วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐสภาเป็นต้นมาไม่เคยมีครั้งใดที่สภาเน่าเฟะเละตุ้มเป๊ะจะเกิดขึ้นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นสภาพที่น่าอับอายขายหน้าของคนทั้งหลายในบ้านเมืองของเรา เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งปวงของประเทศนี้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐสภาของชาติอื่น
แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างทำเป็นธุระไม่ใช่ แม้กระทั่งท่าทีหรือข้อเสนอใดๆ ก็ไม่เคยปรากฏให้คนไทยได้เห็นกัน
สภาพการบริหารบ้านเมืองอยู่ในสภาพรัฐล้มเหลวเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว ความทุจริต ความฉ้อฉล ความบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎร ตลอดจนสภาพที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สมบัติของชาติที่เกิดเหตุราวกับว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา โดยไม่คำนึงถึงบทกฎหมายของบ้านเมืองก็เกิดขึ้นตำตา และไม่มีใครรู้สึกรู้สาใดๆ
กระบวนการยุติธรรมอยู่ในสภาพล้มเหลวมาระยะไม่น้อยแล้ว จนกระทั่งมีคำติฉินนินทาด่าว่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าบ้านเมืองนี้มีคุกไว้สำหรับขังหมาและคนจน เพราะคนที่มีอำนาจก็ดี คนที่มีฐานะการเงินก็ดี ต่างไม่มีใครที่อยู่ใต้อำนาจหรือถูกกระบวนการยุติธรรมสำแดงความยุติธรรมให้ปรากฏได้
องค์กรอิสระและองค์กรตรวจสอบทั้งหลายไม่ได้รับความเชื่อถือมานานแล้ว เพราะบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องหาได้มีที่มาที่เป็นอิสระแต่ประการใดไม่ แต่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ใต้อาณัติของอำนาจ จึงถูกมองว่าเป็นลิ่วล้อบริวารของอำนาจ ดังนั้นความเป็นอิสระในการทำหน้าที่จึงไม่อาจมีขึ้นได้
โจรปล้นบ้านปล้นเมืองด้วยกัน คนรู้เห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ปรากฏผลในที่สุดว่าคนที่มีอำนาจหรือเอี่ยวเกี่ยวข้องกับอำนาจลอยนวล ในขณะที่คนอื่นถูกกับดักจนเป็นคดีความกันต่อไป
เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กระทำความผิดเสียเอง ใช้อำนาจหน้าที่ซึ่งมีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองราษฎรกลับนำมาใช้เพื่อหาประโยชน์ของตนเอง ก่อกรรมทำเข็ญรีดนาทาเร้นราษฎร หนักเข้าก็ก่อกรรมทำเข็ญรีดนาทาเร้นเอากับเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ทั้งบ้าน
ทั้งเมือง
ในที่สุดเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในรัฐสภา ซึ่งในส่วนของสมาชิกวุฒิสภานั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะคนทั้งหลายรู้เช่นเห็นชาติอันเป็นที่มาของคนเหล่านั้นว่ามิได้มาจากความเห็นชอบของราษฎรทั้งปวง แต่มาจากอำนาจ เพื่อรักษาอำนาจ และรับใช้อำนาจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักการและความถูกผิดในระบอบประชาธิปไตย
แทนที่จะสำนึกและสำเหนียกและสำรวมกายใจเพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นเคืองไม่พอใจแก่ราษฎร กลับฮึกเหิมลำพองแสดงท่าทีและพูดจาที่เหยียบย่ำหัวใจของประชาชนไม่ขาดระยะ เป็นบัญชีแค้นแน่นอยู่ในหัวอกของคนไทยอยู่ในทุกวันนี้
และแล้วสภาผู้แทนราษฎรก็อยู่ในสภาพเดียวกัน รัฐบาลจะตั้งขึ้นได้ก็ด้วยความเห็นชอบของผู้แทนปวงชน
เป็นส่วนใหญ่ และจะต้องรักษาเสียงข้างมากในสภาไว้เพื่อเป็นประจักษ์พยานหลักฐานแห่งอำนาจที่ได้รับ
มอบหมายจากราษฎร
ในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นที่รู้กันทั้งโลกว่าเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ก็ต้องยอมรับสภาพในลักษณะสองประการคือ ลาออกเพื่อให้สภาสรรหารัฐบาลใหม่ หรือไม่ก็ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้แก่ราษฎรทั้งปวง
การครองเสียงข้างมากหรือประจักษ์พยานแห่งการมีเสียงข้างมากในสภาแสดงออกก็ด้วยองค์ประชุมของสภา ที่ผู้เป็นรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลเข้าร่วมประชุมให้ครบเป็นองค์ประชุม
เพื่อเป็นประจักษ์พยานแห่งการได้รับอาณัติจากราษฎร และเพื่อให้การงานทั้งหลายของสภาเดินหน้าไปได้ในฐานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมาก
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากในสภาหรือเสียงข้างมากในสภาไม่เอาด้วยกับรัฐบาล ซึ่งแสดงออกได้โดยองค์ประชุมของรัฐสภาที่ไม่ครบเป็นองค์ประชุม ไม่ว่าด้วยประการใดๆ เมื่อนั้นก็คือสัญญาณหมายว่ารัฐบาลไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้ว ไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน หรือไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้แทนปวงชนแล้ว
ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง รัฐบาลก็ต้องยอมรับและลาออก แต่ถ้ารัฐบาลเชื่อมั่นว่าเป็นฝ่ายถูกต้องก็ต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เกิดปรากฏการณ์ที่แสดงอย่างชัดเจนว่าผู้แทนของประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลและไม่เอาด้วยกับรัฐบาล ดังนั้นจึงแสดงออกโดยองค์ประชุมของสภาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันแสดงออกให้การประชุมไม่ครบองค์ประชุม
เป็นเหตุให้ผู้ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต้องสั่งปิดการประชุมเป็นประจำ ซึ่งอย่าว่าแต่เป็นประจำเลย แม้เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งก็ต้องยุบสภาหรือลาออกแล้ว
ผู้ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมได้ตำหนิรัฐบาลอย่างเปิดเผยในท่ามกลางสภาว่าต้องรับผิดชอบในการมีเสียงข้างมาก และในการทำให้สมาชิกฝ่ายรัฐบาลเข้าร่วมประชุมเป็นองค์ประชุม แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และต้องสั่งปิดประชุมครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุการณ์สภาล่มแล้วล่มอีกเกิดขึ้นเป็นอาจิณ แต่ก็ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ให้ปรากฏ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรได้ออกปากไล่ตะเพิดรัฐบาลให้ยุบสภา โดยระบายความรู้สึกอัดอั้นอย่างเดียวกันกับสมาชิก คือ รัฐมนตรีก็ไม่มาตอบกระทู้ในสภา รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาองค์ประชุมที่ต้องดำรงเสียงข้างมากได้เลย จึงออกปากไล่ให้ไปยุบสภา
แต่ไม่มีเสียงแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากรัฐบาล นี่ก็คืออาการสภาล้มเหลวที่ครบถ้วนสมบูรณ์ความในบรรดาองค์อำนาจแห่งระบอบประชาธิปไตยว่าล้มเหลวไปหมดสิ้นแล้ว แต่ยังดื้อรั้นดันทุรังไม่รับผิดชอบใดๆ ในความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
อนิจจาประเทศไทย!

ดูได้ที่นี่ รายชื่อพร้อมเบอร์ ผู้สมัคร เพื่อไทย สส กทม ครบทุกเขต
ไร้เสียงปืน เปิดคลิปชายแดนบ้านหนองจาน หยุดยิงหลังลงนาม GBC จันทบุรี
เผชิญหน้า ไอซ์ เจอ รองเฮ้ง หลังเพจดังชวนรวมตัวขับไล่
วัดใจเขมร 72 ชม.ถ้าไม่นิ่ง กองทัพพร้อมโต้กลับมาตรการสูงสุด ชาวบ้านอพยพ รอสัญญาณความปลอดภัย
เพชรบูรณ์คึกคัก! เปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรก ‘สันติ’ นำทีมภูมิใจไทยชิงเก้าอี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี