วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันอาทิตย์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
จดหมาย 2 ฉบับ กับปฏิบัติการ ‘ตบบ้องหู’

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 ม.ค. 2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิเคราะห์ถึงพรรคก้าวไกลต้องทำอย่างไรกับคะแนนนิยมที่หยุดนิ่ง (ตอนที่ 1) โดยระบุว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หรือ “โพลล์” ของหลายสำนัก พบว่า คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 13-15 อาจมีบวกลบอีกร้อยละ 1 โดยที่คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลสูงกว่าพิธาอยู่ประมาณร้อยละ 2-3 คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลและพิธาหยุดนิ่งเท่านี้มานานหลายเดือน จนเกือบครบปีแล้วเกจิอาจารย์กูรูทางการเมืองวิเคราะห์กันว่า คงไม่ได้ไปมากกว่านี้คงหยุดอยู่เท่านี้ หรืออาจถดถอยลงกว่านี้อีกเล็กน้อยเว้นเสียแต่มีเหตุการณ์แบบ “ธนาธรฟีเวอร์” เหมือนช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 

การเลือกตั้งในปี 2562 มีเหตุการณ์สำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ 3 เหตุการณ์ ที่ทำให้คะแนนเสียงของพรรคอนาคตใหม่ทะยานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 


เหตุการณ์แรก ปรากฏการณ์ “ฟ้ารักพ่อ” จากonline สู่ onground ระเบิดพลังออกมา คนรุ่นใหม่จำนวนมากแสดงออกถึงความนิยมที่มีต่อตัวธนาธร จุดระเบิดครั้งแรกคือ งานฟุตบอลประเพณี มธ. - จุฬาฯ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นก็ลุกกระพือเป็น “ไฟลามทุ่ง” 

เหตุการณ์ที่สอง การดีเบตของธนาธรในช่องไทยรัฐ ทีวี ธนาธรทำได้ดีมาก สดชื่น สดใหม่ ชัดเจน เด่นกว่าตัวแทนจากพรรคอื่นๆ จนผู้ชมสนใจ ตามไปค้นคว้า ทำความรู้จัก และตัดสินใจเลือก

เหตุการณ์ที่สาม วันที่ 8 ก.พ. กรณีพรรคไทยรักษาชาติเสนอทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครั้งนั้น ผมถูกตามตัวกลับจากการรณรงค์หาเสียงที่แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ โดยทันที โดยยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจที่นั่น เพื่อรับหน้าที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แสดงจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่ต่อกรณีนี้ 

สามเหตุการณ์นี้ บวกกับ ความสดใหม่ ความชัดเจน บุคลิก และพลังงานอันล้นเหลือของธนาธร ทำให้เกิดกระแส “ธนาธรฟีเวอร์” ไปทั่วประเทศ 

“ผมเชื่อว่า ในการเลือกตั้ง 2566 พรรคก้าวไกลจะไม่มีและไม่สามารถจะมีกระแสแบบ “ธนาธรฟีเวอร์” อีกแล้วประกอบกับ ระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนไป ไม่สามารถนำคะแนนร้อยละ มาคำนวณเป็นที่นั่ง สส.ได้อย่างแน่นอนเป๊ะๆ แบบปี’62ดังนั้น คะแนนนิยมจากสำรวจที่หยุดนิ่งที่ร้อยละ 13-15 จะกลายเป็น สส.เท่าไร พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไรให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก ไปแตะร้อยละ 20-25” นายปิยบุตร ระบุ

จากนั้นเขาบอกว่า มีข้อเสนอ 10 ประการ แต่แจกแจงอย่างละเอียดได้ 5 ประการก่อน เนื้อหาหลักๆที่น่าสนใจคือ

1) ให้คัดเลือกผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ25 คนแรก ให้ดี เด่น โดน มากที่สุด โดยเฉพาะ 10-15 คนแรก ต้องสามารถอวดประชาชนได้ และโดดเด่นกว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคอื่น (ซึ่งส่วนใหญ่ คือ ผู้อาวุโสพรรคและผู้สนับสนุนทางการเงินแก่พรรค) สังคมอาจคาดเดารายชื่อผู้สมัคร 10-15 คนแรก ของพรรคอื่นๆ ได้ แต่กับพรรคก้าวไกล คนคาดเดาได้ยาก เพราะที่นี่ผู้สมัครไม่ต้องเป็นหัวหน้ามุ้ง ไม่ต้องเป็นผู้หาเงินให้พรรค เมื่อพรรคก้าวไกลวางตำแหน่งแห่งที่และเฉดการเมืองต่างจากพรรคอื่นๆ สังคมก็ย่อมคาดหวังสูงกว่าพรรคอื่นๆ ว่า เปิดรายชื่อมาแล้วต้อง “ปัง” ชนิดที่ร้อง “ว้าว” สามารถบอกได้เลย ใครรับผิดชอบนโยบายใด ใครพร้อมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใด 

หากเปิดรายชื่อออกมาไม่โดน นอกจากไม่ได้คะแนนนิยมเพิ่ม เผลอๆ คะแนนนิยมจะลดลงด้วย โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้พรรคก้าวไกล ที่ลงคะแนน สส. เขตให้พรรคอื่น แต่ตั้งใจจะแบ่งมาลงคะแนนบัญชีรายชื่อให้พรรคก้าวไกล ถึงเวลาอาจไม่ลงให้ก็ได้ หากรายชื่อไม่ปัง

พรรคก้าวไกลควรใช้จุดแข็งของพรรคที่ไม่มีธรรมเนียม “ปู่โสมเฝ้าบัญชีรายชื่อ 15 คนแรก” เหมือนพรรคอื่นๆ ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเปิดพื้นที่เหล่านี้ให้คนใหม่ คนนอก คนมีชื่อเสียงโดดเด่นในวงการต่างๆ คนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในประเด็น นโยบายต่างๆ คนที่พร้อมเข้าบริหารประเทศ แสดงชุดรัฐมนตรีของพรรค การเปิดให้มีคนใหม่ๆ เข้ามาจะช่วยขยายเพิ่มคะแนนนิยมของตนออกไปสู่กลุ่มใหม่ๆ ออกไปจากกลุ่มก้อนร้อยละ 13-15 ที่มีอยู่แล้ว 

2) คัดเลือกผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ให้จบโดยเร็ว  ผู้นำพรรคต้องกล้า Set Zero ลำดับบัญชีรายชื่อปี’62 แล้วคัดคนใหม่ ทาบทามคนใหม่มาให้มากขึ้น พร้อมกับคัดคนเดิมที่แสดงผลงานได้โดดเด่น อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาสภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ของผู้นำพรรค ผมเห็นว่า สส.บัญชีรายชื่อปัจจุบัน ที่ประเมินอย่างภาววิสัย ไม่เข้าข้างตนเอง แล้วว่า ตนเองไม่น่าจะอยู่ในลำดับ 25 หรือ 30 คนแรก ก็ควรคุยเปิดอกกับผู้นำพรรคไปเลย ขออาสาไปลงแบบแบ่งเขต หรือไม่ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะอยู่ลำดับที่ต่ำกว่า 25-30 ก็ได้

3) ประกาศผู้สมัคร สส.แบบเขตเลือกตั้ง ให้จบโดยเร็ว ผู้สมัคร สส. เขต คือ “นักรบ” ภาคสนาม ที่กระจายไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พวกเขา คือ คนที่นำเอานโยบายหาเสียงของพรรคที่เป็นตัวอักษร กระดาษ อินโฟกราฟิก วิชาการ ไปทำให้ง่าย รูปธรรม และสื่อตรงถึงประชาชนในทุกพื้นที่ เสมือนเป็น นักบวช มิชชันนารี เผยแพร่ลัทธิคำสอน พวกเขาคือ คนที่จะทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้เข้าถึงใกล้ชิดกับพรรคก้าวไกลมากขึ้น โดยมีพวกเขาเป็น “ทูต” ดังนั้น การมีผู้สมัครแบบเขตครบเร็วเท่าไร ประกาศรับรองให้จบเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมี “นักรบ/นักบวช/ทูต” ที่รับภารกิจนี้เร็วขึ้นเท่านั้น 

4) พิธา ต้องอุทิศตน แรงกาย แรงใจ ในการเดินสายทั่วประเทศ เหมือนธนาธรตอนปี’62 

ผลสำรวจคะแนนนิยมทุกครั้ง พบว่า พรรคก้าวไกลมีมากกว่าพิธา อยู่ร้อยละ 2-3 ในขณะที่เสียงสะท้อนจากพื้นที่ ที่ผมได้ยินมา คือ ประชาชนรู้จักพรรคก้าวไกล ประชาชนรู้จักธนาธร แต่ในบางพื้นที่ ประชาชนยังไม่รู้จักมักคุ้นกับพิธา 

พิธา โดดเด่น และเป็นที่ยอมรับ ในกลุ่มคนเมืองหลวงคนในเขตเมือง (เขต 1 ในจังหวัดต่างๆ) คนชั้นกลางคนชั้นกลางระดับบน คนทำงานออฟฟิศ เยาวชนคนรุ่นใหม่ คนเล่นโซเชียล แต่ในเขตพื้นที่ที่ห่างไกลออกไป พื้นที่อื่น กลุ่มอื่น ชื่อของพิธา ยังไปไม่ถึง 

วิธีการที่จะทำให้ชื่อพิธาไปได้ไกล ไปได้ทั่ว มีอยู่ทางเดียวคือ พิธา ต้องเข้าหา เข้าถึงประชาชน ทั่วประเทศขยายฐานความรับรู้ของคนออกไปจากกลุ่มร้อยละ 13-15 ออกไปจากกลุ่มคนที่รู้จักนิยมพิธาอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มคนที่พิธายังไปไม่ถึง น่าจะเป็นคนในเขตพื้นที่ไกลออกไป คนที่ไม่เล่นโซเชียล 

สมัยพรรคอนาคตใหม่ ในการหาเสียงเลือกตั้ง ปี’62 ธนาธร เป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เดินทางไป 75 จังหวัด (ขาดไป 2 จังหวัด เพราะ ตารางเวลาแน่นมาก) และเดินทางไปพื้นที่เขตเลือกตั้งกว่า 200 เขต (บางจังหวัด ไปครบทุกเขต) ได้ในเวลา 2 เดือนตอนนี้ เหลืออีก 4 เดือน เหลืออีก 120 วันก่อนวันเลือกตั้งพิธา ต้องไปทุกพื้นที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ได้ไม่เท่าธนาธร ก็ขอเกือบๆ เท่า ก็ยังดี 

การเดินสายไปทั่วทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ทั่วประเทศนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนรู้จักเข้าถึงพิธา ทำให้คะแนนนิยมของพรรคและพิธาเพิ่มขึ้นแล้ว ยังสร้างภาวะผู้นำของพิธาให้เกิดแก่สมาชิกพรรคและผู้สมัคร สส.ด้วย อย่างน้อยๆ เหล่า “นักรบ นักบวช ทูต” ของพรรคทั่วประเทศที่ทำงานอย่างหนักและขยันขันแข็ง จะได้มีกำลังใจว่า ในยามที่เขาลงสนามอยู่นั้น แม่ทัพออกมานำทัพเอง แม่ทัพไม่ทิ้งพวกเขา แม่ทัพมาอยู่เคียงข้างพวกเขา 

นอกจากการเดินทางไปทั่วประเทศแล้ว เวทีดีเบต เวทีแสดงวิสัยทัศน์ การออกสื่อ ก็สำคัญ เพราะ ออกทีเดียว ใช้เวลาไม่นาน แต่กระแสยิงไกลไปได้ทั่วประเทศ เมื่อปี 2562 คะแนนพรรคอนาคตใหม่จำนวนมาก มาจากการดีเบตของธนาธร ครั้งนี้ ผมเชื่อว่าพิธา จะทำหน้าที่นี้ได้ดีไม่แพ้กัน 

5) สร้างทีมรณรงค์หาเสียง จากการสังเกตจากวงนอกเข้าไป ผมพบว่า คนที่รับหน้าที่เดินสายไปทั่วประเทศมีอยู่ไม่กี่คน เช่น พี่เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, เพชร กรุณพลเทียนสุวรรณ, รังสิมันต์ โรม, ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นต้น จำนวนเพียงเท่านี้ ย่อมไม่เพียงพอ พรรคก้าวไกลควรกำหนด “ขุนพล” นักปราศรัยของส่วนกลาง ที่พร้อมเดินทางไปทั่วประเทศ แบ่งเป็น 2-3 ชุด ชุดละ 4-5 คน โดยมีตัวหลักที่ต้องอยู่ทุกชุด ผมเห็นว่าพรรคควรตาม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร กลับมารับหน้าที่ “ขุนพลปราศรัยหลัก” อย่างเต็มตัว

วิเคราะห์ : จาก “ใจความย่อ” ที่สรุปมาข้างต้น คำถามคือ ปิยบุตรคุยกับพิธาและคนในพรรคก้าวไกลไม่ได้แล้วหรือ จึงต้องออกมา “สอนผ่านสื่อสาธารณะ” ซึ่งมี
นัยเหมือน “ตบบ้องหู” กันอยู่ในที เป็นการประจานว่า “พิธา ยังทำได้ไม่ดี ยังขาดภาวะผู้นำ ยังเข้าไม่ถึงประชาชน” เส้นใต้บรรทัดที่ต้องขีดให้หนาที่สุดคือ นี่เป็น “ความหวังดี” หรือประสงค์อะไรกันแน่?!

ก็เช่นเดียวกับ “จดหมายน้อย” ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คนั่นแหละที่ย้ำเตือนทั้งเรื่องการทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง, เมื่อ คสช. ตัดสินใจเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็นับว่าอ่อนประสบการณ์ในทางการเมือง

“...ต้องยอมรับความจริงว่า คสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น...”

บางช่วงบางตอน พูดถึง “ความทะเยอทะยาน”ใช่หรือไม่

“...เมื่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงความประสงค์จะทำงานการเมือง โดยอ้างว่าเพื่อสานต่อภารกิจที่ดำเนินการไว้ให้สำเร็จ ผมจึงตัดสินใจสนับสนุนให้มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกฯ ตามที่เจ้าตัวปรารถนา...”

ทีมข่าว แนวหน้าออนไลน์ ให้ข้อมูลว่า...

“...เมื่อไล่ที่มาที่ไปของปฏิบัติการกวนใจ “บิ๊กตู่” ครั้งนี้เบื้องหลังเพจ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ครั้งนี้ กลับพบว่าเกิดขึ้นอย่างไม่ธรรมดา และไม่ใช่จดหมายผิดซอง แต่มันคือปฏิบัติที่มีเป้าหมายหวังผลทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง

...เดิมทีเพจ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นพื้นที่ที่ใช้พีอาร์ “พล.อ.ประวิตร” ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีคนติดตามเพียงหลักร้อย โดยที่ผ่านมามีการโพสต์บนโลกโซเชียลเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการโพสต์ภาพนิ่ง และคลิปวีดีโอภารกิจของพล.อ.ประวิตร

...แต่ “อันวาร์ สาและ” กับ “สัญญา สถิรบุตร” สองคนการเมืองพลังประชารัฐ ที่เล็งเห็นคุณค่าเพจใกล้ร้าง หวังสร้างความหวือหวากับให้พื้นที่พีอาร์ “บิ๊กป้อม” โดยอันวาร์มีแนวคิดว่า ภาพจำที่ประชาชนเห็นในตัว “บิ๊กป้อม”มักจะเป็นมุมทหาร มุมนักการเมือง แต่มีน้อยคนโดยเฉพาะตัว“อันวาร์” จึงเสนอไอเดียต้องการฉายมุมอื่นๆ ของบิ๊กป้อมที่ต่างออกไปจากภาพจำเดิมๆ ที่เคยรับรู้ จึงอยากนำเสนอมุมอื่นๆ เช่น มุมที่ พล.อ.ประวิตรอยู่บ้านทำอาหาร ขับรถส่วนตัว หรือกระทั่งเล่นกับสุนัข จึงไปคุยกับ “บิ๊กป้อม”และรับอาสาว่าจะดูแลเพจดังกล่าวให้ จึงเป็นที่มาของการเสนอคอนเทนต์ “เปิดใจการเมือง” และก็เป็น “บิ๊กป้อม” เองที่ยอมรับแนวคิดดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่า เมื่อ “บิ๊กตู่” เปิดตัวทางการเมืองกับรวมไทยสร้างชาติ และเปิดใจถึงเหตุผลที่ต้องไปต่อในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี “บิ๊กป้อม” จึงตัดสินใจว่าควรเปิดใจบ้างในมุมตัวเองบ้าง ในฐานะที่ร่วมทำงานกันมายาวนาน ในวันที่ถนนแยกเป็นสองสาย ต่างคนต่างต้องเดินไปข้างหน้า ภาพรวมของเนื้อหาในจดหมายผ่านการตรวจปรู๊ฟโดย “บิ๊กป้อม” เอง ผ่านสายตาทุกถ้อยคำทุกประโยค ทุกบรรทัด

...นั่นแหละ “จดหมายเปิดใจ” ดังกล่าว จึงเป็นข้อความที่ซ่อน “ความรู้สึก” บางอย่างของ “บิ๊กป้อม” และอีกนัยก็เป็นการส่งสัญญาณถึงย่างก้าวต่อจากนี้ก่อนจะถึงศึกเลือกตั้ง ซึ่งอาจยาวไปถึงการชิงเป็น “ต้นขั้ว” จัดตั้งรัฐบาล โดยมีเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เป็นเดิมพัน

...“สัญญาณ” ดังกล่าวของ “บิ๊กป้อม” ในจดหมายเปิดใจออนไลน์ จึงส่งไปยัง “บิ๊กตู่” ในฐานะ “พี่ป้อม” ที่ส่ง“น้องตู่” เข้าโลกของนักการเมืองเต็มตัว แต่ซ้อนทับด้วยนัยที่ซ่อนอยู่ในฐานะ “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” ต้อนรับ “แคนดิเดตนายกฯของรวมไทยสร้างชาติ”

...จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า สัญญาณผ่าน จม.เปิดใจ “บิ๊กป้อม” ฉบับนี้ แค่กลยุทธ์ “แยกกันเดิน ร่วมกันตี”หรือ “แยกกันเดิน ตีกันเอง” กันแน่??”

วิเคราะห์ : อันวาร์ สาและ ไม่ใช่คนที่นิยมชมชอบการยังอยู่ในพื้นที่การเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเขาเลือกออกจากประชาธิปัตย์มาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และบิ๊กตู่ก็ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วการต้อง “แยกลุงป้อมออกจากลุงตู่” เป็นสิ่งจำเป็น มิเช่นนั้นพลังประชารัฐจะเป็นแค่ “ไก่รองบ่อน” ของรวมไทยสร้างชาติลุงป้อมจะเป็นแค่ “ผู้ช่วย” มิใช่ “ผู้นำ”

ขณะเดียวกันสิ่งที่ “ลุงตู่” ทำกับ “ลุงป้อม” นั้นลึกๆ ก็น่าจะ “เจ็บ” ไม่น้อย โดยเฉพาะการตั้ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่มีแต่คนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตอนนี้ มาจากแรงหนุนทั้งหมดของพรรคพลังประชารัฐ แถมก่อนหน้านี้ก็ยึดเก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาของพรรคพลังประชารัฐเข้ากรุไปนานนับปีจนไม่มีโอกาสได้สร้างผลงาน ไม่นับการไม่มาสุงสิงกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่หยิบนโยบายที่หาเสียงไว้ไปขับเคลื่อนและอื่นๆ ที่ “พี่ใหญ่” ต้องคอยล้างคอยเช็ดให้ในทางการเมืองมาตลอด

ปฏิบัติการที่อาจถูกตีความว่า เสมือน “ตบบ้องหู” นี้จึงเกิดขึ้นอย่างมีนัย และในจังหวะที่ลุงตู่กำลังเป็น “พลุ” ที่รวมไทยสร้างชาติกำลังจุดเพื่อ “อาศัยแสง”

ท้ายที่สุด “สนิม” ที่เกิดระหว่างปิยบุตรกับพิธาลุงป้อมกับลุงตู่ จะกัดกิน “เนื้อตัวเอง” ลึกขนาดไหน และส่งผลอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:42 น. 'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'
17:40 น. ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ
17:30 น. ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’ ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31
17:30 น. 'เอกนัฏ'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้
17:16 น. บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง
ดูทั้งหมด
ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
'ภูมิใจไทย' แตกหัก 'เพื่อไทย' คดีฮั้ว สว.เป็นเหตุ ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 - ยุบสภา
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
'El Clásico2025' เมื่อเก้าอี้ดนตรีเริ่มบรรเลง
เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย
ดูทั้งหมด
กางเกงยีนส์ลีวายในกองทอง
ศึกป่วยทิพย์ใกล้จบ
เรือของคนโง่
หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล
‘พรรคส้ม’ไปไม่ถึงดวงดาว
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'

สาวใหญ่สุดทน! โร่แจ้งความ ‘ผัวตีนโหดตบ-เตะหน้าปูด’ เผยกินกับข้าวเยอะก็โดน

บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง

'เอกนัฏ'ไม่รู้'เสี่ยเฮ้ง'จ่อย้ายซบ'กธ.' ลั่น!'รทสช.'อยู่ด้วยอุดมการณ์

(คลิป) ‘อิ๊งค์’รับเสียดายโอกาส ‘ทักษิณ’ชวดบินกาตาร์เจอ‘ทรัมป์’ซี้เก่า

สลด! พ่อค้าลอตเตอรี่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในสวน คาดเครียดเรื่องขายไม่ดี

  • Breaking News
  • \'รมว.กลาโหม เยอรมัน\'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ\'ภูมิธรรม\' 'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'
  • ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ ‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ
  • ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’  ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31 ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’ ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31
  • \'เอกนัฏ\'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้ 'เอกนัฏ'สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้
  • บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง บ้านนายกฯ อังกฤษโดนเผา ตำรวจเร่งสอบโยงวางเพลิง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

สังคมที่ ‘ชิงชัง’ ทักษิณ ชินวัตร? แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร

สังคมที่ ‘ชิงชัง’ ทักษิณ ชินวัตร? แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร

11 พ.ค. 2568

‘พีระพันธุ์’ จะรอดหรือจะร่วง

‘พีระพันธุ์’ จะรอดหรือจะร่วง

7 พ.ค. 2568

‘ทักษิณ’ จะต้อง ‘ติดคุก’ หรือไม่?

‘ทักษิณ’ จะต้อง ‘ติดคุก’ หรือไม่?

4 พ.ค. 2568

ไอ้นี่มัน ‘เหวง’ ไม่หาย

ไอ้นี่มัน ‘เหวง’ ไม่หาย

30 เม.ย. 2568

‘กฎหมาย’ หรือ ‘ชะตา’ ที่ไล่ล่า ‘แพทองธาร’

‘กฎหมาย’ หรือ ‘ชะตา’ ที่ไล่ล่า ‘แพทองธาร’

27 เม.ย. 2568

เรื่องของ ‘ทราย สก๊อต’

เรื่องของ ‘ทราย สก๊อต’

23 เม.ย. 2568

‘ไชยชนก ชิดชอบ’ ปิดจ๊อบได้สวย

‘ไชยชนก ชิดชอบ’ ปิดจ๊อบได้สวย

20 เม.ย. 2568

เอา ‘ทักษิณ’ ไปเก็บซะ!

เอา ‘ทักษิณ’ ไปเก็บซะ!

16 เม.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved