ความเดิม... เมื่อเห็นว่า การแก้ปัญหาสลากแพงเกิน 80 บาทเป็นนโยบายรัฐบาล โดยนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญอย่างมาก
นับตั้งแต่การปราบ 5 เสือกองสลากฯในยุคบิ๊กแดงสู่ยุคที่นายทุนขายสลากผ่านแพลตฟอร์มบางรายกอบโกย ยอดขายกว่า 18,000 ล้านบาทต่อปี ฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.สลากอย่างโจ่งแจ้ง
เข้าลักษณะ “เขียนด้วยมือนายกฯลุงตู่ แต่กำลังถูกใครลบด้วยตีน” สถานีข่าว Top News ได้ติดตามตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง
ชาวบ้าน ผู้บริโภค ผู้ค้ารายย่อย ส่งกำลังใจสนับสนุนล้นหลาม โดยเฉพาะนับล้านคนที่พลาดการลงทะเบียนซื้อสลากจากสนง.สลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 70.40 บาท มองเห็นการสร้างอาณาจักรค้าสลากเกินราคาในโลกออนไลน์ โดยนายทุนแพลตฟอร์มนำเงินนอกระบบกว้านซื้อสลากราคาแพงเกิน 80 บาท งวดละกว่า 13 ล้านใบ เพื่อนำไปขายต่อผ่านแพลตฟอร์มของตน ในราคาสูงขึ้นไปอีก 80+25
ด้วยกลวิธีการตลาด การสร้างภาพลักษณ์นักบุญการโฆษณาชวนเชื่อ ดารา คนดัง อินฟลูฯ ลดแลกแจกแถม รวมเลขชุด เลขดัง เลขสวย ฯลฯ
แสวงหาผลกำไร หากินจากส่วนต่างราคา ทำตัวราวกับอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง
ล่าสุด เมื่อนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่นิ่งดูดาย สั่งการให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน บังคับใช้กฎหมาย เพื่อจัดการสะสางปัญหาการขายสลากเกินราคาผ่านแพลตฟอร์มอย่างเอาจริง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง การตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาในแพลตฟอร์มออนไลน์ จะเป็นอย่างไรต่อไป?
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมล่าสุด จากการทำหน้าที่ตรวจสอบของสถานีข่าว Top News ดังนี้
1. ปัญหาขายสลากกินแบ่งเกินราคา เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา
ส่วนฐานที่อยู่ลึกลงไปใต้น้ำ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาจจะมีการกระทำผิดกฎหมายและอาชญากรรมหลายรูปแบบ
อาทิ การฟอกเงิน การให้สินบน การทุ่มเงินสร้างภาพลักษณ์ การต่อสายการเมืองเพื่อสร้างอิทธิพลอำนาจฉ้อฉลการประสานเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมาย ฯลฯ ล้วนแต่สามารถใช้ประโยชน์จากการขายสลากแพงเกินราคาผ่านแพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้ ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าปล่อยให้ทำได้แบบนี้ ต่อไปพ่อค้ายา นักการเมืองทุจริต นายทุนสีเทา เอาเงินมาให้นอมินีไล่ซื้อสลากจากรายย่อยราคาแพงๆ เพื่อนำไปรวบรวมขายต่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาที่ยังมีกำไร (ราคาเกิน 80 บาท) ก็จะได้รายรับปีละหลายหมื่นล้านบาท ในรูปของค่าขายสลากและค่าบริการ ถือเป็น “เงินสะอาด” แถมยังหว่านเงินโฆษณาสร้างภาพ ติดสินบนสื่อหลายแขนงไปได้ด้วย อย่างนั้นทำได้หรือไม่?
2. ดีเอสไอเรียกสอบผู้บริหารกองสลากพลัส
ล่าสุด ดีเอสไอออกหมายเรียกในฐานะพยาน เนื่องจากได้มีการสอบสวนขยายผล จนพบกลุ่มขบวนการฟอกเงิน และพบว่าเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ได้เชื่อมโยงมายังนายพันธ์ธวัช จำนวนกว่า 42 ล้านบาท (ณ ข้อมูลปัจจุบัน)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญได้ จำนวน 1 ราย และออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้อีก 5 ราย และจากการสอบสวนขยายผลพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ คือ ผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส”
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ทนายความของ“นอท กองสลากพลัส” เดินทางมาที่ศูนย์ราชการ เพื่อขอข้อมูลก่อนว่าพนักงานสอบสวนจะซักถามในประเด็นใดก่อนที่จะเข้าชี้แจงในวันที่ 13 ม.ค.
นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยกล่าวถึงการเชิญ “นอท กองสลากพลัส” (เบื้องต้น ในฐานะพยาน) มาให้ปากคำกับทาง DSI ในวันที่ 13 มกราคมนี้
ระบุว่า เบื้องต้นทางดีเอสไอ พบกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด และพนันออนไลน์ ที่มีพฤติกรรมการฟอกเงิน โดยมีเส้นทางการเงินจำนวนมากมายมหาศาลโอนเข้าบัญชีชื่อตรงของนอท กองสลากพลัส และยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจซึ่งยังไม่ขอเปิดเผย ซึ่งเราได้บูรณาการร่วมกับหลายฝ่ายในการตรวจสอบ จึงต้องมีการเรียกมาสอบปากคำเพื่อให้ชี้แจงว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร
นอกจากนี้ นายไตรยฤทธิ์ยังกล่าวอีกว่า ให้รอรายละเอียดข้อมูลต่างๆ หลังจากนี้ภายในวันที่ 13 มกราคม หลังจาก “นอท กองสลากพลัส” เข้ามาชี้แจงในประเด็นต่างๆส่วนประเด็นที่นอท ระบุว่าอาจจะเป็นเงินที่มาจากการซื้อสลากออนไลน์ในกองสลากพลัสนั้น ก็ให้มาชี้แจง ตนจึงไม่อยากที่จะพูดอะไรออกไปในตอนนี้ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมในการให้เขาได้เข้ามาชี้แจง เรายังมีหลักฐานอื่นผลการสอบปากคำจากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้อยู่ในกระบวนการสอบสวน
สำหรับการตรวจสอบ “นอท กองสลากพลัส” นั้น ทาง DSI ได้มีการดำเนินการตรวจสอบมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้แล้ว แต่อยู่ระหว่างการรอผลบางอย่าง และหลังจากนี้อาจจะมีเจ้าอื่นตามมาอีกด้วย
นอกเหนือจาก “นอท กองสลากพลัส” แล้วยังมีบุคคลอีก 7 คนที่ต้องเรียกเข้ามาสอบในฐานะพยาน โดยจะทยอยเรียกเข้ามาสอบปากคำ ส่วนจะมีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกันอย่างไรนั้น ต้องรอสอบในวันที่ 13 ม.ค. นี้ก่อน ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่มีใครที่จะมาบีบบังคับได้
ด้านผู้บริหารกองสลากพลัส ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับกลุ่มขบวนการฟอกเงิน
3.การตรวจสอบแพลตฟอร์มออนไลน์ในขณะนี้มีหน่วยงานใดบ้าง?
สรรพากร ตรวจภาษี มีรายงานข่าวว่า ตรวจสอบภาษีค้างกว่า 300 ล้านบาท
ดีเอสไอ ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบรับเงินจากขบวนการฟอกเงินยาเสพติดและพนันออนไลน์ หลายสิบล้านบาท
ปปง. ยังไม่ปรากฏว่าได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแพลตฟอร์มใด อย่างไร ตามมูลฐานความผิดใด
สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุมีคดีค้างอยู่ในชั้นศาล แต่ในงวดหลังจากที่ไปตรวจค้นมาแล้ว ปรากฏว่าแพลตฟอร์มอย่าง กองสลากพลัส ยังประกาศขายโจ๋งครึ่ม โดยที่กองสลากฯ ไม่ได้เข้าไปตรวจค้นเพื่อตรวจสอบว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่นำมาขายในแพลตฟอร์มนั้น มีบาร์โค้ดอะไร ต้นขั้วมาจากใคร ผู้ค้าที่ได้สลากไปจากกองสลากฯ ราคา 70.40 บาท นำไปขายให้กองสลากพลัสอย่างไร? ถ้าเจตนาขายให้กองสลากพลัส ก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ เพิกถอนสิทธิ์ แต่ถ้าไม่รู้ก็จะต้องกันไว้เป็นพยาน ว่ามีขบวนการกว้านซื้อสลากโดยปกปิดเจตนาและความมุ่งหมายที่จะนำไปขายเกินราคาผิดกฎหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
พึงพิจารณาว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท”
กรณีศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกกำนันเซี๊ยะ 5 ปี ส่วนหนึ่งก็ด้วยความผิดฐานเป็นอั้งยี่ พฤติการณ์จัดตั้งกลุ่ม “กลุ่มกำนันเซี๊ยะ” หรือ “กลุ่มบ้านใหญ่” มีวัตถุประสงค์ในการตกลงกันเกี่ยวกับการยื่นซองประกวดราคาของหน่วยงานราชการในจังหวัดกาญจนบุรี หากผู้ประกอบการรายใดต้องการได้งานจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกลุ่ม และเสียค่าใช้จ่ายตอบแทนตามเงื่อนไขและจำนวนเงินที่กำหนดให้แก่จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม นั่นคือเป็นกลุ่มที่มุ่งหมายทำผิดกฎหมายการประมูล โดยตั้งกลุ่มขึ้นมาตั้งกติกาหาผลประโยชน์กันเอง
น่าคิดว่า แพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์รายใด หากมีพฤติการณ์กว้านซื้อสลากในราคาแพง เพื่อไปขายต่อผ่านแพลตฟอร์มในราคาแพงกว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวนมหาศาลกว่า 13 ล้านฉบับต่องวด งวดละพันกว่าล้านบาท ตั้งราคากันเอง บวกค่าดำเนินการที่กำหนดเอง ตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินการเอง โดยที่ตนไม่ได้โควตาสลากกินแบ่งจาก สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากฯ) สร้างภาพ ใช้กลวิธีการตลาดเคลือบแฝงจูงใจ สร้างเครือข่ายขึ้นมาดำเนินการ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล โดยปกปิดวิธีดำเนินการและความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างโลโก้คล้ายกองสลากฯ ชื่อเรียกคล้ายกองสลากฯ โดยมีทั้งแหล่งเงินกู้เงินทุนนอกระบบ รวมถึงมีเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับขบวนการฟอกเงิน ฯลฯ
แพลตฟอร์มไหน จะเข้าข่าย “อั้งยี่” หรือไม่?
“อั้งยี่” เป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินอีกด้วย
4. ติดตามต่อไปว่า การกระทำผิดกฎหมายโจ๋งครึ่ม เงินสะพัด ไม่แยแสกฎหมายบ้านเมือง จะจัดการเด็ดขาดหรือไม่?
สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากฯ) ในฐานะผู้เสียหาย จะต้องดำเนินการลงโทษปรับ 10,000 บาท ตาม พ.ร.บ.กองสลากฯ โดยลงโทษรายกรรม
ยกตัวอย่าง แพลตฟอร์มไหน ขายแพงเกิน 80 บาท (แม้จะอ้างมีค่าบริการ) ก็ต้องปรับ 10,000 บาทต่อการขายหนึ่งครั้ง หรือสลากหนึ่งฉบับ (ไม่ใช่ปรับแค่งวดละ 10,000 บาท)
หากงวดนี้ แพลตฟอร์มขายให้ลูกค้าไป 5 ล้านราย 5 ล้านครั้ง ก็ต้องปรับครั้งละ 10,000 บาท เป็นต้น
หรือปรับ 10,000 บาท ต่อสลากที่ขายเกินราคาหนึ่งฉบับ เป็นต้น
มิฉะนั้น ย่อมเกิดครหาได้ว่า ยอมอ่อนข้อให้เอกชนแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะกองสลากฯ ได้ชี้ชัดเองว่า การขายสลากผ่านแพลตฟอร์มเอกชนเกิน 80 บาท หรือขายอ้างมีค่าบริการเกิน 80 บาท ล้วนแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น
เมื่อรู้แล้ว ชี้ชัดแล้ว หากไม่จัดการเด็ดขาด ย่อมเข้าข่าย มาตรา 157
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี