความรับรู้ของประชาชนและความเข้าใจของประชาชนหาได้มีเสียงใดสรรเสริญหรือยอมรับนับถืออย่างจริงใจไม่ ลักษณะนี้จึงมีผู้กล่าวว่ารัฐธรรมนูญตายแล้ว
รอวันเวลาที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ว่าโดยวิธีแก้ไขปรับปรุงหรือยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะต้องไม่ให้ซ้ำรอยและก่อให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี